ไพลินยิ้มแห้งหลังจากรับกระดาษที่เขียนชื่อเสร็จแล้วของชายหนุ่มกลับมา
“นั่นสิ...” เสียงหวานตอบกลับสั้นๆ จากนั้นรีบลุกไปส่งรายชื่อกับอาจารย์ทันที
ให้ตายเถอะ เลี่ยงแทบตาย สุดท้ายก็ได้มาอยู่กลุ่มเดียวกันเนี่ยนะ แถมงานกลุ่มในครั้งนี้แทบว่าจะต้องทำงานร่วมกันทุกวันเลย แล้วเธอจะหลบเขาได้ยังไง!
ถึงมันจะส่งผลดีต่อกลุ่มของเธอก็เถอะ เพราะพายุนับเป็นหนุ่มหล่อที่อาจทำให้งานกลุ่มในครั้งนี้ของเธอได้คะแนนเพิ่มขึ้น
แต่เธอไม่อยากทำกับเขาเลย ให้ตายสิ...
อยากดรอปเรียนจัง แต่พอคิดถึงเกียรตินิยมที่จะเป็นใบเบิกทางให้เธอไปทำงานต่างประเทศได้ ก็ทำให้ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปเสีย
ไพลินเดินกลับมาพร้อมส่งรอยยิ้มให้เพื่อนร่วมกลุ่มอย่างขมขื่น ก่อนแปลเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยครั้นมองเห็นตัวซวยตรงหน้า
ไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าคำว่าตัวซวยอีกแล้ว
เพราะเขาคือระเบิดเวลาที่อาจทำให้ชีวิตของเธอย่อยยับได้ในพริบตา
“ตอนนี้กลุ่มของพวกเรามีทั้งหมดสี่คน หน้าที่นายแบบโฆษณายกให้พายุก็แล้วกันนะ นายไม่ต้องทำงานอื่นๆ ก็ได้ แค่อ่านบทแล้วถ่ายโฆษณาให้พวกเราก็พอ” ไพลินมอบหน้าที่พร้อมกีดกันการมีส่วนร่วมให้พายุทันที เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่มีทางเข้ามามีส่วนร่วมกับงานวุ่นวายพวกนี้ เพราะคนคนนี้มีความดังเรื่องใช้เงินทำงานมากกว่าใช้สมองน่ะสิ
พายุยิ้มกว้างแต่ยียวน
“ว้า...แย่จัง เราก็อยากมีส่วนร่วมด้วย”
สาวๆ ทั้งสามที่เหลือต่างสะดุ้งกันเป็นแถว เนื่องจากพวกเธอไม่คุ้นชินกับคนนอก แม้ว่าจะดีใจที่ได้นายแบบหล่อระดับดาราอย่างพายุเข้ามาร่วมด้วยก็ตาม
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาไว้วันหน้า เราค่อยนัดนายมาอ่านบท” ไพลินรีบเยื่อใยทันที ก่อนที่เสียงสวรรค์ของอาจารย์ที่บอกหมดเวลาเรียนแล้วจะดังขึ้น
“งั้นเราไปกินข้าวก่อนนะ ไปกันเถอะ” ไพลินหันไปพยักหน้าให้เพื่อนสนิททั้งสามที่นั่งรออยู่ จากนั้นรีบเก็บของและเดินออกไปทันที
พายุยิ้มสนุกเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนขอไพลิน แค่มองผ่านๆ ก็รู้แล้วว่าเธอไม่ยินดีที่ได้อยู่ร่วมกลุ่มกับเขา แต่ยิ่งเขาเห็นท่าทางหลีกเลี่ยงของหญิงสาว กลับกระตุ้นให้เขาอยากเข้าไปพัวพันมากขึ้น
ทั้งที่ไม่ใช่สไตล์ที่ชอบ แต่กลับไม่รู้สึกรำคาญ มันน่าแปลกใจก็ตรงนี้นี่แหละ
แล้วคิดหรือว่าคนอย่างเขาจะยอมปล่อยให้คนที่หมายตาเอาไว้ผ่านหน้าไปเฉยๆ
ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้นและเดินตามหญิงสาวตัวเล็กไปทันที
“เดี๋ยวก่อนสิไพลิน”
ไพลินชะงักไปทั้งตัวเมื่ออยู่ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกใครบางคนรั้งเอาไว้ และเมื่อหันไปมองแล้วก็ได้แต่ประหลาดที่อยู่ๆ เขาก็เข้ามาดึงข้อมือของเธอ
หญิงสาวบิดข้อมือออกอย่างที่คิดว่าเป็นธรรมชาติมากที่สุด จากนั้นดันแว่นขึ้นปิดบังใบหน้า ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนสนิท
แน่ล่ะ ใครจะไปคิดกันว่าคนอย่างพายุจะเข้าหาเธอได้อึกทึกแบบนี้
“มีอะไรเหรอ”
พายุยิ้ม จากนั้นยื่นโทรศัพท์ของตนให้หญิงสาว
ไพลินมองอย่างไม่เข้าใจนัก
“ขอเบอร์ของเธอหน่อยสิ เบอร์เก่าตอนปีหนึ่งเหมือนจะปิดไปแล้วใช่ไหม”
ไพลินพยักหน้า จะว่าไปแล้วตอนนั้นที่เธอปิดเบอร์ก็เพราะถูกเจ้าหนี้ตามราวี แถมแม่ก็ยังหนีไปจนติดต่อไม่ได้อีกด้วย พอเปลี่ยนเบอร์ ก็มีเพื่อนร่วมรุ่นไม่กี่คนที่เธอติดต่อ จึงไม่แปลกที่พายุจะไม่มีเบอร์ใหม่ของเธอ
แต่ที่ประหลาดใจเล็กน้อยก็ตรงที่เขารู้ว่าเธอเปลี่ยนเบอร์นี่แหละ แสดงว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังมีเบอร์ของเธออีกเหรอ
“ได้สิ” และเพื่อไม่ให้มีพิรุธ เธอจึงตัดสินใจให้เขาไปง่ายๆ เพราะคิดว่าเป็นแค่เรื่องงานกลุ่มเท่านั้น
ถึงมันจะเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยก็ตาม
พายุมองหญิงสาวกำลังบันทึกเบอร์โทรศัพท์ด้วยสายตาพึงพอใจ ก่อนที่สายตาของเขาจะไปสะดุดเข้ากับดวงตากลมโตล้อมรอบด้วยแพรขนตาหนา และสันจมูกโด่งแต่เล็ก
ทั้งที่ใบหน้าไม่มีเครื่องสำอางเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูดีได้ถึงขนาดนี้...
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ
ดูเหมือนเขาจะเจอของดีเข้าแล้วสิ