บทที่4

1038 Words
บทที่4 บรรยากาศในห้องหอเปลี่ยนไปทันทีเมื่อยามนี้ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นทั้งคนบ้าและตาบอดตามข่าวที่ลือกันจนทั่วทั้งเมืองหลวงกำลังนั่งจ้องมองรั่วซีด้วยสายตาจับผิดอยู่ “ท่านแม่บอกว่าท่านพี่มิได้เป็นดั่งเช่นข่าวลือหรือเจ้าคะ” รั่วซีเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป คนอะไรปากก็บอกคนไปทั่วว่าตาบอดแต่กลับมีหนังสือในห้อง แล้วยังดวงตาที่แวววาวที่มองตรงมายังนางนั่นอีก ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่ตาบอดเลยแม้แต่นิด “บอด…เฉพาะบางวัน มิใช่ว่าตอนที่แม่สื่อไปที่ตระกูลเจ้าก็บอกแล้วรึ” รั่วซีถึงกลับต้องลุกเดินไปหาสามีใกล้ ๆ เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มสงสัยนางไปมากกว่านี้ อีกอย่างก็เพราะนางไม่อยากรื้อของต่อหน้าอีกคน เกิดเจออะไรแบบเมื่อครู่ขึ้นมาอีกนางก็คงไม่รู้จะทำเช่นไร “แล้วตอนนี้เห็นข้าหรือไม่เจ้าคะ” รั่วซียื่นหน้าตนไปตรงกับหน้าของเขา ทันทีที่ทำเช่นนั้นใบหน้าที่แสดงชัดว่าไม่พอใจของชายหนุ่มก็สะบัดหันไปอีกด้าน ราวกับไม่อยากตอบคำถาม “ข้าไม่ถามเรื่องตาก็ได้เจ้าค่ะแล้วหน้ากากล่ะเจ้าคะ” รั่วซีเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าเขากำลังไม่พอใจ แต่ก็ยังไม่วายเอื้อมมือไปทำท่าจะจับหน้ากากของอีกคนจนต้องเป็นห่าวอี้เองที่ห้ามเสียงเข้มขึ้นมาเสียก่อน “อย่า” ไม่พอชายหนุ่มยังถอนหายใจหนักราวกับเหนื่อยใจกับสถานการณ์ตรงหน้า “มิใช่เรื่องที่เจ้าควรจะสอดรู้สอดเห็น” รั่วซีได้ฟังก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องและนางเองก็ต้องการจะยั่วโมโหอีกคนจึงเอ่ยออกไปอย่างที่คิด “จะไม่ใช่เรื่องข้าได้เช่นไรเจ้าคะ ท่านพี่เป็นสามี ข้าเป็นภรรยาอย่างไรก็ควรรู้เรื่องทั่ว ๆ ไปของสามีเอาไว้บ้าง” หญิงสาวพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าเผื่อว่าอีกฝ่ายจะตกหลุมของนางบ้าง “สามีภรรยารึ ระหว่างพวกเราก็เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น” รั่วซีจิ๊ปากไม่พอใจ “ในนามแล้วเช่นไรกันเจ้าคะ อย่างไรข้าก็เป็นฮูหยินแล้ว อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะให้ข้าได้รู้บ้างว่าข่าวลือพวกนั้นถูกต้องหรือผิดเช่นไร เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นข้าจะได้รู้ว่าควรจะแสดงมากน้อยแค่ไหน” เสียงครางไม่พอใจดังขึ้นในลำคอของเฟิงห่าวอี้ “ทำเสียงเช่นนี้แสดงว่าทุกอย่างที่ชาวบ้านเล่าลือเกี่ยวกับท่านพี่ไม่จริงหรือเจ้าคะ หากเป็นเช่นนั้นแล้วท่านพี่ให้ข้าแต่งเข้ามาทำไมถ้าไม่ได้ต้องการปกปิดข่าวลือ” รั่วซีเอ่ยถามอย่างสงสัย อีกอย่างนางก็อยากรู้เรื่องต่าง ๆ เพื่อฟื้นคืนความทรงจำของตนเองด้วย “ข้าให้เจ้าแต่งเข้ามาก็เพราะมิรู้ว่าเจ้าจะปากมากเช่นนี้ หากรู้ก่อนไม่มีทางรับเจ้าเข้ามาเป็นฮูหยินเป็นแน่” พูดจบชายหนุ่มก็เร่งลุกขึ้นก่อนจะสะบัดชายชุดเดินออกไปอย่างไม่พอใจ แม้จะยังไม่รู้ถึงสาเหตุบางอย่างแต่การที่เฟิงห่าวอี้เดินหุนหันออกไปนั่นก็คือสิ่งที่รั่วซีต้องการ เพราะข้าวของมากมายที่นางรื้อออกมาเมื่อครู้นี้วางอยู่ตรงหน้านี่ รั่วซีถอนหายใจออกมาเบา ๆเมื่อมองไปที่พวกมัน “ช่างมากมายเสียจริงข้าวของของข้า“ และที่ในห้องนี้ก็เหมือนจะไม่ได้เตรียมแบ่งเอาไว้ให้นางเลยแม้แต่น้อย “คนใจดำ” เมื่อได้เอ่ยตำหนิสามีในนามแล้วก็เร่งจัดเก็บของต่อ เพราะหากนางทิ้งเอาไว้แล้วลี่อินสาวใช้ของนางเกิดนึกขยัน ไปหยิบเอาหีบเหล่านี้ออกมารื้อเองจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ และไม่ว่าจะเจออะไรหรือไม่ก็คงจะต้องเป็นเรื่องอีกแน่ ๆ รั่วซีได้ยินคนบอกว่าบ้านของนางนั้นไม่ค่อยมีฐานะเป็นเพียงแค่ตระกูลที่เคยร่ำรวย แล้วเหตุใดกันของของนางจึงดูหรูหรามากมายขนาดนี้แล้วยัง เครื่องประดับพวกนี้ปกติก็ไม่เห็นใส่ แต่ทำไมกลับพกมาเสียมากมายอย่างกับจะเตรียมนำมันไปขายเสียอย่างนั้น “ช่างเถอะ” แม้จะสงสัยแต่รั่วซีก็ทำเพียงแค่จัดเก็บข้าวของรวมไปกับผู้เป็นสามีในนามอย่างไม่คิดอะไร โดยนางคงไม่รู้เลยว่าหากความทรงจำทั้งหมดของนางยังคงอยู่ คงจะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นแน่ หลังจากจัดเก็บของเสร็จหญิงสาวก็มานั่งหอบอยู่กลางเรือน พอได้เห็นหลักฐานคาตาแบบนี้ก็ทำให้รั่วซีคิดว่าหรือจริง ๆ แล้วที่นางตายครั้งก่อน ก็เป็นเพราะเรื่องราวในกระดาษคำสั่งเล็ก ๆ นั่น แล้วคนที่ฆ่านางจะเป็นใครกันเล่า หากจะบอกว่าเป็นคุณชายเฟิงจะว่าไปก็เป็นไปได้เพราะในเนื้อความแม้จะยังอ่านได้ไม่หมดดีแต่ก็ต้องเกี่ยวกับเขาแน่ ๆ ยิ่งตัวของหญิงสาวยังไม่เคยเห็นใบหน้าเต็ม ๆ ของเขาเลยแม้แต่นิดมันก็ยิ่งทำให้น่าสงสัยเข้าไปอีก แต่ไม่รู้ทำไมรั่วซีถึงรู้สึกราวกับไม่ใช่ ความคิดนางกำลังขัดแยงกันเองในขณะหนึ่งก็คิดสงสัยแต่อีกใจกลับบอกว่าไม่ใช่ นางไม่ได้กลัวหรือกังวลเกี่ยวกับชายที่เป็นสามีเลยสักนิด แต่กลัวข้อความเล็ก ๆ ในกระดาษเหล่านั้นมากกว่า พรรคฉือเช่นนั้นหรือ หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่านางจะต้องรู้ให้ได้ว่าพรรคฉือที่ว่านี่คือพรรคอะไร แล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับนาง รวมถึงสามีผู้ซึ่งมีความลับและสิ่งที่น่าสงสัยมากมายเหลือเกินนี่ด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD