ไม่ว่าจะออกกำลังกาย ทำอาหารอยู่กับบ้าน ทำสวน เนื่องจากเขาค่อนข้างใช้เวลาอยู่กับตัวเองนอกเหนือเวลางานเช่นนี้ เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ถ้าจะพูดง่ายๆ คือเขาค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงออกไปในทางสันโดษ ถ้าไม่ใช่เวลางาน แทบตัดขาดจากโลกภายนอก
หลังจากที่เขาเลิกกับพราวดาวแฟนสาวที่คบกันมาหลายปี มีหลายคนติดตามข่าวว่าเมื่อไหร่เขาจะเปิดตัวหญิงสาวคนใหม่ที่มาคบหาดูใจ แต่จนแล้วจนรอดทุกอย่างยังเงียบเชียบ ข่าวว่าเขาอกหักจากพราวดาวเสียใจอย่างหนัก จนไม่สนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย เพราะรักอดีตแฟนสาวที่แต่งงานกับเศรษฐีคนดังไปนั่นเอง
ดลรวีได้ยินเสียงเคาะประตูติดกันสองสามครั้งเขาจึงกล่าวอนุญาต อดเลิกคิ้วมองร่างของแม่บ้านที่เดินเข้ามาเสียไม่ได้ เธอไม่ได้ใส่ผ้าถุงกับเสื้อคอกระเช้าแต่เปลี่ยนเป็นใส่ชุดนอนวาบหวิวแทน ที่เขาอดแปลกใจไม่ได้ก็คือ การแต่งตัวที่ต่างกันลิบลับ หากไม่บอกว่าเธอมาทำงานเป็นแม่บ้าน เขาคงคิดว่าเธอเป็นลูกผู้ดีมีอันจะกินเสียมากกว่า
นึกถึงตอนเย็นที่หญิงสาวทำแผลให้เขาก็ต้องร้อนรุ่มในอก ถ้าจะพูดง่ายๆ คือเด็กมันยั่วเลยหลวมตัวไปหน่อย ไม่คิดว่าตัวเองต้องไปงับทรวงอกใคร แถมขยำตบท้ายเสียแบบนั้น ยิ่งคิดว่าเป็นสาวใช้ยิ่งนึกด่าตัวเอง
“น้ำขิงค่ะ หนูไม่ได้ชงกาแฟมาให้คุณนะคะ เพราะดื่มกาแฟมากๆ ไม่ดี ตอนนี้สองทุ่มแล้วถ้าดื่มกาแฟเดี๋ยวจะนอนไม่หลับได้ค่ะ” ยิ่งคำพูดของแม่บ้านสาวทำให้เขาอดทึ่งไม่ได้ ดูมีความรู้มากกว่าจะเป็นหญิงชาวบ้านอยู่ต่างจังหวัด เธอช่างพูด ช่างเจรจาดูมีหลักการและรู้เรื่องอาหารดีมากจนเขาแทบไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าเธอมาจากชนบท
“ขอบใจมากดาว” เขาเอ่ยขอบใจใช้ที่คั่นเสียบหนังสือเอาไว้ ยกน้ำขิงขึ้นจิบมองหน้าหญิงสาวไปด้วย ดลรวีขบคิดอะไรหลายอย่าง แต่ไม่ได้พูดออกไป
พิรันดามองชายหนุ่มอย่างลังเล ก่อนจะขอตัว เมื่อไม่รู้จะเริ่มคุยอะไรกับเขาดี ตอนแรกคิดจะยั่วแต่เจอมาดขรึมเข้าให้ นึกไม่ออกว่าจะเริ่มยั่วยังไงดี
... เธอคิดว่าสิ่งที่เขาทำเมื่อตอนเย็นคืออยากลงโทษที่เธอซุ่มซ่ามเสียมากกว่าจะรู้สึกชอบเธอจริงๆ
“เดี๋ยวก่อนสิ”
ชายหนุ่มเรียกหญิงสาวเอาไว้เมื่อเห็นเธอทำท่าจะออกไปจากห้อง เขาอยากสนทนากับเธอเพื่อเป็นการทำความรู้จักให้มากขึ้น อย่างน้อย จะอยู่บ้านเดียวกัน และคิดไว้ในใจว่าเธอน่าจะผ่านงานอาทิตย์หนึ่งที่เขาตั้งไว้
“ค่ะ”
พิรันดาลอบยิ้มแล้วเดินมาหยุดหน้าโต๊ะ เธอเหลือบมองในห้องกว้าง มีชั้นวางหนังสือมากมาย ดูชายหนุ่มชอบอ่านหนังสือมากทีเดียว ว่างๆ เธอคงต้องมาขอหนังสือเขาไปอ่านบ้างแล้ว
