"ตาครับยายครับพอดีผมต้องขอตัวกลับก่อนพอดีทางโน้นส่งข้อความตามครับ/วันชาติวันนี้พี่ต้องกลับก่อนนะ วันหน้าจะมาคุยด้วยใหม่" กรวรรธเอ่ยลาผู้อาวุโสทั้งสองพร้อมกับยกมือกระพุ่มไหว้อย่างนอบน้อม เสร็จแล้วยกมือระดับอกหันไปทางน้องชายคนใหม่เป็นการบอกลา แล้วหันหลังเดินกลับไปที่รถยนต์คันหรูจุดมุ่งหมายคือโรงแรมxxxxx อย่างเร่งรีบอยู่ในทีเพราะกลัวว่าจะเป็นเรื่องอขาดบาดตาย
@โรงแรมxxxxx@โรงจอดรถผู้บริหาร
กรวรรธจอดรถเสร็จจึงรีบออกจากรถพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูกดโทรหามนัสพงษ์ทันที ไม่นานก็มีเสียงปลายสายรับสายในเวลาต่อมา
มนัสพงษ์: ครับคุณกรวรรธ คือเกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ
กรวรรธ: เรื่องอะไรครับคุณเลขา
มนัสพงษ์: คือแม่บ้านโทรมาบอกผมว่าติดต่อคุณกรวรรธไม่ได้ อยากให้ไปดูที่ห้องให้หน่อยนะครับ คือ..คือ..
กรวรรธ: พูดมาเถอะครับคุณเลขา
มนัสพงษ์: คือ แม่บ้านได้ยินเสียงเด็กเล่นกันในห้องพักของคุณกรวรรธครับ ได้พาเด็กที่ไหนมาพักที่ห้องนั้นหรือเปล่าครับ
กรวรรธ: ไม่มีนะครับ หูฝาดหรือเปล่าครับ ผมถึงลานจอดรถแล้วครับ กำลังไป
มนัสพงษ์: โอเคครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ ตอนนี้ผมอยู่หน้าห้องของคุณกรวรรธแล้วนะครับ
กรวรรธ: โอเค แล้วเจอกัน ผมกำลังไป
มนัสพงษ์: ครับ กดวางสาย
หลังจากวางสายจากผู้ช่วยหนุ่มของท่านรองประธาน มนัสพงษ์ได้แต่หันไปยิ้มเจื่อน ๆ ให้แม่บ้านที่ยืนรี ๆ รอ ๆ อยู่หน้าห้องเหมือนกัน สักพัก พวกเขาก็ได้ยินเสียงใครอีกคนที่มาใหม่
"เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่บ้าน"
"พอดีดิฉันได้รับรายงานจากเด็ก ๆ ว่า ได้ยินเสียงเด็ก ๆ วิ่งเล่นเจี้ยวจ้าวกันในห้องของคุณกรวรรธในขณะที่ห้องปิดสนิทน่ะค่ะ ก็เลยมารายงาน" ผู้จัดการฝ่ายแม่บ้านวัยกลางคนเอ่ยขึ้นตามที่ได้รับข้อมูลจากพนักงานในปกครองของตน
"ไม่นี่ครับ ผมอยู่คนเดียว แล้วก็ออกไปธุระข้างนอกเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของผม พอได้รับข้อความจากคุณเลขาก็รีบกลับเข้ามานี่แหละครับ" กรวรรธตอบไปตามข้อเท็จจริงแต่ในใจคิดไว้ว่าจะต้องคุยกับตาผลและยายบัวลอยเสียหน่อยแล้ว
"งั้นหรือคะ ถ้าอย่างนั้น ดิฉันจะบอกให้เด็ก ๆ มาทำความสะอาดให้ตอนที่คุณกรวรรธอยู่ตอนนี้เลยจะได้ไหมคะ"
"ได้เลยครับ เชิญคุณเลขากับคุณแม่บ้านอยู่เป็นเพื่อนด้วยเลยก็ได้" กรวรรธพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับผายมือเชื้อเชิญคนทั้งสองและล้วงกระเป๋าไปหยิบคีการ์ดมาแตะเปิดประตูเข้าไป
ด้านผู้จัดการฝ่ายแม่บ้านก็กดโทรยุกยิก ๆ แล้วเก็บใสกระเป๋าเสื้อแล้วเดินเข้าไปในห้องตามคำเชื้อเชิญ สักพักใหญ่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะประตูจากด้านนอก) แม่บ้านมาทำความสะอาดค่ะ ด้านกรวรรธยิ้ม ๆ แล้วเดินไปเปิดประตู
