ร้านอาหารที่เขาพามาออกแนวร้านกลางคืน มีบาร์เล็กๆ อยู่มุมนึง ตกแต่งแสงสีและบรรยากาศไปในโทนสีม่วง เขียวและดำ แต่ก็มีโต๊ะไว้สำหรับดินเนอร์จัดอยู่หลายที่นั่ง หลายโซน
“นิลแต่งตัวสวยจนพี่อาย”
“คุณเตชมีอะไรให้ต้องอายคะ ตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาในนี้ก็มีแต่คนมองคุณด้วยสายตาชื่นชม คลั่งไคล้ ต่อให้ใส่แค่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีน แบบนี้ บารมีก็เหลือล้นจนนิลตัวลีบไปหมด”
และแน่นอนว่าทั้งตัวเขา รวมเข็มขัด นาฬิกา รองเท้า ทุกชิ้นแบรนด์เนม แพงหูฉี่ทุกชิ้น
“ก็ถ้ารู้ว่าคุณผู้หญิงจะจัดเต็มขนาดนี้ พี่คงไม่ยอมน้อยหน้า”
เห็นตัวเล็กกะทัดรัดน่ารักแบบนี้ เตชพลไม่คิดเลยว่าพอแต่งองค์ทรงเครื่องขึ้นมา นิรินจะกลายเป็นสาวสวยสะพรั่งผิดหูผิดตา อันที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น อย่างที่บอกกับหญิงสาวไปว่าเขาเห็นเธอออกงานกับบ้านชัชวินหลายครั้ง ซึ่งเขาก็ชอบมองเธอเพลินจนลืมตัวทุกทีไป นิรินดูเป็นผู้หญิงที่เย็นตา มองแล้วให้ความรู้สึกปลอดภัย สบายใจ แต่นั่นก็ไม่เคยอยู่ในระยะสายตาแบบนี้มาก่อน
นิรินหันมองไปตรงประตูบานกระจกเพื่อดูตัวเอง ชุดสวยที่ชัชวินสั่งตัดให้เพิ่งได้รับมาเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่เธอยังไม่มีโอกาสใส่ให้เขา หรือสมาชิกในชุษณปักษ์เสนีย์ได้ดูสักคน รองเท้าคู่ที่ชัชวินซื้อให้ และใส่ให้เธอด้วยตัวเขาเองในวันนั้น ก็เช่นกัน ที่เธอเลือกหยิบมาใส่แบบจัดเต็ม เพราะคืนนี้คงอยู่ที่นี่เป็นคืนสุดท้ายแล้ว เธอเลยขอสั่งลาสักหน่อย
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” เตชพลเห็นสาวน้อยพลิกดูเมนูหลายรอบก็ยังสั่งไม่ได้สักที เมนูที่มีน่าจะยังไม่ถูกใจ
เธอชั่งใจอยู่นานว่าจะบอกดีหรือไม่ เห็นรายชื่ออาหารมีคลาสแต่ละอย่างในเมนู บริกรที่มารับออเดอร์ คนรินไวน์ ดนตรีบรรเลงรื่นหูจากดนตรีสดในมุมที่ไม่ไกลนัก และชุดเชิงเทียนบนโต๊ะ ช่างไม่เข้ากับของที่เธออยากกินจนน้ำลายสอสักนิด
... เตชพลสั่งจัดโต๊ะนี้แยกออกมาจากส่วนบาร์พอสมควร จึงค่อนข้างห่างไกลแสงสี ยิ่งช่วงหัวค่ำแบบนี้ แขกในส่วนนั้นก็ยังไม่ค่อยหนาตานัก ที่เขาจัดเตรียมไว้จึงเหมือนการดินเนอร์ใต้แสงเทียนอย่างโรแมนติก มากกว่าการหาของกินง่ายๆ
“นิลอยากกินเมนูที่มีข้าวน่ะค่ะ วันนี้ยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย อยากได้ของหนักๆ สักหน่อย”
นิรินโน้มตัวมาบอกกับเขาเสียงเบา ซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะข้าวเหนียว 2 ห่อของเธอเมื่อเย็น ถูกเขาแย่งไปกินจนหมด
“รีซอสโต้มั้ย” นิรินยังส่ายหน้าดิก
“เลี่ยนค่ะ นิลอยากกินข้าวกับน้ำพริก น้ำพริกกะปิปลาทูทอด ชะอมชุบไข่ ประมาณนี้พอจะมีมั้ยคะ”
เตชพลอมยิ้มแล้วหันไปสั่งพนักงานของตนเป็นกรณีพิเศษ เขาถูกใจยัยหนูนี่เพิ่มขึ้นทุกนาทีที่อยู่ด้วยกัน เธอช่างไม่เหมือนใครจริงๆ
... ที่ไม่เหมือนก็เพราะ คงไม่มีใครแต่งตัวจัดเต็มมาในโรงแรมหรูเพื่อขอกินน้ำพริก ปลาทูและชะอมชุบไข่ทอดน่ะ
“ของผมเอาเป็นโทมาฮอร์ก สุกระดับเวลดัน เรดไวน์ซอส เปลี่ยนเป็นน้ำจิ้มแจ่ว” พอบริกรไปแล้ว เขาก็หันมาพูดกับหญิงสาว ไม่รู้หรอกว่าเธออยากรู้หรือไม่ แต่ว่าเขาอยากบอก “เราคนไทย ยังไงก็ต้องขอแซ่บสักนิด”
ผ่านไปเกือบยี่สิบนาที อาหารที่รอก็มาเสิร์ฟตรงหน้า นิรินทำตาวิ้งมีความสุขที่กำลังจะได้กินของที่อยาก กับการจัดจานของโรงแรมระดับหลายดาว ส่วนคนตรงข้ามก็ชักเคลิ้มฝันไปกับรอยยิ้มนั้น
“หนีมามีความสุขอยู่ที่นี่เอง”
มือที่กำลังจะส่งช้อนข้าวคลุกน้ำพริกเข้าปากถูกจับค้างไว้ ถึงจะเสียดายของกิน แต่เธอก็ต้องสนใจผู้มาใหม่ก่อน
“พี่ชัช” ท่าทางกระหืดกระหอบของชัชวิน ทำให้อยากถามว่ามืดค่ำขนาดนี้เขาไปวิ่งสี่คูณร้อยที่ไหนมา
“ตกใจมากเลยเหรอ ที่โดนจับได้”
ถึงจะไม่เข้าใจนักว่าหน้าเธอเหมือนคนตกใจตรงไหน แต่น้ำเสียงขุ่นคลั่ก จับผิด กับแรงบีบที่ข้อมือแบบนี้ก็ชักทำฉุน
“พี่ชัชมาได้ยังไง และมาทำไมคะ นิลไม่ได้ขโมยอะไรออกมาจากบ้านนะ” สิ่งเดียวที่เธออยากขโมยกลับไปพร้อมกันเห็นจะเป็นหัวใจของเขานั่นแหละ... แต่ก็รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้