ท่อนบนเปล่าเปลือยของปราณนต์ที่มนรดาได้เห็นชัดเจนในเวลานี้ทำให้เธออดที่จะหลุบตาลงต่ำไม่ได้ จากเมื่อคืนภายใต้แสงเทียนส่องสว่างให้เห็นแต่เพียงเลือนรางภาพกล้ามเนื้อกับสีผิวของผู้ชายคนนั้นยังไม่เผยให้เห็นชัดเจนจนเกินไป แต่เวลานี้ แสงอาทิตย์ที่สาดทอให้ความสว่างไสวทำให้เธอได้เห็นรูปร่างของเขาชัดเจน จึงอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ ทว่าความรู้สึกเหล่านั้นก็ถูกกำจัดให้หายไปอย่างรวดเร็ว เธอหลับหูหลับตาเดินเข้าใกล้เขาอีกครั้งแล้วถอดกางเกงยีนที่ไม่มีเข็มขัดของเขาลง
ร่างกายท่อนล่างที่มีเพียงกางเกงยีนตัวเดียวปรากฏแก่สายตา ทำเอามนรดานิ่งงันไปเล็กน้อย ในส่วนนั้นของเขาเธอเคยกัดมาแล้ว ไม่ต้องมองให้ชัดก็เห็นรอยบวมแดงกับรอยเขี้ยวของตัวเองปรากฏอยู่ เธออยากถามว่าเขาไม่เจ็บหรือ ยังจะให้ทำเรื่องนั้นต่อไปโดยไม่กลัวว่าเธอจะบ้าดีเดือดทำลายมันอีกหรือยังไง
“ถอดเสื้อ” เมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าครุ่นคิด แถมยังจ้องมองปรานน้อยเป็นพิเศษชายหนุ่มก็อดเอ่ยเสียงเข้มขึ้นไม่ได้
“อย่าได้คิดตุกติกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นละก็ ฉันจะใช้มีดปาดหน้าอกทั้งสองข้างของเธอแล้วโยนให้หมากิน” เขาเอาคำขู่ที่เคยทิ้งไว้ในค่ำคืนนั้นมาสนองตอบโดยไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียว
“ถอดออกให้หมด” ปราณนต์ย้ำสั่งอีกครั้ง
มนรดามองผู้ชายร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าอย่างตัดสินใจ แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะคิดยังไงชีวิตของเธอก็ถูกกำหนดให้เดินบนเส้นทางนี้ ให้เป็นคนไร้ค่าในสายตาของเขา สุดท้ายก็หลุบตาลงต่ำแล้วค่อยๆ ถอดเสื้อยืดของเขาทิ้ง ตามด้วยเข็มขัดและกางเกงที่ไม่พอดี เมื่อร่างกายกลับมาเปล่าเปลือยอีกครั้งก็เดินไปยังเตียงกว้าง ทว่ายังไม่ทันได้ทิ้งตัวลงนอน เอวคอดกิ่วก็ถูกเกี่ยวเอาไว้ ลำแขนกำยำของปราณนต์รวบเอาเอวเล็กคอด ดึงรั้งเบาๆ แผ่นหลังเปลือยเปล่าให้แนบกับร่างกายส่วนหน้าของเขาจนไร้ช่องว่าง
หญิงสาวอดสูดหายใจไม่ได้จริงๆ ถึงแม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้ว ทว่าพอถูกเขาใกล้ชิดเหงื่อกาฬแห่งความหวาดกลัวก็แตกพลั่กๆ
เมื่อรับรู้ว่าร่างกายของมนรดาแข็งทื่อแต่ยังสั่นไหวน้อยๆ ชายหนุ่มก็พึมพำถามเบาๆ แถวหลังใบหูสะอาด “กลัวหรือ...”
คำตอบของมนรดาก็คือยืนตัวเกร็งยิ่งกว่าเดิม ลมหายใจอุ่นจัดที่รดหลังใบหูให้ความรู้สึกทั้งหนาวทั้งร้อนจนเธออยากจะตายไปซะตรงนี้ ติดที่ต่อให้อยากตายแค่ไหน ผู้ชายโฉดชั่วก็คงไม่ยินยอม
“กลัวฉันมากขนาดนั้นเชียว”
ในเมื่อเขาพยายามตอกย้ำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น จึงส่งเสียงฮึเบาๆ “ฉันไม่ได้กลัวคุณ แต่กลัวว่าร่างกายของฉันจะต้องถูกคนสารเลวอย่างคุณย่ำยีต่างหาก ความจริงแล้วคนสกปรกอย่างคุณ ไม่สมควรจะได้แตะต้องร่างกายของฉัน”
“ตัวเธอมีค่าขนาดนั้นเชียว”
“ก็ตีเป็นเงินตั้งห้าแสนไม่ใช่หรือไง”
“ห้าแสนหรือ นั่นมันแค่เศษเล็บของฉันเท่านั้น ความหมายตรงๆ ก็คือ เธอก็เป็นได้แค่ขี้เล็บที่ฉันจะสะกิดทิ้งเมื่อไรก็ได้ แต่เสียใจด้วยสาวน้อย ต่อให้เธออยากให้ฉันทิ้งเธอมากแค่ไหน ฉันก็ยังต้องการขี้เล็บไร้ค่าอย่างเธออยู่ดี” เขาว่าพลางแนบปากลงกับหลังใบหู ปาดลิ้นไล้เลียเบาๆ ทำเอามนรดาตัวสั่นเทาอย่างยากจะอดกลั้น
ปราณนต์ยิ้มน้อยๆ แล้วแนบปากและลิ้นลงไปตามติ่งหูกับลำคอขาวผ่องของหญิงสาว ฝากร่องรอยแดงจางๆ เอาไว้เป็นบางจุดก็จริงแต่ว่าทุกๆ ตารางพื้นที่ตั้งแต่ข้างแก้มลงมาถึงไหปลาร้า เขาได้ฝากรอยจูบจากจมูกและปากเอาไว้ไม่ให้มีจุดใดตกหล่น
มือทั้งสองข้างของมนรดากำแน่น พยายามบังคับร่างกายกับจิตใจไม่ให้เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของเขา แต่ถึงจะอย่างนั้น ปากอุ่นร้อนที่นาบแนบลงไปตามแผ่นหลังก็ยังทำให้เธอสะดุ้งน้อยๆ อยู่ดี
“คิดจะยืนเป็นท่อนไม้ไร้อารมณ์หรือยังไง” มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้น แล้วครูดฟันสะอาดไปตามหัวไหล่มน บางคราก็ขบกัด “ฉันก็อยากจะรู้นัก ว่าเธอจะทำตัวตายด้านได้อีกนานแค่ไหน”
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่เล้าโลมหรือคิดจะทำให้เธอซ่านเสียวไปกับสัมผัสวาบหวามอีกแล้ว ปราณนต์ทำเพียงดันกายของมนรดาไปข้างหน้า บังคับให้เธอก้มโค้งตัวลงแล้วเขาก็เคลื่อนเข้าครอบครองอย่างบ้าคลั่ง ทำเอาร่างกายส่วนนั้นของมนรดาฉีกขาดจนเลือดสีแดงฉานไหลรินลงมาไม่หยุด แต่ถึงจะเจ็บกับการครอบครองที่ป่าเถื่อนของเขาแค่ไหน หญิงสาวก็ทำได้แค่เพียงกัดปากข่มกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา แถมยังไม่ยอมปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมาแม้แต่หยดเดียว
ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ปากถูกกัดจนเขียวช้ำ ขณะที่เล็บเล็กๆ จิกลงไปในกลางฝ่ามือ เธอปล่อยให้ปราณนต์เข้ามาในร่างกาย หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกับร่างของเธอ อดทน อดกลั้น แต่จะไม่มีวันปล่อยให้เขาได้ยินเสียงของเธอแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เขาจะได้ยินจากเธอมีแต่เสียงก่นด่าและสาปแช่งเท่านั้น
“ฉันเกลียดคุณ!” ในที่สุดก็สามารถพูดออกมาได้ “ฉันเกลียดคุณ”
ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงตะโกนแผดเสียงด่าออกมาด้วยความเจ็บแค้นเลยสักนิด ร่างกายท่อนล่างของเขายังคงลุกล้ำเข้าครอบครองเธออย่างบ้าคลั่ง ต่อให้รู้สึกเจ็บบ้าง แต่การได้เห็นหญิงสาวเจ็บยิ่งกว่ามันก็คือชัยชนะของเขา