คอนเทนต์ที่ 2
ไม่ชอบขี้หน้า
"โอ๊ย หมั่นไส้ เชิดหน้าจนคอจะหักแล้วมั้งนั่น!"
แอนนา สาวประเภทสองซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานทำคอนเทนต์ที่นาเดียขอให้มาช่วยเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้วันหนึ่งบ่นขึ้นมาทันทีที่ทั้งสองคนกลับมาถึงห้องแต่งตัว
"ก็ไม่ขนาดนั้นมั้งพี่ แค่ทำหน้านิ่งๆ เฉยๆ" หญิงสาวยังคงพยายามมองกวินทร์ในแง่ดี
"นิ่งอะไร จีบปากจีบคอพูดแทนดาราซะขนาดนั้น…นี่เราพูดถึงคนเดียวกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย!"
ว่าแล้วก็ถามไถ่กันจนได้รู้ว่าแอนนาพูดถึงปลื้มในขณะที่นาเดียพูดถึงกวินทร์
"ตากวินทร์น่ะพี่ไม่แปลกใจหรอก ฮีมีข่าวทำนองนี้อยู่แล้ว"
"ข่าว? ข่าวอะไรพี่?"
"นี่นาเดียยังไม่รู้ใช่ไหม?"
บิ้วตี้บล็อกเกอร์คนดังส่ายหัวดิ๊ก อย่าว่าแต่วงการบันเทิงเลย แม้แต่วงการเน็ตไอดอลเธอก็ไม่รู้อะไรมากนักเพราะเพิ่งเข้ามาทำได้ไม่นาน ที่ดังเป็นพลุแตกเพราะบังเอิญจับจุดคนดูได้ก็เลยดังเร็วก็เท่านั้นเอง
"ก็ตานี่ฉายาคุณชายเย็นชามานานแล้ว"
"หา! เมื่อไหร่ หนูไม่เห็นรู้เลย เห็นใครๆ เรียกแต่คุณชายกันเฉยๆ"
"ถ้าคนทั่วไปละก็ใช่ แต่คนเบื้องหลังเค้ารู้กันมานานแล้ว…ก็วงการบันเทิงน่ะนะ"
ผู้จัดการส่วนตัวแบบเฉพาะกิจพูดเลียนเสียงและท่าทางของศิลปินคนดังเจ้าของวลีเด็ดที่ฮิตพูดกันทั่วบ้านทั่วเมือง
ปกติแล้วท่าทางแบบนี้จะเรียกเสียงหัวเราะจากนาเดียได้เสมอ แต่คราวนี้สาวน้อยกลับทำหน้าผิดหวัง
"อ้าว…งั้นที่วันนั้นกับวันนี้ก็หลอกลวงกันน่ะสิ"
"เค้าไม่ได้หลอกลวง เค้าแค่แสดง หนูลืมแล้วเหรอไงว่าเค้าโดนจ้างมา"
นาเดียพยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ในใจเหมือนคนอกหัก เพราะที่เธอทำไปทั้งหมดนั้นคือความจริงจากใจทุกอย่าง
"ทำใจเถอะ ดาราก็อย่างเงี้ย ถ้ารักจะอยู่ในวงการนี้ก็ต้องแสดงให้เป็นเหมือนอย่างเค้า"
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แอนนากับนาเดียยังไม่ทันอนุญาตให้เข้ามาได้คนเคาะก็บอกว่าจะเข้าไปแล้วประตูก็เปิดออกทันที
ปลื้ม ผู้จัดการส่วนตัวของพระเอกหนุ่มที่กำลังถูกพูดถึงนั่นเอง
แอนนากับนาเดียเหลือบมองกัน เพราะมัวแต่กังวลว่าอีกฝ่ายจะได้ยินที่คุยกันไหมจึงลืมไปว่าการเปิดประตูเข้ามาโดยที่คนในห้องยังไม่ได้อนุญาตนั้นเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ปลื้มเดินเข้ามาด้วยท่าทางราวกับนางแบบแคตวอล์ก ชายหนุ่มเป็นเกย์ที่แต่งตัวแบบผู้ชายแต่การแสดงออกเหมือนผู้หญิง และติดนิสัยจีบปากจีบคอเวลาพูด
"พอดีมีงานอีเวนท์ติดต่อมา ลูกค้าอยากได้กวินทร์กับนาเดียไปออกงานเปิดตัวสินค้าคู่กัน"
เห็นท่าทางพูดเหมือนจำใจของปลื้มแล้วนาเดียก็คิดจะปฏิเสธแต่พอได้ยินค่าตัวก็อดลังเลไม่ได้
"คิดดูดีๆ นะ กว่าจะได้เงินขนาดนี้ต้องทำกี่คอนเทนต์ แต่นี่แค่ออกไปร้องเพลงกับตอบคำถามนิดๆ หน่อยๆ ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เงินแล้ว แถมยังได้กระแสจากพระเอกอย่างกวินทร์อีก เธอมีแต่ได้กับได้"
