“ไพลิน เธอไปทำอะไรให้พายุไม่พอใจหรือเปล่า” มัดหวายเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัยหลังจากที่เข้ามากินข้าวกลางวันในโรงอาหาร
“นั่นสิ ไม่ใช่เรื่องปกติเลยนะที่พายุจะมาเข้ากลุ่มกับเรา” ลูกแพรเห็นด้วยกับมัดหวาย เพราะกลุ่มของเธอขึ้นชื่อเรื่องการเรียนมากกว่าทำกิจกรรม ถึงแม้ว่าจะอยู่ในคณะที่เต็มไปด้วยงานกิจกรรมก็ตาม แต่พวกเธอก็ไม่ได้สนิทสนมกับเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นมากนัก เพราะฐานะที่แตกต่างกันสุดขั้ว โดยเฉพาะพายุที่เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของกลุ่มการค้าใหญ่
ปกติเห็นแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าใส่ ไม่เคยเห็นวิ่งเข้าหาใครแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะกับหญิงสาวเฉิ่มเชยอย่างเพื่อนของเธอ
ไพลินดันแว่นขึ้นเพื่อปกปิดความกังวลในสายตาของตน ใช่...เธอก็กำลังคิดแบบพวกเขาเหมือนกัน พายุไม่น่าจะเข้าหาเธอด้วยความพิศวาส แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่า
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” คงไม่ใช่เพราะเมื่อเช้าเผลอไปคุยด้วยหรอกนะ เขาถึงได้เข้าหาเธอแบบนี้
อีกทั้งการที่เขาเข้ามาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ มันไม่ได้ทำให้เธอใจเต้นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับทำให้เธอเป็นกังวลมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ราวกับว่าโชคชะตาได้ปักธงหายนะที่หัวของเธอเข้าแล้ว
ไพลินแสร้งทำเป็นไม่รู้และก้มหน้ากินข้าวผัดกุ้งของเธอต่อไป แต่ยิ่งเคี้ยวกลับยิ่งไร้รสชาติ ทั้งที่เป็นของโปรดแท้ๆ
เพราะผู้ชายคนนั้นคนเดียวที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นคนหวาดระแวงแบบนี้!
“ช่างมันเถอะ ได้พายุมาอยู่ในกลุ่มก็ดี งานนี้พวกเราอาจจะได้คะแนนเต็มก็ได้ คะแนนเต็มไปด้วยความพิศวาสน่ะ” ชานมพูดติดอารมณ์ขัน
เพราะตอนแรกตั้งใจกันว่าจะมองหานายแบบโฆษณาจากคณะอื่น แต่กลับได้ดาราตัวทอปของคณะมาแทน ก็นับว่าคุ้มค่าอยู่ ถึงแม้ว่าจะถูกกีดกันจากการทำงานร่วมกันก็ตามที แต่พวกเธอก็ไม่ได้สนิทกับใครนอกกลุ่มอยู่แล้ว
“นั่นสิ ถ้าได้พายุมาเป็นนายแบบให้ วิชานี้ก็เอเห็นๆ” มัดหวายตาเป็นประกายด้วยความปลาบปลื้มใจ ในเวลานี้พายุเหมือนพระมาโปรดกลุ่มของเธอจริงๆ หลังจากที่เคยคิดว่าอาจจะชวดเอวิชานี้ไปเสียแล้ว
ไพลินยิ้มเจื่อนเมื่อเพื่อนของเธอเหมือนจะโดนเขาตกไปกันหมด ซึ่งเธอเองก็แอบเห็นด้วยนิดๆ เพราะเธอก็ต้องการเก็บเอวิชานี้เช่นกัน
ถ้าได้เกรดเอวิชานี้ ก็เท่ากับว่าปีนี้เธอก็ได้เอครบทุกวิชา ปีหน้าก็เหลืออีกไม่กี่หน่วยกิตเท่านั้น เกียรตินิยมอันดับหนึ่งที่เธอใฝ่ฝันก็อยู่แค่เอื้อม
จะยอมให้ผู้ชายคนนั้นมาทำลายแผนการในอนาคตของเธอไม่ได้!
ไอเวรี่บาร์
“พี่ไอวี่ ถ้าพี่เห็นหนูข้างนอก พี่จะจำได้ไหมคะ” ไพลินเงยหน้าถามพี่สาวที่ยืนปัดขนตาอยู่ข้างๆ
แม้ว่าไอวี่จะเป็นพี่สาวที่ผ่าตัดมา แต่เธอก็เป็นหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่ง และเป็นนักเอนเตอร์เทนเบอร์หนึ่งของไอเวรี่บาร์อีกด้วย แน่นอนว่ามีลูกค้าติดกันตรึมเลยทีเดียว
“ถ้าไม่ใช่คนสนิทก็จำไม่ได้หรอกจ้ะ ก็น้องสาวพี่แปลงโฉมได้เก่งขนาดนี้” ไอวี่ชมเสียงใส
ไพลินหัวเราะเบาๆ ให้กับคำเหน็บแนมของพี่สาว ที่ว่าเธอไม่ใช่คนสวยอะไรตั้งแต่แรก แต่สวยด้วยเครื่องสำอางต่างหาก ซึ่งมันก็ไม่ผิด...ต้องขอบคุณประสบการณ์การแต่งหน้าที่เรียนรู้มาจากแม่ของเธอตั้งแต่เด็ก จึงทำให้เธอสามารถแปลงโฉมได้หลากหลายเช่นนี้ และพริตตี้ก็คือลูกครึ่งเอเชียตะวันตกที่เธอสร้างขึ้นมาปีกว่า
จึงทำให้ไม่มีใครรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ แม้ว่าจะถูกคนบางคนสงสัยเข้าแล้วเหมือนกัน
“ฮะๆๆ นั่นสิคะ ขนาดหนูยังจำตัวเองไม่ได้เลย” หญิงสาวกล่าวติดตลกจากนั้นใส่คอนแทกต์อายสีน้ำตาลอ่อนเพื่อปกปิดดวงตาสีดำสนิทของตัวเอง จากนั้นทาลิปสติกสีแดงสดและสวมวิกสีน้ำตาลทองเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพียงเท่านี้เธอก็กลายเป็นพริตตี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ไพลินลุกขึ้นหมุนตัวหน้ากระจกเพื่อสำรวจตัวเองเป็นรอบสุดท้าย วันนี้ที่ร้านมีเดรสโค้ดเป็นแอร์สาวยั่วสวาท เธอจึงเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปิดเผยเนินอกอวบอิ่มเบียดชิดกันแน่น กับกระโปรงทรงเอที่ยาวแค่คืบ แค่นั่งลงก็มองเห็นต้นขาขาวและเนินน้อยที่ถูกปิดบังด้วยจีสตริงสีแดง จากนั้นสวมรองเท้าส้นสูงสีแดงเพื่ออำพรางความสูงของร่างกายตัวเอง
ต้องขอบคุณรูปร่างและหน้าตาที่ได้รับจากแม่มาเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้าทรงไข่สมบูรณ์แบบ หรือทรวดทรงโค้งเว้าแบบไม่ต้องพยายามมากนัก และหน้าอกหน้าใจคู่อวบที่สามารถใช้เป็นอาวุธ ล่อลวงผู้ชายให้ติดกับดักครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยรูปร่างและหน้าตาที่จำเป็นต่อหน้าที่การงาน จึงทำให้สาวๆ หลายคนไม่ค่อยพอใจเธอเท่าใดนัก แต่เธอก็ไม่ได้คิดชิงดีชิงเด่นกับพวกเขา อีกอย่างเธอมองในบาร์นั้นคือสนามรบที่เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกเสียจากต้องลงมือทำให้เต็มที่ และแค่ไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงต่อสถานการณ์สีเทาก็พอ
เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว หญิงสาวจึงออกไปรวมกับเหล่าพี่สาวเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ในบาร์ทันที โดยมีไอวี่คอยจัดแจงงานให้แต่ละคน
“วันนี้จะมีลูกค้าวีวีไอพีมาเปิดห้อง มีทั้งหมดสี่คน แน่นอนว่าเป็นระดับสูงว่าลูกหลานไฮโซ เจ๊ต้องการคนที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ได้ มีใครอยากไปบ้างจ๊ะ” ไอวี่ถามสาวๆ เพื่อหาคนสมัครใจ