“นั่งก่อนสิ ยืนแบบนั้นเมื่อยแย่เลย อยู่คุยกันก่อน ฉันยังไม่ได้ถามประวัติอะไรเธอเลย” เขาวางหนังสือที่ถือค้างบนโต๊ะตรงหน้า
“ค่ะ คุณดลอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับดาวเหรอคะ”
พิรันดาใจเต้นโครมครามกลัวว่าจะโกหกไม่แนบเนียน
“ความจริงฉันรับเธอมาทดลองงาน แม้ยังไม่ได้รับปากว่าจะรับเข้าทำงานก็ตาม แต่ควรรู้รายละเอียดของเธอบ้าง เอกสารการสมัครงาน สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้านไม่มีเลยเหรอ”
เขาถามด้วยความสนใจ หลังจากลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท คราแรกคิดว่าเป็นคนที่เพื่อนส่งมาให้คงไว้ใจได้
พิรันดาสะดุ้งเมื่อเขาเรียกหาหลักฐานเอาจากเธอ สมองอันชาญฉลาดเริ่มคิดๆๆ และก็คิด ก่อนจะประมวลออกมาเป็นคำพูด
“บัตรประชาชนหายค่ะ หายตอนมากรุงเทพฯ”
ความคิดแรกที่เธอคิดออก ปฏิเสธอ้างโน้นอ้างนี่ไปก่อน
“ซุ่มซ่ามจริงๆ เอกสารสำคัญแบบนั้นคราวหลังต้องเก็บให้ดีรู้ไหม แบบนี้แล้วกันเดี๋ยวจะพาไปแจ้งความแล้วก็ทำบัตรประชาชนใหม่” เขาบอกอย่างใจดี
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวหนูไปเองก็ได้ เกรงใจคุณดลแย่เลย”
พิรันดารีบบอก ส่ายหน้ายุ่งเหยิง
“ตามใจ อย่าลืมถ่ายเอกสารมาให้ฉันด้วย แล้วทะเบียนบ้านล่ะ เอกสารอะไรไม่มีเลยเหรอ” เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ทะเบียนบ้านอยู่บ้านน่ะค่ะ ไม่ได้เอามาด้วย”
พิรันดาตอบตาใส ดลรวีจึงได้แต่ถอนใจ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพลหาให้ เขาคงคิดว่าพวกต่างด้าวหนีเข้าเมืองมาหางานทำ เพราะถึงหน้าตาจะดี แต่คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้
เขายอมรับว่าเธอหน้าตาดี แต่สำเนียงพูดมันเหน่อๆ พิกลอยู่
“ห้องพักเป็นยังไงบ้าง อยู่ได้ไหม” เขาถามเรื่อยๆ แต่แฝงไว้ด้วยความใส่ใจ
“อยู่ได้ค่ะ สบายมากทีเดียว” เธอตอบตามความจริง เพราะอุปกรณ์จำเป็นมีครบครันแค่ขนเสื้อผ้ามา... ก็อยู่ได้แล้ว
“ไปพักผ่อนเถอะ ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกได้นะ”
เขาบอกอย่างใจดี พิรันดายิ้มแก้มปริรีบพยักหน้า รอยยิ้มสดใสทำให้ดลรวีเผลอยิ้มตอบอย่างเอ็นดู แต่หัวใจหนุ่มกลับกระตุกอย่างประหลาด
“เดี๋ยวก่อน” เขาเรียกเอาไว้เมื่อเห็นหญิงสาวจะเดินจากไป
“คะ” เธอหันมาขานรับเป็นเชิงถาม
“ในห้องนี้เป็นห้องหนังสือ เผื่อเธออยากอ่านหนังสือก็เข้ามาใช้ได้นะ ฉันไม่หวง ชอบอ่านหนังสือหรือเปล่าล่ะ”
เขาบอกอย่างใจดี หญิงสาวยิ้มรับจนเห็นไรฟันขาวสะอาด ริมฝีปากรูปกระจับแดงเรื่อน่าจุมพิต กับลักยิ้มน่ารักทำให้เขาเริ่มตาลายเข้าไปใหญ่
พิรันดารีบพยักหน้าทันที...
“ไปเถอะ ดึกแล้ว พักผ่อนให้เต็มที่ตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่น พรุ่งนี้อย่าลืมตั้งโต๊ะเจ็ดโมงเช้า” เขาย้ำ
“ค่ะ” พิรันดารับคำอีกครั้ง เธอจำได้ตั้งแต่เขาแจกแจงรายละเอียดงานแล้ว พี่ดลของเธอยังละเอียด รอบคอบและช่างสังเกต รวมถึงเนี๊ยบและเคร่งครัดเหมือนเดิม
พิรันดากลับห้องได้ แทบกระโดดขึ้นไปบนที่นอน พลิกไปพลิกมายิ้มกับตัวเอง ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง ก่อนกลับมาเยี่ยมพี่ชายเธอคิดจนสมองแทบแตก ร้อยแปดพันเก้าที่จะได้เข้าใกล้ดลรวี ทำความรู้จักสนิทสนมกับเพื่อนรักของพี่ชายคนนี้ แต่ไม่นึกว่าจะทุกอย่างจะเข้าทางเธอหมด
หญิงสาวนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอมยิ้มตะกายร่างด้วยความสุขสมใจ ก่อนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นบนหัวเตียงทำให้ร่างน้อยรีบคว้ามารับสาย ปรากฏว่าเป็นเบอร์ของเพื่อนรัก เธอกรอกเสียงใสลงไปทันทีที่กดปุ่มรับ
“สวัสดีจ้า เพื่อนรักว่าไงจ๊ะ”
เสียงใสของเพื่อนสาวทำให้จิณห์จุฑาอมยิ้ม หัวเราะเบาๆ มาตามสาย อยู่กันมาหลายปีรู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้หมายถึงเพื่อนกำลังมีความสุขอย่างที่สุด
“ว่ายังไงจ๊ะแม่บ้านคนใหม่ ดำเนินแผนการไปถึงไหนแล้ว”
จิณห์จุฑาถามเพื่อนเสียงใสมาตามสาย
พิรันดาเล่าให้เพื่อนสาวฟังอย่างตื่นเต้น แต่ตอนท้ายๆ เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคง
“แต่ดาไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนดีน่ะจีน ช่วยคิดหน่อยสิ”
แม้จะรู้ว่าถามไปคงไม่ได้คำตอบที่ดีนักเพราะจิณห์จุฑาไม่ได้มีความสามารถที่จะยั่วใครพอๆ กับเธอ และไม่เคยยั่วใครมาก่อน ที่สำคัญ... เพื่อนสาวเป็นคนขี้อายอยู่มาก แต่ขอแค่ให้ได้ถามก็ยังดี
“เรื่องนี้จนใจจริงๆ นะดา เอาแบบนี้สิ ดูพี่ดลของดาไปก่อน ว่าจะยั่วขึ้นหรือเปล่า ถ้าเป็นจีน จีนไม่กล้าหรอกจ้ะ มันน่าอาย ที่สำคัญถ้าจีนรักผู้ชายสักคน จีนจะทำทุกอย่างเพื่อเขา ให้เขารักเราเหมือนที่เรารักเขา”
จิณห์จุฑาพูดตามที่คิด ถ้าเธอรักใครสักคน เธอจะทำให้เขามีความสุข สักวันหนึ่งคงเอาชนะใจเขาได้ เหมือนน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน หัวใจของคนต้องอ่อนไหวบ้างล่ะ
พิรันดาคิดตามคำพูดของเพื่อนรัก เธอไม่ได้เล่าว่าตอนเย็นดลรวีทำอะไรกับเธอบ้าง เพราะไม่กล้าเล่า กลัวเพื่อนจะบ่น แค่เธอทำแบบนี้ก็โดนบ่นว่าไม่เหมาะสมมากพอแล้วที่มาอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง