Chapter 15 ความทรงจำสีหวาน

1343 Words
Chapter 15 ความทรงจำสีหวาน หลังจากนั้นเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ไม้หน้าบ้านคนึงนิจที่อยู่ไม่ไกลจากหลุมศพของแม่ มองไปยังสวนดอกมะลิที่ท่านปลูก ลุงสมกับป้าแย้มดูแลตัดแต่งกิ่งเป็นอย่างดี ตอนนี้กลายเป็นต้นใหญ่ที่ออกดอกบานสะพรั่ง ภาพความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับมาอีกครั้ง แม่ชอบเก็บดอกมะลิและมานั่งร้อยตรงนี้และชอบทำอาหารไปถวายพระ เมื่อก่อนฉันตามแม่ไปวัดอยู่บ่อยๆ “คุณดาวจะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ” ป้าแย้มเดินเข้ามาถาม “ดาวมีประชุมต่อ คงจะออกไปเลยค่ะ ฝากป้าแย้มช่วยจัดห้องให้ครอบครัวพี่พิมพ์ด้วยนะคะ” “ป้านึกว่าคุณดาวมาคนเดียว ไม่เคยเห็นมาตอนเช้าสักที” “ดาวแวะมาหาแม่ก่อนค่ะ พี่พิมพ์เตรียมห้องประชุมอยู่ที่โครงการสร้างบ้านพักตากอากาศ” “ต่อไปคุณดาวคงจะมาที่นี่บ่อยๆ ใช่ไหมคะ คุณละอองดาวคงจะดีใจที่คุณดาวมาที่นี่” “ค่ะ ดาวก็อยากมาบ่อยๆ นะคะ แต่งานยุ่งมาก” “ป้าขอไปเตรียมห้องให้ก่อนนะคะ จะออกไปซื้อกับข้าวมาเตรียมให้คุณดาวด้วย อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” “ดาวจัดการเองดีกว่าค่ะ ป้าแย้มแค่เตรียมห้องให้ก็พอ” “อย่าปฏิเสธป้าเลยนะคะ นานๆ คุณดาวจะมาค้างสักที ป้าจำได้ว่าคุณดาวชอบทานหมูหวานกับน้ำพริกอ่องกับผักชุบไข่ทอด” หัวใจของฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จะมีใครบ้างที่จำได้และใส่ใจความรู้สึกของฉันแบบนี้ ฉันส่งยิ้มให้ป้าแย้มในขณะที่น้ำตาเริ่มรืน อย่างตื้นตัน “ขอบคุณที่จำได้นะคะป้าแย้ม” “ก่อนคุณละอองดาวเธอเสีย เธอเล่าเรื่องของคุณดาวให้ป้าฟังทุกวันจนป้ารู้เรื่องทุกอย่าง ถ้าคุณดาวมาอยู่ที่นี่นานๆ ป้าจะทำอาหารที่คุณดาวชอบให้ทานทุกวันนะคะ” ฉันยิ้มให้ป้าแย้มอย่างขอบคุณ ตอนที่แม่ของฉันเสียชีวิต ฉันยังเด็กมากจนจำอะไรไม่ได้ แต่ฉันก็มีโอกาสได้รู้เรื่องของแม่ก็เพราะการมาค้างที่นี่และป้าแย้มเล่าเรื่องของแม่ให้ฟัง “ดาวขอตัวก่อนนะคะ ตอนเย็นจะกลับมากินอาหารฝีมือป้าแย้ม” ฉันขยับตัวลุกขึ้นและบอกไป นั่นทำให้ใบหน้าเหี่ยวย่นของป้าแย้มคลี่ยิ้มออกมาเต็มวงปากกว้างอย่างดีใจ ฉันหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะขึ้นมามอง เพราะมัวแต่ทำงานเพลินจนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายวัน พอนึกขึ้นได้อีกทีเวลาที่ฉันมีก็ขยับลงไปทุกที หมึกปากกาสีแดงกากบาททับวันที่บนปฏิทินเพิ่มขึ้นอีกวัน “เหลืออีกเพียงแค่ 64 วันแล้วนะยัยดาว งานของเธอยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย มัวแต่ทำงาน เธอจะได้แต่งงานหรือเปล่าฮึดาว” ฉันกดอินเตอร์คอมและกรอกเสียงตามสาย “พี่พิมพ์ วันนี้ดาวมีงานด่วนหรือเปล่าคะ” “พี่ขอเช็คสักครู่นะคะ” ผ่านไปไม่นานพิมพ์วราก็เคาะประตูและเดินเข้ามาพร้อมกับตารางงาน “ดาวมีนัดส่งมอบงานที่โครงการคอนโดฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบ่ายสอง หลังจากนั้นก็ไม่มีงานด่วนค่ะ” “แล้วพรุ่งนี้ล่ะคะ” “ดาวมีประชุมกับทีมบริหารประจําเดือน” “โอเคค่ะ วันนี้เสร็จงานที่คอนโดฯ ดาวไม่กลับออฟฟิศนะคะ ฝากพี่พิมพ์ด้วย ถ้ามีอะไรโทรเข้ามือถือดาวนะ” “ได้ค่ะ” ฉันหยิบกระเป๋าและเดินออกจากห้องทำงาน เป้าหมายคือบริษัทฮักของเพื่อนรักอย่างนรานิล อย่างน้อยการได้พูดคุยกับเพื่อนอาจทำให้ฉันเกิดไอเดียอะไรได้บ้าง “HUG บริษัทจำกัดรัก” ป้ายชื่อตัวน่ารักติดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ในโครงการหมู่บ้านหรูหราใจกลางเมือง