"มันก็ได้กระแสทั้งคู่นั่นแหละค่ะ นาเดียเองก็ดังในโลกโซเชียลไม่ใช่น้อยนะคะ" แอนนาหมั่นไส้จึงตอกกลับไป
นาเดียเห็นท่าไม่ดีจึงรีบมาห้ามทัพ
"เอาเป็นว่าหนูขอกลับไปคิดก่อนนะคะ"
"ไม่ได้ เธอต้องให้คำตอบตอนนี้ เพราะลูกค้าเค้าก็เร่งฉันมา อ้อ…ลืมไป เธอเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังนี่นะ ก็คงไม่สนใจงานนี้หรอก เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันไปบอกลูกค้าก็แล้วกันว่าเธอไม่สะดวก"
"เอ่อ…"
นาเดียยังลังเล ส่วนแอนนาพยายามขยิบตาห้าม แต่เด็กสาวเห็นว่างานนี้ไม่ใช่งานยาก แถมยังได้เงินดี รับไว้ก็ไม่น่าเสียหายอะไร จึงตอบตกลง
"ได้ค่ะ หนูรับงานนี้" ปลื้มยิ้มพอใจก่อนจะขอเบอร์ติดต่อของนาเดีย
"เดี๋ยวถ้าลูกค้ามีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวฉันจะมาบอกเธออีกทีนะ นี่ฉันทำให้ฟรีเลยนะเนี่ย ไม่ได้คิดค่าบริการเพราะเห็นใจที่เธอเป็นเด็กใหม่ แถมยังไม่มีผู้จัดการจริงๆ!"
ประโยคสุดท้าย ปลื้มเค้นเสียงลอดไรฟันแถมยังยื่นหน้าไปหาแอนนาอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกจากนั้นก็เดินขาสับออกไป ทิ้งให้แอนนาเบ้ปากมองตาม
ส่วนนาเดียแม้จะรับปากไปแล้วแต่ก็อดรู้สึกหนักใจขึ้นมาไม่ได้
'จะรอดไหมเนี่ย งานเนี้ย!'
เมื่อถึงวันงาน นาเดียไปถึงห้องแต่งตัวซึ่งเป็นห้องรวมแต่กลับไร้เงาของพระเอกหนุ่มและผู้จัดการ
"เห็นไหมล่ะ? ฮีหยิ่งจะตาย ถ้าผู้จัดไม่แยกห้องให้ ฮีก็แยกเองอย่างงี้แหละ" แอนนาเปิดฉากนินทาอย่างเมามัน แต่นาเดียยังไม่ทันได้ตอบอะไรปลื้มก็โผล่หน้ามา
"ขอคุยกับนาเดีย 'คนเดียว' เท่านั้น!"
แน่นอนว่าช่วงท้ายของประโยคนั้นปลื้มหันไปพูดกับแอนนาทำเอาผู้จัดการจำเป็นมองค้อนปะหลับปะเหลือก
ปลื้มพานาเดียมาที่รถบ้านที่วันนี้กวินทร์ใช้เป็นห้องแต่งตัวด้วย เมื่อเข้าไปถึง ผู้จัดการดาราก็ไม่รอช้ารีบยื่นข้อเสนอทันที เป็นข้อเสนอที่ทำเอานาเดียตกตะลึงตาค้าง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"อะไรนะคะ…คบกับคุณกวินทร์? "
"ใช่ หรือจะแต่งงานกันแบบหลอกๆ ก็ได้นะ" ปลื้มพูดเหมือนกำลังพูดถึงเรื่องทั่วๆ ไป ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
"เดี๋ยวนะคะ นี่คือจะให้ไปเล่นละครคู่กันใช่ไหม? "
"ใช่…เล่นละคร แต่ไม่ใช่ละครทีวีนะ เป็นละครโปรโมต"
"ยังไงคะ? "
กวินทร์รำคาญ เลยตอบแทน
"ก็แกล้งเป็นแฟนกันไง เล่นละครทำเหมือนว่ารักกันน่ะ"
'แบบที่คุณทำตอนออกรายการ The Beloved Couple สินะ' นาเดียค่อนขอดอยู่ในใจ
จากนั้นปลื้มก็อธิบายว่า มีลูกค้าโครงการบ้านจัดสรรอยากให้กวินทร์กับเธอเป็นพรีเซนเตอร์ แต่คอนเส็ปต์คือต้องให้ทั้งสองคนทำตัวเหมือนคู่รักหรือคู่แต่งงานกันจริงๆ แล้วพักอยู่ในบ้านโครงการของลูกค้าหกเดือน หลังจากนั้นก็จะทำเป็นห่างกันไป พอครบหนึ่งปีหมดสัญญากับแบรนด์ก็ค่อยหย่ากัน
"แต่หนูยังเด็กอยู่เลยนะคะ แต่งงานแล้วหย่าก็กลายเป็นหม้าย เป็นคนมีตำหนิ หนูรับงานนี้ไม่ได้หรอกค่ะ" นาเดียปฏิเสธแบบแทบจะไม่ต้องคิด
ได้ยินดังนั้นกวินทร์ก็พูดขึ้นว่า
"แล้วถ้าผมแบ่งค่าตัวให้อีก 30%ล่ะ จะรับงานได้ไหม? "
ปลื้มทำท่าจะห้ามแต่กวินทร์ขยิบตาเป็นสัญญาณว่าขอพูดต่อ
"คิดดูดี ๆ นะ ไหนจะได้เป็นพรีเซนเตอร์โครงการบ้านแบรนด์ดัง ได้ชื่อเสียงจากการเป็นแฟนผม แถมยังได้ส่วนแบ่งจากค่าตัวผม 30% อีก นี่ยังไม่นับส่วนลดพิเศษถ้าคุณสนใจจะซื้อบ้านในโครงการอีกนะ"
แม้จะเป็นข้อเสนอที่ดี แต่ถ้าเทียบกับการต้องเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาวนาเดียก็ไม่อาจรับงานนี้ได้จริงๆ
แต่กวินทร์กับผู้จัดการก็ยังไม่ล้มเลิก ทั้งคู่บอกให้นาเดียไปคิดดูใหม่เพราะยังมีเวลา จากนั้นสองหนุ่มสาวก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัว
พอถึงเวลาที่ต้องขึ้นเวที กวินทร์กับนาเดียร้องเพลงคู่ที่ต่างก็ซักซ้อมกันมาอย่างดี แต่นาเดียยังใหม่กับงานแบบนี้เธอจึงค่อนข้างประหม่า ยิ่งเห็นคนถือป้ายไฟมาเชียร์และตะโกนเรียกชื่อ เธอตื่นเต้นมากจนลืมเนื้อเพลง กวินทร์จึงแก้สถานการณ์ด้วยการร้องท่อนนั้นต่อเอง ทำเอาคนดูยิ่งกรี๊ดและเชื่อว่าที่กวินทร์ทำไปเพราะมีใจให้นาเดียนั่นเอง
เรียกว่าอีเวนต์ยังไม่ทันจบ เรื่องนี้ก็ถูกแฟนๆ เอาไปคุยกันจนขึ้นเทรนด์เลยทีเดียว
'หรือว่าคู่จิ้นจะเป็นคู่จริงไปแล้ว? '
'กรี๊ด…นี่เราชิปคนเป็นแฟนกันงั้นเหรอ! '
ส่วนนาเดียที่รู้อยู่เต็มอกว่าทุกอย่างเป็นแค่การแสดงก็ถึงกับห่อไหล่เมื่อชายหนุ่มดึงตัวเธอไปคุยอีกครั้งหลังเลิกงาน
สาวน้อยมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงเรียกมาด่าเรื่องที่จำเนื้อเพลงไม่ได้แน่นอน แต่เอาเข้าจริงกวินทร์กลับพูดย้ำเรื่องงานพรีฝีเซนเตอร์
"เห็นไหม คนไม่มีประสบการณ์อย่างคุณ ต้องอยู่กับผมถึงจะรุ่ง" พูดจบก็เดินกลับไปด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ ทิ้งให้นาเดียยืนมองตามด้วยความหมั่นไส้
"เชอะ ให้อยู่กับคนขี้เก๊กแบบนี้น่ะเหรอ ฝันไปเถอะ! "
ขณะนั้นเมฆฝนเริ่มก่อตัว เด็กสาวจึงรีบกลับไปเปลี่ยนชุดเพื่อที่จะได้กลับถึงบ้านก่อนที่ฝนจะตกลงมา
ซ่า…ซ่า…
แต่สุดท้ายเธอก็มาไม่ทันแถมยังเจอแท็กซี่ใจร้าย พอเห็นว่าน้ำเริ่มเจิ่งนองก็กลัวว่าขากลับออกมาจะลำบากก็เลยจอดให้เธอลงแค่หน้าปากซอยโดยไม่สนว่าเธอไม่มีร่มและตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก
นาเดียเดินลุยน้ำไปด่าแท็กซี่ไป ปริมาณน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เธอต้องค่อยๆ เดิน แต่ก็ยังเร็วพอที่จะตามคนข้างหน้าทัน
พ่อ! แม่!
หญิงชายที่เดินอยู่ข้างหน้าเธอหันขวับ ทำหน้าดีใจที่เห็นลูกสาว นาเดียเองก็เช่นกันเด็กสาวรีบเดินลุยน้ำเข้าไปหา แต่พอเห็นอาการหนาวสั่นและเปียกปอนของทั้งคู่รอยยิ้มก็หายไป
สามคนพ่อแม่ลูกก็เดินตากฝนลุยน้ำกลับบ้าน ในขณะที่นาเดียครุ่นคิดไปตลอดทางว่า เมื่อไหร่นะ เธอถึงจะมีเงินมากพอจะพาพ่อแม่ไปอยู่ที่อื่น
เมื่อไหร่ชีวิตของเธอถึงจะดีกว่านี้ซักที
ทันใดนั้นเอง ข้อเสนอของกวินทร์ก็ผุดวาบเข้ามาในความคิด
***