การโทรหาพี่สาวในครั้งที่สองก็สัมฤทธิ์ผลแล้ว เมื่อปลายทางได้กดรับสายพร้อมกับกรอกเสียงทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส
“ว่ายังไงไข่ตุ๋น โทรมาทำไมเสียดึก หรือว่าหิว ไม่มีใครหาข้าวให้กิน”
พอได้ยินเสียงพี่สาวทักทายด้วยน้ำเสียงสดใสแกมสัพยอกไปในตัว บุญธิสาก็ยิ้มแห้งๆ ใส่โทรศัพท์พลางกวาดสายตามองรอบๆ สถานีตำรวจ ซึ่งได้รับเชิญให้เดินทางมาเยือนเพราะฝีมือของตนเองแท้ๆ ก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ แล้วตัดสินใจเอ่ยบอกข่าวร้ายให้พี่สาวล่วงรู้
“พี่ไข่หวาน...เอ่อ...เอ่อ...ไข่ตุ๋น...ถูกจับอยู่ในโรงพัก”
“ฮ้า! อะไรนะ! พูดใหม่อีกทีสิยายไข่ตุ๋น”
ทางด้านของบัณฑิตา แทบพลัดตกจากเก้าอี้ ตอนได้ยินเสียงของน้องสาวเอ่ยบอกมาในครั้งแรก ไม่นึกว่าธุระสำคัญที่น้องสาวโทรมาหาตนเองในยามวิกาล จะเป็นเรื่องร้ายแรงจนแทบไม่เชื่อหู และเพื่อให้มั่นใจว่าตนเองไม่ได้หูฝาดไป จึงตะโกนถามน้องสาวอีกครั้ง
“พี่ไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหมไข่ตุ๋น”
ส่วนบุญธิสาผู้หาเรื่องเดือดร้อนให้กับพี่สาว ทำคอตก ตีหน้าม่อย ราวกับสำนึกผิดหนักหนา แต่พอเห็นนาย
ตำรวจรูปหล่อคนหนึ่งฉีกยิ้มให้อย่างต้องการผูกสัมพันธ์ด้วย ก็รีบขึงตาเขียวปั้ดใส่ ก่อนจะหันขวับหันหลังให้นายตำรวจคนนั้น แล้วพยายามบีบน้ำตา ทำเสียงอ่อยๆ แสนแผ่วเบาให้พี่สาวสงสาร เผื่อว่าตนเองจะถูกดุน้อยที่สุด หรืออาจไม่ถูกดุต่อว่าเลยก็ได้
“ได้ยินแล้วน่าว่าถูกจับ! พี่ไข่หวานมาประกันตัวไข่ตุ๋นหน่อยสิค่ะ”
บัณฑิตากลอกตาขึ้นบนราวกับเซ็งจัดระคนอ่อนอกอ่อนใจกับพฤติกรรมของน้องสาว ขณะเดียวกันก็นึกโมโหน้องสาวเหลือกำลัง ที่หาเรื่องเดือดร้อนให้เธอตามไปเคลียร์ไม่ได้หยุดหย่อน
“ถูกจับข้อหาอะไรไข่ตุ๋น”
“เอ่อ...ไข่ตุ๋น...ถูกจับตอนอยู่ในบ่อนนะพี่ไข่หวาน”
“ยายไข่ตุ๋น!”
คราวนี้บัณฑิตาตะโกนเรียกน้องสาวดังกว่ารอบแรกเสียอีก ร่างบอบบางผุดลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน ใบหน้างามบูดบึ้งโมโหน้องสาวจนถึงกับพูดไม่ออก หากอีกฝ่ายอยู่ใกล้คงได้จับหักคอจิ้มน้ำพริกเป็นแน่
บุญธิสาตีหน้าเหยเก ทำท่าสยดสยองเมื่อได้ยินเสียงพี่สาวแผดตะโกนดังก้องจนแสบแก้วหูไปหมด ขณะเดียวกันก็รีบเอาโทรศัพท์ออกจากใบหูอย่างรวดเร็ว แล้วเอื้อมมือไปลูบใบหูติดกันหลายๆ ครั้ง เพื่อบรรเทาอาการปวดแก้วหูอันเกิดจากน้ำเสียงตะโกนลั่นของผู้เป็นแฝดพี่
เมื่อรู้ว่าแฝดพี่กำลังโกรธมาก ซึ่งหากอยู่ใกล้กันป่านนี้ก็คงถูกพี่สาวซัดหนักๆ ไปหลายรอบ พร้อมกับอบรมสั่งสอนจนหูชาแล้ว บุญธิสาก็เริ่มเล่นละครฉากเศร้าเคล้าน้ำตา ทำเสียงเศร้าๆ อ้อนให้พี่สาวเห็นใจและสงสารน้องสาวผู้น่าสงสารที่สุดในรอบปี
“พี่ไข่หวานจ๋า...มาประกันตัวไข่ตุ๋นหน่อยนะ ไข่ตุ๋นไม่อยากนอนในนี้ มันทั้งหนาว ทั้งกลัว ยุงก็เยอะ ถูกกัดจนตัวลายไปหมดแล้ว”
“ดี! สมน้ำหน้า!”
บัณฑิตาต่อว่าน้องสาวด้วยความโมโห แต่ใช่ว่าจะใจร้ายตามที่เอ่ยพูดออกไป เพราะแค่เพียงได้ยินน้องสาวบอกว่าทั้งหนาว ทั้งกลัว แถมยังถูกยุงกัดอีกต่างหาก หญิงสาวก็รีบเก็บสัมภาระเตรียมจะไปประกันตัวน้องสาวทันที
“โธ่...พี่ไข่หวานจ๋า อย่าใจร้ายกับน้องสาวคนสวยเลยนะ รีบๆ มานะ แล้วซื้อข้าวมาฝากไข่ตุ๋นด้วย หิวจนตาลายจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว”
บุญธิสาอ้อนพี่สาวไม่ได้หยุด ขณะเดียวกันก็พยายามทำเสียงอ่อยๆ ติดสั่นเครือให้พี่สาวใจอ่อน พนันได้ว่าไม่เกินสองชั่วโมง พี่สาวเธอคงวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงสถานีตำรวจแน่
“เดี๋ยวพี่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ออกมาจากโรงพักเมื่อไร เธอเจอไม้หวายแน่ยายไข่ตุ๋น” บัณฑิตาเอ่ยคาดโทษเสียงลอดไรฟัน ทำท่าจะกดตัดสาย หากไม่ถูกน้องสาวตะโกนเรียกไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวๆ พี่ไข่หวาน”
บุญธิสาตะโกนเรียกพี่สาวไว้ ก่อนอีกฝ่ายจะกดตัดสายไป จากนั้นก็หลับหูหลับตาเอ่ยบอกพี่สาวรัวเร็วจนแทบหายใจไม่ทัน
“เอ่อ...ไข่ตุ๋นติดหนี้เจ้าของบ่อนหนึ่งล้าน ป่านนี้พวกมันคงมาดักรออยู่หน้าโรงพักแล้ว พี่ไข่หวานเอาเงินมาใช้
หนะ...”
“พี่จะฆ่าเธอยายไข่ตุ๋น!” บัณฑิตาตะคอกต่อว่าน้องสาวก่อนอีกฝ่ายจะทันพูดจบ จากนั้นก็กดตัดสัญญาณโทรศัพท์ทันที
“พี่ไข่หวาน! โธ่...อย่าเพิ่งวางโทรศัพท์สิ”
บุญธิสาตะโกนร้องเสียงหลง เมื่อคุยกันยังไม่ทันรู้เรื่องดี พี่สาวก็ตัดสัญญาณโทรศัพท์ไปเสียดื้อๆ โดยไม่บอกไม่กล่าวให้รู้ชัดว่าจะมาประกันตัวเธอหรือเปล่า
“ฮือๆ ไข่ตุ๋น คืนนี้เธอต้องนอนตากยุงอยู่ในโรงพักแน่นอนเลย”
บุญธิสาร้องคร่ำครวญแบบไม่มีน้ำตา จากนั้นก็กวาดสายตามองรอบๆ ตัวเอง ซึ่งตอนนี้เหลือผีพนันไม่ถึงยี่สิบคน เพราะคนอื่นถูกญาติพี่น้องมาประกันตัวออกไปจนเกือบหมดแล้ว
“พี่ไข่หวาน จะมาประกันตัวเค้าไหมเนี่ย” บุญธิสาพึมพำเอ่ยถามราวกับต้องการฝากลมหนาวให้พัดพาถ้อยคำเหล่านี้ไปถึงพี่สาวของเธอด้วย
และในขณะที่คนก่อเหตุเอาแต่นั่งซบหน้านิ่งกับหัวเข่าของตนเอง พร้อมกับคร่ำครวญอยากให้พี่สาวมาประกันตัวเธอออกจากสถานีตำรวจเร็วๆ เพราะตอนนี้เธอทั้งกลัว ทั้งหนาว ทั้งโดนยุงกัดจนตัวลายตามที่บอกพี่สาวไป ผู้เป็นแฝดพี่ก็กำลังเดือดร้อนไม่แพ้กัน เธอกำลังขอหยิบยืมเงินกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนำมาประกันตัวน้องสาว ทว่าเพื่อนร่วมงานซึ่งสนิทชิดเชื้อกันมากก็มีเงินในกระเป๋าแบบจำกัดจำเขี่ยเช่นเดียวกัน ทำเอาบัณฑิตาแทบร้องไห้ออกมาให้ได้ เมื่ออับจนหนทางไม่รู้จะหาเงินจากไหนไปประกันตัวน้องสาว รวมทั้งเงินหนึ่งล้านบาทที่ต้องนำไปใช้หนี้การพนันให้กับน้องสาวด้วย
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง บุญธิสาก็ยังคงนั่งกอดหัวเข่าตัวเองอยู่เช่นนั้น ในใจนั้นอยากร้องไห้เหลือกำลัง เมื่อเหลือเพื่อนร่วมชะตากรรมเหลือแค่อีกสี่คนเท่านั้น และบรรดาป้าๆ ทั้งสี่คน ต่างก็ขยันกันเหลือเกิน พวกนางพากันนั่งเจริญพรคนที่แจ้งความกับตำรวจทำให้พวกนางพลอยเสียเวลา เสียชื่อเสียงไปด้วย
“สมน้ำหน้ายายไข่ตุ๋น อยากทำตัวเป็นพลเมืองดีนัก สุดท้ายก็โดนจับซะเอง!”
บุญธิสาเยาะเย้ยตัวเองเบาๆ ไม่นึกเลยว่าต้องมาตกร่างแหถูกตำรวจจับมาสถานีตำรวจ พร้อมๆ กับนักพนันคนอื่นๆ
และอีกไม่กี่นาทีต่อมา บุญธิสาก็เป็นนักพนันคนเดียวที่เหลืออยู่ในสถานีตำรวจ เมื่อนักพนันทุกคนต่างก็ได้รับการประกันตัวออกไปหมดแล้ว