"เชิญครับ ตามสบายเลยนะครับ ผมจะทำงานในห้องนู้น ส่วนคุณแม่บ้านกับคุณเลขาถ้าไม่มีธุระอะไรก็อยู่เป็นเพื่อน……ก็ได้" (กรวรรธเว้นไป จากนั้นเขาหันไปทางพนักงานทำความสะอาดหน้ายิ้ม ๆ)
ด้านพนักงานทำความสะอาดก็รีบปัดกวาดเช็ดถู ดูดฝุ่น ทำความสะอาดอย่างรวดเร็วแถมหันรีหันขวาง มองนั่นมองนี่เลิ่กลั่ก ๆ ดูน่าขันระคนสงสาร
กรวรรธได้แต่คิดในใจ
กรวรรธหลังจากสะสางปัญหาที่ห้องพักเสร็จเรียบร้อยก็รีบตรงไปที่วัดกลางชุมชนที่เพ็ญสุดาและครอบครัวไปทำบุญให้อาหารด้วยด้วยบ่อย
@วัดกลางชุมชน
กรวรรธจอดรถยนต์คันหรูใกล้ ๆ กับกุฏิที่หลวงตาชรารูปนั้นเดินเข้าไป เขาเปิดประตูรถออกมา ในจังหวะที่เงยหน้าขึ้นมาเพื่อมองหาคนที่พอจะคุยด้วยได้เพื่อให้พาไปนิมนต์ท่านออกมาจากกุฏิ แต่ต้องแปลกใจระคนตกใจเล็กน้อย
"สงสัยอะไรหรือโยม" หลวงตาชราภาพยืนยิ้มในหน้าแต่แววตาเต็มไปด้วยความเมตตา แต่เขารู้สึกว่าหลวงตารูปนี้กำลังขำ หรือหัวเราะ ใช่!! ความรู้สึกของเขามันบอกว่าอย่างนั้น
"นมัสการครับหลวงตา คือผมมาขอความเมตตาจากหลวงตาช่วยไขข้อข้องใจให้ผมหน่อยน่ะครับ"
"ว่ามาซิ" หลวงตากล่าวยิ้ม ๆ พร้อมกับเดินมาที่ใต้ต้นพิกุลซึ่งมีไม้กวาดทางมะพร้าว 2 ด้ามวางพิงอยู่ที่โคนต้น ท่านเดินมาหยิบทั้งสองด้ามแล้วยื่น หนึ่งด้ามให้ชายหนุ่มผู้มาเยือน
ด้านกรวรรธก็รับมามือไว้ แล้วพิจารณาดูท่านว่าจะทำอะไรกับไม้กวาดด้ามนี้ จากนั้นพระภิกษุชราก็กวาดเศษใบไม้ หรือแม้แต่เศษดอกพิกุลที่แห้งเฉาไปรวม ๆ กันที่เต้าตักขยะขนาดใหญ่แล้วยกไปทิ้งที่หลุมขนาดย่อม ๆ หลุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก สักพักพระภิกษุชรารูปนั้นก็เดินกลับมาที่เดิมที่ชายหนุ่มยืนอยู่
"สะอาดขึ้นมั๊ยล่ะโยม เห็นอะไรมั๊ย" หลวงตาชราพูดยิ้ม ๆ
"เห็นดินที่สะอาดขึ้นครับ แล้วก็เห็นหน่อเมล็ดพันธุ์อะไรสักอย่างที่กำลังโผล่จากใต้ดินครับ" กรวรรธตอบไปตามที่ตาเห็น
"…….." ไม่มีคำพูดใดจากหลวงตาชรา มีเพียงรอยยิ้มเล็กน้อย
"ผมไม่เข้าใจครับหลวงตา หลวงตาต้องการจะบอกอะไรผมหรือครับ" กรวรรธซักถามด้วยความข้องใจ
"จิตก็เหมือนกัน หมั่นปัดหมั่นกวาด เช็ดถูอย่าให้รักรุงรังจนเกินไปก็จะเห็นความเป็นไปอย่างถ่องแท้ยังไงหละโยม จิตดีก็ดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาหา จิตไม่ดีก็ดึงดูดสิ่งไม่ดีเข้ามาหา ฉันใดก็ฉันนั้น หมั่นทำจิตให้บริสุทธิ์ ตั้งมั่นอยู่ในศีลของคฤหัสถ์อยู่เนือง ๆ ก็จะดีเองแหละโยม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่บุญกรรมที่เคยทำร่วมกันมา มองให้เป็นธรรมชาติธรรมดานะโยม" หลวงตาชราภาพพูดยิ้ม ๆ