FOREVER รักนิรันดร์ 10
“หมูปิ้งจ้า หมูปิ้ง” เสียงร้องเรียกลูกค้าจากคนขายหมูปิ้งดังอยู่ไม่ไกล แต่น้ำเสียงนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน และความสงสัยที่มีอยู่มากทำให้ฉันต้องเดินไปตามทางเพื่อหาจุดกำเนิดเสียง กระทั่งเดินไปถึงจุดหนึ่งที่มีรถเข็นขายหมูปิ้งตั้งอยู่
“ไอริส!” ฉันร้องเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงหลง
“อุ๊ย มาได้ยังไงเหรอ?” ไอริสทำหน้าตกใจก่อนจะส่งยิ้มอ้อนมาให้ฉัน คงจะตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็เจอฉันแบบนี้
“ไม่ต้องมาอ้อน ทำมาอยู่ตรงนี้”
“ก็เค้าชอบกินหมูปิ้งอะ เลยอยากลองขาย นี่ทำเองหมดเลยนะขายหมดทุกวันเลยด้วย” ไอริสทำหน้าตื่นเต้นชี้ให้ฉันดู แต่ก็จริงอย่างที่เจ้าตัวบอก ไอริสหมักหมูปิ้งอร่อยมากจริง ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาทำแล้วยืนปิ้งขายแบบนี้ ถ้าพี่ซัมเมอร์กับพี่ไออุ่นรู้นะโลกถล่มแน่ สองคนนั้นเลี้ยงน้องอย่างดีแต่น้องดันชอบมาทำอะไรแบบนี้
“แล้วทำนานหรือยัง” ฉันถามพร้อมกับเดินไปอยู่ด้านหลังร้านรถเข็นที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปหามาจากไหน
“ก็ตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวอะ” กลับมาจากเที่ยวนับแล้วก็เกือบจะหนึ่งเดือนแล้วสิ
“โอ๊ย ไอริสถ้าลุงกับป้ารู้จะเป็นยังไงเนี่ย ไหนจะพี่ ๆ อีก” ฉันมองไอริสอย่างดุ ๆ คนที่รู้ตัวว่ามีความผิดทำหน้ายิ้มแหย ๆ ทั้งยังขยับเข้ามาสวมกอดแขนอ้อนทันที
“ก็เค้าอยากหาเงินเอง ตัวอย่าเพิ่งบอกใครนะ”
“เอาไว้ค่อยคุยกัน ขายต่อเถอะ” บอกไอริสแค่นั้นก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้เฝ้าไอริสขายหมูปิ้ง ความสุดโต่งของไอริสจะโทษใครไม่ได้เลยนอกจากพี่ชายทั้งสองคนของเธอที่สอนน้องแต่ละอย่าง ป้ายินดีบอกว่าปวดหัวมาก สองเดือนก่อนพาน้องไปเรียนยิงปืนเพราะกลัวผู้ชายจะเข้ามาจีบน้องเลยต้องสอนไว้ งงเหมือนกันหวงน้องเหลือเกินพี่น้องบ้านนั้น
“อ้าว หมดแล้วเหรอครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้ารถเข็นขายหมูปิ้ง
“หมดแล้วจ้า เหลือแค่สิบไม้”
“งั้นเอาหมดเลยครับ”
“จ้า ทั้งหมดหนึ่งร้อยบาทจ้ะ” เสียงไอริสยังคุยกับลูกค้าเจื้อยแจ้ว เมื่อหมูปิ้งชุดสุดท้ายถูกขายออกไปไอริสก็เก็บของเตรียมกลับบ้าน สงสัยสินะว่าทำไมฉันถึงมาโผล่ที่ตลาดเช้าแบบนี้ ก็เพราะว่าฉันยังไม่นอนยังไงล่ะ ฉันนอนไม่ได้เพราะเสียงรบกวนต่าง ๆ เลยตัดสินใจออกมาเดินซื้อของกินเล่นที่ตลาดจนมาเจอกับไอริสที่โคเวอร์ตัวเองเป็นแม่ค้าขายหมูปิ้งนี่แหละ
“มายังไง?” ฉันถามไอริสเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเก็บของกลับบ้านเสร็จแล้ว
“เค้าขับรถมา ตัวล่ะ” ไอริสถามฉันกลับมาเช่นเดียวกัน
“ขับรถมาเหมือนกัน แล้วทำไมจู่ๆ มาขายแบบนี้ล่ะได้นอนพักบ้างไหมไอริสพี่ๆ จะเป็นห่วงนะ” ระหว่างที่เดินไปยังที่จอดรถฉันก็ถามกับไอริสอย่างตรงไปตรงมา
“ก็เค้าอยากหาเงินเอง เค้าเกรงใจพ่อกับแม่ไหนจะพี่ ๆ อีก เค้าอยากโตให้มากกว่านี้”
“แต่ต้องตื่นเช้ามาทำอะไรแบบนี้คนเดียวถ้าทุกคนรู้ก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว”
“อื้อ เค้าคิดน้อยไปจริง ๆ นั่นแหละ” ไอริสแหงนมองหน้าฉันอย่างรู้สึกผิด
“งั้นเอาแบบนี้ดีไหม...”
“หือ?”
“ตัวก็ทำขายแบบออนไลน์เอา เผื่อมีคนในคอนโดสนใจแล้วก็ขายเป็นชุดผ่านแอพเรียกไรเดอร์มารับอะไรแบบนั้นน่ะ พูดตามตรงเค้าเองก็เป็นห่วงตัวนะที่ต้องมาขายที่ตลาดเช้ามืดแบบนี้น่ะ”
“จริงสิ! เค้าลืมไปได้ยังไงกัน ขอบใจนะ คนสวยของเค้าฉลาดที่สุดเลย” ไอริสกอดแขนแน่นขึ้นพร้อมกับเอ่ยขอบคุณไม่หยุด
“ถ้าจะให้เค้าช่วยย่างก็ได้นะ คอนโดเราย่างได้เปิดที่ดูดควันก็ได้แล้ว ไม่ก็ลองทำแบบใช้เตาอบดู”
“ได้เลย เดี๋ยวเค้าไปลองทำก่อน ตัวมาชิมให้ด้วยนะ”
“ได้ ค่อยเรียกแล้วกัน”
“โอเค ขับรถดี ๆ นะตัว” ไอริสโบกมือให้เมื่อเราต้องเดินแยกกันไปขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน
ฉันกลับมาถึงห้องตอนตีห้าครึ่ง ของที่ซื้อมายังไม่ได้กินแต่เลือกที่จะเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดอีกครั้งแล้วล้มตัวนอนบนเตียงนอน อย่างน้อยตอนเช้าก็จะไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อหรือเสียงหัวเราะอย่างพอใจเหล่านั้นแล้ว
โชคดีที่ตอนนี้ยังปิดเทอมอยู่เลยนอนตอนเช้าได้ หากไม่ได้ปิดเทอมคงต้องไปนอนกับอุ่นใจหรือไม่ก็ความสุขอย่างทุกทีนั่นแหละ
แต่วันนี้ฉันนอนช่วงเช้าลากยาวมาจนถึงช่วงเที่ยง รู้สึกตัวตื่นพร้อมกับโทรศัพท์ที่กำลังสั่งเสียงเรียกเข้ามา เป็นเบอร์ที่ฉันไม่ได้บันทึกไว้และไม่รู้เช่นเดียวกันว่าใครที่โทรเข้ามาในเวลาแบบนี้ พอไม่รับสายก็ตัดไปก่อนจะส่งเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาอีกครั้งจนสุดท้ายฉันต้องรับสายในที่สุด
“ค่ะ”
(อาบน้ำ จะพาไปกินข้าว...)
“คะ? ใครคะโทรผิดแล้วค่ะ” บ้าเหรอ จู่ ๆ ก็บอกว่าจะพาไปกินข้าว ประสาทแล้วแน่ ๆ
(อิ่มเอม อาบน้ำจะพาไปกินข้าว)
“ใคร?” ฉันเองก็เริ่มที่จะโมโหไม่น้อย หากไม่ติดว่าอีกฝ่ายเรียกชื่อฉันนะ ฉันด่ากลับไปแล้วจริง ๆ
(คาลน์) อุ๊ย ลูกค้าพ่อ ด่าไม่ได้
“เอ่อ”
(อาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมา รออยู่ข้างล่าง) นี่ก็แปลก ชอบออกคำสั่งเหลือเกิน ตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวมีบ้างที่เขาจะส่งข้อความมาหาหรือโทรมาแล้วเงียบฟังเสียงฉัน ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ทำไมเหมือนกัน
“แต่ว่า...”
(สามสิบนาที)
เขาบอกแค่นั้นก่อนจะวางสายไป
ฉันได้แต่บ่นเขาระหว่างอาบน้ำแต่งตัว บ่นจนเสียงหายไปหมด เอาแต่ใจที่สุดเลยไม่ถามสักนิดว่าอยากไปไหมเอาแต่สั่ง ๆ แต่ถึงแม้จะบ่นสุดท้ายก็เดินหอบกระเป๋าหน้าบึ้งลงมาที่หน้าคอนโด คุณโจเซฟผู้ช่วยคุณคามิลอมยิ้มบาง ๆ ยามเห็นใบหน้าแสนจะบึ้งตึงของฉันพร้อมกับเปิดประตูให้ฉันได้ขึ้นไปนั่งบนรถ
“ทำหน้างอแง” คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วและกำลังดูงานอะไรของเขาสักอย่างเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับปรายตามองฉันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ก็ไม่ได้อยากไปนี่คะ”
“ก็เคยบอกว่าอยากไป...”
====
แล้วน้องไปบอกคุณคาลน์ตอนไหนนะคะ ไหนพูดสิ!
ตอนหน้าเริ่มติดเหรียญนะคะ