อลินเดินมองดูรูปภาพในกรอบสีขาวของคุณหมอคนหล่อภายในห้องของเขาเพื่อฆ่าเวลาระหว่างเฝ้ารอ วันนี้เธอมาเร็วกว่ากำหนดนัดไปสิบนาที ร่างเล็กเดินก้มๆเงยๆมองดูรูปหมอวีรวัชรตอนเด็กแล้วยิ้มจนตาหยี
“หืม มีแววหล่อตั้งแต่เด็กเชียว”
เธอเดินผ่านโต๊ะทำงานไปทางด้านหลังพบเสื้อกราวที่ห้อยเอาไว้ แม่สาวจอมซุกซนก้มลงสูดดมกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆบนปกเสื้อพอดีกับที่หมอวีเดินเข้ามาเห็น
“อะแฮ่มๆ”
“อุ้ย สวัสดีค่ะ” อลินรีบหันหลังขวับ ยกมือไหว้คุณหมอแล้วรีบกลับมานั่งเก้าอี้
“อืม กำหนดเรา พรุ่งนี้นี่นา”
“คือ... เมื่อคืน ลินได้ยินอีกแล้ว อาการก็เดิมๆ ไม่ดีขึ้นค่ะ”
“มีงานแต่งที่ผับ? หรือเค้าขอสาวแต่งงาน?"
“เค้าขอสาวแต่งงานค่ะ เห้อ ทุกคนมีความสุขมาก แต่ฉันกลับรู้สึกเกลียดคนพวกนั้นทันทีที่เพลงนั้นดังขึ้น”
“นานกี่นาที”
“สี่นาทีห้าสิบสามวินาทีค่ะ”
“จำได้แม่นเชียว”
“ก็ลินนั่งนับเลขในใจตามที่หมอวีเคยบอก”
“ดีมาก”
เพราะเดือนก่อนเธอเคยอาละวาดงานแต่งเพื่อนอย่างหนักโดยการกรีดร้องเสียงดัง เพื่อนๆคอยกันเอาไว้ไม่ให้เธอวิ่งขึ้นไปป่วนบนเวที ทั้งที่จริงเธอจงใจวิ่งหาเครื่องเสียงเพื่อปิดมัน สรุปคืนนั้น เธอโดนเจ้าสาวตัดขาดคำว่าเพื่อน ผู้คนในงานต่างคิดว่าเธอเป็นแฟนเก่าของเจ้าบ่าว แต่ยังดีที่เมื่อคืนเธอพอตั้งสติได้โดยการรีบวิ่งหนีเข้าไปควบคุมอารมณ์ในห้องน้ำ
ชีวิตเธอตอนนี้จึงมีแค่น้ำหวานที่ยังเป็นเพื่อน
“ถ้าได้ยินอีกฉันจะโทรให้หมอไปหาที่ผับ”
“ก็เคยบอกแล้ว ว่าผมไม่ชอบที่แบบนั้น”
“ลินก็ไม่ชอบค่ะ แค่เงิน”
“เห้อ ก็ออกจากงานแบบนั้นซะสิ”
“เห้อ พูดยังกับงานดีๆบวกเงินดีสมัยนี้หาง่ายปานนั้น เกรดเฉลี่ยฉันก็ปานกลาง ไม่ได้เกียรตินิยมเหมือนหมอนี่นา”
“ว่างป่ะ? รอผมเคลียร์งานอีกสักครึ่งชั่วโมงจะพาไปกินไอศกรีม” วีรวัชรนั่งเท้าคางจ้องใบหน้าเรียวสวย
เธออาจจะไม่ใช่ผู้ป่วยอาการหนัก แต่เธอควรจะได้ผ่อนคลายไร้การพูดคุยแบบตึงเครียด
ค่อยๆรักษาไปทีละนิด และเธอก็คงไม่รู้ตัว ว่าเขากำลังแอบรักคนไข้จอมซนคนนี้อยู่
“ว่างค่ะ... อืม หมอคะ ฉันเคยคิดว่า ฉันหายดีแล้ว เหมือนตอนนั้น ที่หมอพาฉันหลับตาแล้วเต้นรำด้วยเพลงนี้”
“ถ้าบังเอิญได้ยินอีก ก็หลับตาแล้วคิดถึงหน้าหมอ หรือไม่ก็ โทรหาผมเลย โอเคไหม?”
“แล้ว ยาล่ะคะ”
“คุณไม่จำเป็นต้องกินยารักษาอีกแล้ว มันขึ้นอยู่ที่ตรงนี้” วีรวัชรบอกกับเธอพลางชี้นิ้วลงที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง
“ที่ใจของหมอวี?"
“ฮ่าๆ ตลกแล้ว ผมหมายถึงนี่...ที่ใจคุณ” คุณหมอสุดหล่อเบนปลายนิ้วชี้ไปที่หน้าอกด้านซ้ายของหล่อน
“งืม... หอมพอๆกับเสื้อเลยแฮะ” อลินยื่นใบหน้าออกไป พร้อมย่นจมูกสูดดมปลายนิ้วคุณหมอหนุ่ม ทำเอาวีรวัชรอมยิ้มจนหน้าแดง
“เห้อ จริงๆเล้ย”
...อลินนี่ ยังคงซุกซนไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ..
“ฉันจะเอากลิ่นนี้ไปอวดยัยน้ำหวาน”
“ฮ่าๆ เอาล่ะ รอผมในห้องนี่แหละ เดี๋ยวมา” วีรวัชรก้มดูนาฬิกาบนข้อมือแล้วขยิบตาให้เธอหนึ่งทีออกจากห้อง
ตื๊ดดดด/เสียงมือถือของลินดังขึ้นหลังจากที่หมอวีออกจากห้องไปไม่นาน
“ค่ะแม่”
'ลิน แกรีบมาหาฉันด่วนเลย ฮือๆ'
“แม่ เป็นอะไร?”
'ฮือๆ มาเดี๋ยวนี้ พ่อแม่แกกำลังมีปัญหา มาเร็วๆเลยนะมึง ฮึก ฮือ'
อลินรีบวิ่งออกจากห้องหมอวีโดยลืมเขียนโน้ตไว้ดังที่เคยทำเวลาที่เธอมีธุระด่วน เพราะเธอกับหมอวีรู้จักกันผ่านการรักษาที่แผนกจิตเวชเป็นเวลาเกือบห้าปีแล้วตั้งแต่คุณหมอเรียนจบใหม่ๆ ทั้งสองต้องเจอหน้ากันอาทิตย์ละครั้ง จึงเกิดความสนิทสนมเรื่อยๆกลายเป็นเพื่อนกันโดยปริยาย เธอชอบหยอกล้อหมอหนุ่มพอให้หัวใจที่แอบปลื้มได้กระชุ่มกระชวยและไม่คาดหวังหรอกนะว่าคุณหมอสุดหล่อคนนี้จะรักเธอ ใครกันจะรักผู้หญิงธรรมดาๆแถมไม่ปกติอีก
.....................................
อลินยืนมองพ่อแม่บุญธรรมที่กำลังนั่งกุมขมับอยู่กับพื้นบ้าน ตอนนี้เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างไม่เหลือสักชิ้น เพราะเจ้าหนี้นอกระบบรายใหญ่ได้สั่งให้ลูกน้องมาหอบเอาไปแทนดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ซ้ำยังขู่จะเอาชีวิตหากไม่รีบมาจ่ายเงินต้นเกือบสิบล้าน
“ฮือๆ เอาไงดียัยลินพ่อแม่มึง เราจะถูกฆ่าแล้ว”
“ไหนพ่อกับแม่บอกว่าจะเลิกทำโต๊ะหวยใต้ดินแล้วไง”
“กูกับพ่อมึงกะจะกลับมาลองทำใหม่สักตั้งเผื่อกลับมารวย ฮือๆ ไอ้พวกชาวบ้านมันไปได้เลขเด็ดจากไหนไม่รู้ กูขาดทุนสามงวดซ้อนละเนี่ย”
“ก็เลิกทำซะสิแม่ถ้ามันขาดทุนเยอะขนาดนั้น ที่ทางตั้งหลายไร่ก็ขายซะเกลี้ยงเหลือแค่บ้านหลังเดียว เดี๋ยวบ้านก็โดนยึดจะเหลือแต่ตัวอีก”
“หนอย อย่ามาดูถูกอาชีพนี้ของพวกกูนะเว้ย ตอนเด็กๆมึงมีกินมีใช้อยากได้อะไรกูก็ซื้อให้ มันก็เงินโต๊ะหวยของกูนี่แหละ”
“ก็ถ้าดวงไม่มีแล้วก็ไปทำอย่างอื่นสิแม่”
“หยุดนะอิลิน กูไม่ได้เลี้ยงให้มึงมาด่ากูฉอดๆนะ รู้งี้กูปล่อยให้ไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าแล้ว”
“เงียบน่าแม่” ชาตรีปรามภรรยาเบาๆ กลัวประโยคนั้นทิ่มแทงใจลูกสาว
“โถ่ พ่อแม่ เงินเดือนหนูแค่สามหมื่นเอง บอกตรงๆเงินเก็บมีสองแสนกว่าจะไปพออะไรกัน”
“ก็เขาลือกันให้แซดว่ามึงน่ะไปขายตัวด้วย มึงต้องมีมากกว่านี้สิวะ หน้าตาสวยๆอย่างมึง ลองหาเสี่ยรวยๆขายตัวครั้งละแสนสิอิโง่ จะไปขายหลักพันหลักหมื่นให้ตายมึงก็ไม่รวย”
"แม่ หนูไม่เคยขายตัวนะ”
“ชิ อย่ามาโกหกกูอีลูกไม่รักดี ชาวบ้านบอกกูว่าอีน้ำหวานเพื่อนมึงน่ะเลื่องชื่อจะตายมึงคงไปขายตัวด้วยกันอยู่แล้ว ไหนๆก็เสียคนแล้ว ก็ช่วยกูมั่งสิวะ”
“ฮึก.. แม่”
“ไอ้เสี่ยดำมันจะยึดบ้านเราแล้ว มึงไม่เสียดายบ้านหลังนี้ที่มึงอยู่มาตั้งแต่เล็กเลยใช่มั้ย แถมมันยังตีราคาบ้านของเราแค่ห้าล้าน ที่ซุกหัวนอนก็จะไม่มีแถมจะเป็นหนี้อีกห้าล้าน ฮือๆ มันฆ่าพ่อแม่มึงตายแน่นังลิน”
อลินทรุดนั่งลงข้างๆพ่อแม่บุญธรรมอย่างคิดไม่ตก ไม่นึกว่าชีวิตท่านทั้งสองจะตกอับถึงเพียงนี้ แต่ก่อนชาตรีและสิรีรัตน์ เคยเป็นเจ้ามือโต๊ะหวยใต้ดินผู้ร่ำรวยแถมยังปล่อยกู้นอกระบบให้ชาวบ้าน ทั้งสองสวมสร้อยคอทองคำเส้นใหญ่แถมสวมแหวนจนครบทุกนิ้ว เธอยังจำได้ติดตาตั้งแต่ยังเล็ก
ชีวิตของสองสามีภรรยาคู่นี้มีความสุขทุกอย่างยกเว้นการมีลูก เกิดเคราะห์ร้ายกับพ่อแม่ของอลินซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของทั้งคู่ต้องด่วนตายจาก ด้วยความเอ็นดูทั้งสองจึงรับเลี้ยงอลินไว้ในบุตรบุญธรรม พอช่วงหลังโชคไม่ค่อยเข้าข้างทำให้ขาดทุนหนักจำต้องไปยืมเสี่ยเงินกู้รายใหญ่มาจ่ายค่าหวย แรกๆอาจจะพอหมุนทัน พอนานเข้าจากแค่ล้านสองล้านกลับกลายเป็น10ล้าน และตอนนี้บ้านกำลังจะถูกยึดซ้ำยังโดนพวกมันขู่จะเอาชีวิต เสี่ยดำยิ่งเลื่องลือในเรื่องทวงหนี้โหด ลูกหนี้หายสาปสูญไปตั้งกี่รายแล้ว มันคิดว่าชาตรีและสิรีรัตน์แอบซุกเงินก้อนสุดท้ายเพื่อหนีไปที่อื่นไม่ยอมจ่ายหนี้ ทั้งที่จริงแล้วพ่อแม่เธอไม่เหลือเลยสักบาท
ทั้งรู้สึกเห็นใจและเสียใจที่เธอตอบแทนท่านไม่ได้ เงินเป็นสิบล้านจะไปหาที่ไหน
แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของแดเนียล..
"ไม่ๆ"
เธอต้องรีบสลัดความคิดบ้าๆนั้นทิ้งทันที
อลินรีบบึ่งไปขอคำปรึกษาจากน้ำหวานถึงห้อง เพราะเธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้วจริงๆ
“เห้อ มึงคิดอะไรอยู่ จะให้กูพาไปยืมตังค์คุณพอลตั้งสิบล้าน อิบ้า!”
“กูไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
“ก็ขายตัวไง กูได้ยินพวกแดนเซอร์เค้าลือกันนะเว้ย ว่าเมื่อคืน มึงน่ะไปขายตัวให้คุณแดเนียล”
“มึงเชื่อพวกนั้น?”
“กูไม่เชื่อไง ว่าสาวเวอร์จิ้นอย่างมึงน่ะ จะขึ้นงานปุบปับโดยไม่ถามกู”
“เห้อ กูพูดไปเล่นๆว่าน้ำละ1ล้านบาท”
“แล้วเค้าเอาจริงใช่มะ? มึงบอกมา เห้ย กูตื่นเต้นแทน” น้ำหวานรบเร้าพลางตบตีไหล่และแขนเพื่อน
“ไปๆมาๆ เค้าเอาจริง บอกว่า5ล้านต่อครั้ง”
“เห้ยยยย” น้ำหวานตาโตอ้าปากค้าง
“มึง มึงกลับไปคุยกับเค้าเลยนะนังลิน นั่นห้าล้านนะเว้ย ถ้าคืนนึงมึงไหวไปถึง2หรือ3น้ำนี่ 10กว่าล้านนะจ้ะ โอ๊ย กูขนลุกเว้ยอิลิน มึงตอบตกลงไปเลยลิน คืนนี้มึงรีบไปเลย"
น้ำหวานแนะนำพร้อมเขย่าตัวเพื่อนอย่างหน้าตาตื่น
"ถ้ามึงกลัวเดี๋ยวกูจะพาเปิดหนังโป๊สอนเอง แล้วแบ่งค่าครูให้กูด้วย”
“เอาจริงเหรอวะ?"
“เออ มึงอยากให้พ่อแม่มึงตายเพราะเงินแค่10ล้านที่มึงหาได้ง่ายกว่าปอกกล้วยเหรอ?"
“ไม่กล้าว่ะ กูกลัวมึง มันเสียศักดิ์ศรี”
“เห้อ มึงยังไม่มีแฟน แล้วเกิดมึงมีแฟนกูสาบานได้ว่าเค้าคงเปิดซิงมึงแบบไม่เสียตังค์สักบาท”
“เห้ย นั่นมันความรักนะเว้ย มึงจะตีค่าเป็นเงินไม่ได้”
“แล้วมึงมีความรักยัง?"
“ยัง”
“ก็นี่ไง มึงจะเจอหรือเปล่าไม่รู้ไอ้เนื้อคู่ของมึง แค่คนมาจีบมึงก็กลัวจนวิ่งหนีมากี่คนแล้ว”
“เห้ออ”
“ฟังกูนะลิน" น้ำหวานประคองใบหน้าเพื่อนให้จ้องมองเธอตรงๆ
"จะเสียตัวทั้งที มึงต้องมีเงินไปใช้หนี้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่อุตส่าห์เลี้ยงมึงมา ท่านทั้งสองรักมึงนะเว้ย ถ้าขายตัวแบบปกติกูไม่เคยสนับสนุนมึงเลย แต่นี่ เงินตั้งหลายล้านแถมยังเป็นผู้ชายที่หล่อโคตรอีก โอ๊ย เป็นกูหน่อยสิมึง”
...ถ้าเป็นเธอนะหรือ ยอมตั้งแต่สองร้อยละ ยอมเสียตัวฟรีก็ยอมเลยเอา ถ้าเป็นคุณแดเนียล
สุดท้าย อลินจึงตัดสินใจทำเรื่องที่น่าละอายแต่โดยดีเพราะไม่อยากให้พ่อแม่โดนฆ่าตาย เธอติดต่อกลับไปยังผู้จัดการพอดีกับที่แดเนียลยังอยู่ที่เมืองไทย
..และตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ข้างๆเขาโดยมีพอลบอสของสกายผับ และผู้มาใหม่อีกหนึ่งคน นามว่าฟรังค์โก้ เธอเป็นหนึ่งในสามสาวที่นั่งขนาบข้างคอยชงเหล้าและตอนนี้เขากำลังโอบกอดเธออยู่ หัวใจเธอเต้นแรงทำตัวไม่ถูก
..เห้อ อึดอัดเป็นบ้าเลย ไหนจะชุดล่อแหลมที่เธอพยายามดึงชายกระโปรงลงเมื่อโดนสายตาของฟรังค์โก้และพอลกำลังมองมาที่เธออยู่ ..รู้สึกไร้ค่าชะมัด
“ไงแดเนียล วันนี้เด็กมึงน่าลองมาก” ฟรังค์โก้ปรายสายตามองเธอแล้วนึกอยากแจมด้วย
“หึ” แดเนียลหันไปโอบเอวเธอเอาไว้แนบแน่นพลางหอมแก้มเธอฟอดใหญ่จนหล่อนเบิกตาโพลง
“เฮ้ย อย่าหวงสิเว้ย ปกติมีอะไรเราแบ่งกันตลอด” ฟรังค์โก้ส่งสายตาให้กับดานิโล่พลางบอกกลายๆว่าปกติแดเนียลที่ตายไปมักชวนเขาร่วมแจมด้วยเสมอ และเขาเองก็อยากจะลองแม่นักร้องสาวสวยหน้าอกอวบตูมคนนี้ไม่น้อย เห็นท่าทางหล่อนที่นั่งตัวสั่นแล้วน่าสอนท่ายากนัก
“วันหลังแล้วกันว่ะ ... เธอออกไปก่อน อีกครึ่งชั่วโมงไปหาฉันบนห้องชั้นบนสุด” ดานิโล่ปฏิเสธเพื่อนพลางหันไปสั่งอลินให้ออกไปก่อนจะโดนไอ้พอลและฟรังค์โก้แทะโลมไปมากกว่านี้