บ้านแต่ละหลังในโครงการแห่งนี้เริ่มต้นที่ 8 หลักขึ้นไป รถของลูกค้านรานิลจอดเบียดเสียดเต็มหน้าบ้านเป็นปกติ ในขณะที่บ้านข้างๆ มีพื้นที่ว่างมากพอสำหรับรถของฉันจะจอดได้ ฉันยืดคอมองในบ้าน เมื่อเห็นว่าไม่มีรถจอดอยู่และประตูของบ้านถูกล็อคเอาไว้ ฉันไม่ลังเลที่ไปจอดข้างรั้วบ้านของเขา “จอดแค่ข้างรั้ว คงไม่กีดขวางการจราจรนะ แป๊บเดียวเองไม่เป็นไรหรอก” ฉันตอบเองเออเองเสร็จสรรพ รู้ว่ามันไม่เหมาะสมหากจะจอดรถในพื้นที่หน้าบ้านที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต แต่ฉันก็เห็นพื้นที่ตรงนี้ทิ้งว่างเอาไว้ตลอด เพราะเจ้าของบ้านอาศัยอยู่คนเดียวและจอดรถไว้ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินควงกุญแจรถเข้าไปในสำนักงานของเพื่อน แม้ภายในบ้านของเพื่อนจะมีพื้นที่สำหรับจอดรถได้ 4 คัน และความยาวของหน้าบ้านก็สามารถจอดได้อีก 3 คัน แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับบริการลูกค้าที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกวันของนรานิล “โซดากลับมาแล้วใช่ไหมอรอินทร์” “สวัสดีค่ะคุณดาว กลับมาเมื่อวานค่ะ” อรอินทร์ยิ้มทักทายฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฉันสนิทคุ้นเคยกับคนที่นี่เป็นอย่างดี “อยู่ข้างในใช่ป่ะ” “ค่ะ” “ok ขอบคุณมาก” ฉันตอบรับและเดินผ่านหน้าอรอินทร์ไป โดยลืมถามไปว่าสถานะอารมณ์ของเพื่อนรักพร้อมที่จะรับแขกหรือเปล่า “ฮัลโหลดาร์ลิ้ง” ฉันส่งเสียงและเปิดประตูห้องทำงานของเพื่อนเข้าไป คนหลังโต๊ะหน้าหงิกเงยหน้าขึ้นมองฉัน “แกรู้ได้ไงว่าฉันกลับมาแล้ว” “ฉันมีญาณวิเศษย่ะ” “มาทวงของฝากหรือไง” “ไปเที่ยวมา หิ้วผู้ชายใส่ถุงกลับมาฝากเพื่อนบ้างหรือเปล่าล่ะ” “แหมๆๆ พูดเรื่องผู้ชายแล้วของขึ้น ฉันยังไม่สะสางกับพวกแกเลย ฉันไปเที่ยวต่างประเทศ 3 เดือน ยัยป่านแต่งงานแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ส่วนแกฉันก็ได้ข่าวว่าประกาศแต่งงานแย่งซีนในงานแต่งยัยป่านเลยนะ แต่งงานมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะแก” ฉันแอบถอนหายใจ รีบทำเป็นเฉไฉกลบเกลื่อน “รินนี่คาบข่าวไปบอกแกอีกแล้วล่ะสิ ไหนบอกว่าไปเที่ยวต้องการความอิสระ ไม่ติดต่อใครไง รู้ทุกอย่างเลยนะแก” “ก็แหงละสิ...ฉันเจ้าแม่นะยะ แกเหลามาให้หมด เกิดอะไรขึ้นกับพวกแกกันบ้าง แล้วจะรีบมีผัวกันไปไหนฮึ!” “ฉันคิดว่ารินนี่เหลาให้แกฟังละเอียดยิบแล้วนะ” ฉันรีบดักคอนรานิล ไม่มีทางที่เพื่อนรักเบอร์ 1 ที่พ่วงตำแหน่งลูกค้า VIP ของบริษัทอย่างรินนี่จะยังไม่บอกเธอ “ที่แกประกาศออกไปวันนั้น เพราะไม่อยากเสียหน้าใช่ไหม” “เปล๊า!” ฉันปฏิเสธเสียงสูง “แล้วทำไมต้องไปป่วนงานแต่งยัยป่านจนเกือบพังขนาดนั้นล่ะ ยัยป่านแต่งงานเพื่อนอย่างเราควรจะแสดงความยินดีไม่ใช่เหรอ” “ก็เพราะฉันรู้ว่ามันเป็นแค่วิวาห์จัดฉากน่ะสิ ยัยป่านไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นจริงๆ แล้วเจ้าบ่าวตัวจริงหายไปไหน ถ้าเป็นคนที่รักและเป็นห่วงเพื่อนจริงจะต้องสงสัยไม่ต่างจากฉัน” “นี่เธอจะบอกว่าตัวเองทำถูกงั้นสิ” “ใช่” นรานิลถอนหายใจเฮือก “เราอายุเท่าไหร่กันแล้วดาว” “ไม่รู้ล่ะ ฉันต้องได้รู้ความจริงเรื่องของยัยป่านให้ได้” “เอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ได้ข่าวว่าอีกสองเดือนจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ” นรานิลหยิบปฏิทินขึ้นมาเปิด “อีก 64 วันใช่ไหม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD