บทที่5
รั่วซีใช้เวลาค่อนวันดูไปทั่ว ๆ ตระกูลเฟิง ยิ่งเห็นในความคิดของนางก็ว่างเปล่า แต่ความรู้สึกกลับคุ้นเคยอยู่บ้าง ที่สำคัญไม่ว่าจะมองอย่างไรที่นี่ก็ดูเป็นเพียงที่พักอาศัยธรรมดา ๆ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น
ยิ่งสายตาของคนงานและสาวใช้มันทำให้นางขนลุก ราวกับคนเหล่านั้นมีแรงอาฆาตส่งมาให้ หรือนางจะตายเพราะคนตระกูลเฟิงจริง ๆ นะ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
“ออกไปไม่ได้นะขอรับคุณหนู”
รั่วซีที่เดินมาถึงประตูหน้าก็ต้องแปลกใจเมื่อนางอยากจะออกจากตระกูลไปเดินเที่ยวรอบ ๆ เผื่อว่ามันจะทำให้ความทรงจำกลับมาได้แต่ก็กลับถึงห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ทำไมกันเล่า ข้ามิได้โดนขังเสียหน่อยนะ”
ยังไม่ทันที่คนเฝ้าประตูใหญ่จะแจ้งอะไร ลี่อินก็เร่งเดินมาตรงที่หญิงสาวยืนอยู่ นางดึงเจ้านายคนใหม่ของตนให้เข้าไปที่สวนกลางเรือนด้านใน
“ยังออกไปไม่ได้นะเจ้าคะ อย่างน้อยก็ต้องห้าวันสิบวัน หรือไม่ก็รอจนกว่าจะถึงวันกลับไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาวก่อน หากท่านออกไปตอนนี้คงจะยิ่งกลายเป็นคำนินทา”
ได้ฟังเช่นนั้นรั่วซีก็อดไม่ได้ที่จะต่อต้าน “สามีข้ายังไม่เห็นอยู่แต่ในเรือนเลย แล้วจะมาบังคับข้าได้เช่นไร”
ท่าทางชะงักไปในทันทีของลี่อินอยู่ในสายตาของรั่วซี และนั่นก็ยิ่งทำให้น่าสงสัยเข้าไปอีก เฟิงห่าวอี้ไม่ได้อยู่ในจวนแล้วเขาหายไปไหนกันทั้งวันอย่างไร้วี่แวว
“คุณชายมิได้ออกไปข้างนอกนี่เจ้าคะ” ลี่อินตัดสินใจตอบ
“เช่นนั้นอยู่ที่ใดกันเจ้าก็พาข้าไปหาเขาสิ” รั่วซีไม่ได้อยากจะกวนอะไรคนตระกูลเฟิงนักหรอก นางก็แค่อยากรู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นก็เท่านั้น เหตุใดทั้งหมดจึงดูมีลับลมคมในเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้กล้าเผยให้ผู้ใดล่วงรู้ว่านางไร้ซึ่งความทรงจำทั้งหมดก่อนคืนเข้าหอ
คนทั่ว ๆ ไปหากตายแล้วก็คงจะตายไป หญิงสาวชะงัก หรือจริง ๆ ทุกคนที่ตายไปจะได้ย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องเดิมนะ หากเป็นเช่นนั้นคงยุ่งพิลึก แล้วเมื่อดูจากชุดนางควรจะตายไปเสียตั้งแต่เมื่อวานแต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ดี ช่างน่าแปลกยิ่งนัก มีแต่คำถามไปหมด และแม้แต่เรื่องราวของตนก็กลับจำไม่ได้ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ โชคยังดีที่ยังมีความสามารถติดตัวมาบ้าง
เพราะแม้จะไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้แต่รั่วซีตั้งใจแล้วไม่ว่าคนที่ฆ่านางจะเป็นใคร นางจะต้องแก้แค้นให้ได้ คนที่ลงมือสังหารผู้อื่นได้ย่อมไม่ใช่มิตรอย่างแน่นอน อย่างไรอีกฝ่ายก็คงจะไม่ใช่คนดีนักหรอก ฆ่าคนตาไม่กระพริบเช่นนั้นเพียงแต่เรื่องสำคัญคือยังไม่เห็นมีใครรอบๆ กายนางที่ดูจะคล้ายคลึงคนคนผู้นั้นเลยแม้แต่น้อยแล้วเหตุใดจึงต้องฆ่านางกัน นางทำสิ่งใดเอาไว้ถึงได้ถึงทำเยี่ยงนี้
ตอนแรกรั่วซีก็คิดว่าตนเองแค่กินเยอะเกินไปแล้ว ก็นอนถึงได้ฝันอะไรแปลกปประหลาดเช่นนั้น แต่หากเป็นฝันก็มิมีทางที่จะตื่นขึ้นมากลางพิธีมงคลเช่นเมื่อวานนี่นา ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
“โอ๊ยน่าเบื่อ” เสียงของรั่วซีทำให้ลี่อินตกใจ
“คุณหนูต่อให้บ่น หรือต่อว่าข้า ข้าก็ยังพาไปหาคุณชายไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
รั่วซีหันไปมองสาวใช้ของตน “ช่างเถอะข้าไม่อยากไปแล้ว กลับไปที่เรือนก็ได้”
ก่อนหน้านี้รั่วซีใช้เวลาเกือบทั้งวันในการจัดข้าวของ ลี่อินก็ไม่มากวนใจเลยหากนางไม่เรียกให้ช่วย เหมือนลี่อินจะเพียงคอยเดินอยู่ไม่ไกลรอให้นางเรียกใช้เสียมากกว่า
เพราะแค่เพียงออกจากประตูไปก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ ราวกับลี่อินจะเฝ้าดูนางอยู่ตลอดเสียอย่างนั้น
ไม่ต้องพูดถึงสามีที่จนนางไปเดินดูนั่นนี่จนทั่วแล้วเขาก็ยังคงไม่ปรากฏตัว คนตาบอดคนบ้าแบบไหนกัน จะยุ่งวุ่นวายทั้งวันแบบนี้
รั่วซีอดคิดไม่ได้ว่าทำไมนางถึงได้คิดเรื่องราวเหล่านี้ได้ คุณหนูปกติเป็นแบบนางหรือเปล่า สายตาคอยสังเกตผู้คนรอบตัวตลอดเวลา ทั้งมองหาทางหนีทีไล่ สืบและเตรียมพร้อมเอาไว้หมด ไม่ว่าจะเป็นอาวุธและการเงิน
“ข้าเป็นใครกันแน่นะ” หลังจากกลับมานั่งเงียบ ๆ อยู่ในเรือนของตนและสามีก็ทำให้ได้ตรึกตรองอะไรหลายอย่าง
ของที่ถูกจัดไปเมื่อครู่ กลับถูกดึงเอามาเก็บเอาไว้ในที่ส่วนตัวบ้างบางส่วน หากนางจะต้องหนีก็ควรมีของมีค่าติดตัว และเหล่าอาวุธที่ซ่อนเอาไว้ตามของต่าง ๆ อีกก็ควรจะหยิบฉวยได้ง่ายขึ้น
“เผื่อเอาไว้ก่อนคงไม่เป็นไร” รั่วซีเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ และมองไปยังฉินของตน นางอยากอ่านข้อความทั้งหมดในนั้นต่อแต่ก็กังวลว่าเฟิงห่าวอี้จะเข้ามา แต่ก็อย่างว่าสามีของนางนั้นหายไปตั้งแต่เดินออกจากห้องไปในช่วงเช้า นี่เย็นจนจะค่ำอยู่แล้ว นางต้องกินข้าวคนเดียวมื้อแล้วมื้อเล่า อีกฝ่ายก็ยังไม่ปรากฏตัวแม้แต่น้อย
รั่วซีนั่งเถียงกับตัวเองอยู่นานว่าจะเปิดฉินหยิบกระดาษเหล่านั้นออกมาดูดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ และเผลอหลับไปในที่สุด ก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อมีคนมาสะกิดที่แขนเรียว
“ท่านพี่” รั่วซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงงัวเงียเมื่อนางนั่งสัปหงกรอสามีอยู่ที่โต๊ะน้ำชาตั้งแต่หัวค่ำ จนยามนี้ไม่รู้เป็นช่วงไหนแล้วแต่ช่างง่วงเสียเหลือเกินจนหญิงสาวเผลอหาวหวอดใส่หน้าอีกฝ่าย
“ง่วงก็ไปนอนเสีย” น้ำเสียงดุ ๆ ของชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีในนามทำให้รั่วซีที่ง่วงแทบตายจากการถ่างตารออีกฝ่ายมานานแล้วทนแทบไม่ไหว นางพยักหน้าไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่ทันดูให้ดีเลยว่าสามีของนางกลับมาที่เรือนด้วยสภาพเช่นไร ไม่ทันได้คิดว่าชายตาบอดอย่างเฟิงห่าวอี้รู้ได้เช่นไรว่านางนั่งอยู่ตรงนี้