7-2 เปลี่ยนใจ
ขวัญฤดียังมีความเชื่อเสมอว่าลูกชายจะเปลี่ยนได้ หากได้พบใครสักคน
“พักผ่อนเยอะ ๆ ละกัน เรื่องเงินเรื่องงาน ไว้กักตัวเสร็จค่อยคิด บ้านพี่ไม่...”
“ไม่ได้เดือดร้อน... ขอบคุณนะคะ พี่เตกับป้าขวัญใจดีกับครอบครัวของพิมพ์มาก พิมพ์จะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ วันไหนพิมพ์สบายพิมพ์จะเลี้ยงลูกชายบ้านพี่ให้ดีเลยค่ะ” คำพูดขัดคอนั้นขัดใจชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
วงหน้าหล่อเหลาเข้มขรึมขึ้นตามอารมณ์ ตัวเขาเองยังอายุมากกว่าพิมพ์ลภัสด้วยอายุปีนี้ย่างเข้าสามสิบหกปี
เตชินมีความคิดอีกอย่างหนึ่ง เขาไม่อยากมีคำว่า ‘ลูก’ มาผูกมัด
“พี่ยังไม่ได้บอกว่าจะมีหลานให้แม่ซะหน่อย เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะครับ น้องพิมพ์ เด็กเกิดมามีแต่แม่กับย่า มันดีที่ไหน? ถ้าพี่มีลูก พี่ไม่ให้ใครมาเลี้ยง พี่ต้องเลี้ยงของพี่เองอยู่แล้ว พี่ไม่ให้ลูกพี่ต้องกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อ เด็กหลอดแก้วพี่ก็ไม่เอา”
นั่นคือเรื่องที่ป้าขวัญบอกอย่างไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย ยังนับว่าเธอมองคนไม่ผิด พิมพ์ลภัสตั้งใจฟังเขาแล้วเลยยิ้มขึ้นมา
“พี่เตเป็นคนดีนะคะ ป้าขวัญบอกพิมพ์อย่างนั้น พิมพ์เชื่อ...”
“ไม่รู้สินะ... แต่พี่ผ่านผู้หญิงมาเยอะ พี่ถึงไม่เคยพลาดเรื่องพวกนี้ไง ลูกควรต้องเกิดจากความรักของพ่อและแม่ ไม่ใช่คิดจะนอนกันออกมาแล้วมีนะ... น้องพิมพ์ ชีวิตจริงมันไม่เหมือนนิยายที่น้องชอบอ่านนะครับ”
“ค่ะ... พี่เต เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ” คำตอบในใบหน้าใสซื่อผ่านจากการปิดบังตนไว้ครึ่ง
เตชินสามารถอ่านความคิดของเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่ง โดยไม่ต้องบอกเลยว่าพิมพ์ลภัสไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อย ยอมรับฟังเหตุผลของใครง่าย ๆ อย่างตาเห็น
พิมพ์ลภัสแค่เออออตามน้ำไปเพราะเสียเวลาจะเถียง เธอไม่ชอบโต้แย้งเหตุผลของใครนักหากว่ามันไม่ใช่เรื่องงาน เธอยังรู้สึกว่าโดนแทงใจดำเข้าเต็ม ๆ โดยเฉพาะเรื่องนิยาย!
ที่นั่งตรงข้ามกันในชั้นโล่งกว้าง ลมพัดอ่อนเย็นสบาย เขานั่งคุยกับเธอเรื่อยเปื่อยจนครบเวลาสี่สิบกว่านาทีจึงยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
ตามระเบียบของการกักตัว ทางโรงแรมไม่ได้บังคับอะไรขนาดนั้น บางห้องอาจไม่ทำมันก็ได้ ทว่าเตชินเป็นคนเคารพเรื่องระเบียบส่วนรวมในสังคม
“ไปกันครับ พี่จะเดินไปส่งนะ เราเป็นตัวอย่างที่ดีของการกักตัวดีกว่า ไว้ค่อยมานั่งคุยกันใหม่” เขาบอก ก่อนจะลุกขึ้นแย่งเธอจ่ายเงินทันทีที่พนักงานของโรงแรมถือสมุดบิลมา ดูรายการอาหารแล้วจรดปากกาด้วยลายมือขยุกขยิก
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากแพ็คเกจคงรวมยอดไว้ในวันเช็คเอ้าท์
“เท่าไรคะ?”
“ไม่เป็นไร พี่จ่ายเอง เราน่ะ... เก็บเงินไว้เถอะ อายุงานน้อยกว่าพี่เยอะ”
เหมือนถูกเหน็บแนมอยู่น้อย ๆ พิมพ์ลภัสไม่ได้ถือสา รอจนเขาเสร็จธุระแล้วเดินตามไป ร่างสูงก้าวขานำไปทางห้องโถงกว้างเพื่อขึ้นลิฟต์ เขาก็ยังคุยกับเธอ
“น้องพิมพ์เรียนไม่ไกลจากพี่เลยนะ แปลกที่เราไม่เคยเจอกันใน UK หรือนิวคาสเซิ่ล...”
“ตอนพิมพ์เรียน เรียนอย่างเดียว ตอนพิมพ์ใกล้จบ พ่อเริ่มเป็นหนี้ พิมพ์ทำงานหนักมาก อยู่แต่ที่ทำงานกับห้องพักแหละค่ะ”
“ท่าทางจะมีฝรั่งมาจีบเยอะ... สวยขนาดนี้ ผิวขาวหน้าตาดี หุ่นดี ตัวเล็กไปหน่อย” เขาเอ่ยปากชม ตาคมหลุบมองผิวเนียนละเอียดบนช่วงบ่าของเสื้อเปิดไหล่ ด้วยสายตากรุ้มกริ่มอย่างที่รู้ว่าพิมพ์ลภัสไม่ชอบ เธอกลับไม่ได้ว่าเขา
“ก็มีนะคะ... แต่พิมพ์ไม่ชอบให้ใครจีบ พิมพ์ด่าหมด พิมพ์จะไม่คุยด้วย พิมพ์ไม่ชอบผู้ชายขี้หลี พิมพ์เรื่องมากเลือกเยอะด้วย”
กระทบเข้ากับเตชินเต็ม ๆ ในระยะห่างพอสมควร วงหน้าหล่อเหลาใต้แมสก์ดำก้มลงมองคนตัวเล็กอย่างตัดพ้อ ขณะเดินเคียงข้างกันไปจนถึงหน้าลิฟต์ในล้อบบี้ชั้นลอย กระทั่งรอยยิ้มผ่านแววตาคู่หวานบอกเขาอย่างจริงใจ
“เว้นไว้หนึ่งคน... พิมพ์อนุญาตให้ชมพิมพ์ได้ละกัน”
ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ลืมอีกต่างหากว่านับเป็นน้องนุ่ง!
“พี่ได้สิทธิพิเศษจากน้องพิมพ์คนสวย แหม... ดีใจจัง”
“พี่เตเป็นลูกชายป้าขวัญนี่คะ ป้าขวัญใจดีกับพิมพ์ ช่วยเหลือพ่อแม่พิมพ์ ต่อให้พี่จะแกล้งพิมพ์ ว่าพิมพ์ พิมพ์ก็ไม่โกรธค่ะ”
หญิงสาวยังคงตั้งใจพูดคุยกับเขา กดปุ่มรอลิฟต์นับเลขถอยหลังใกล้เวลาจากกัน
“พี่คงไม่แกล้งน้องพิมพ์บ่อย ๆ แล้วล่ะ คนเคยเรียน ทำงานใกล้ ๆ กันมา อยู่เมืองนอกพี่ว่าลำบากกว่าอยู่บ้านเรา”
“ทำงานอยู่เมืองนอกใช่ว่าดี เหมือนเป็นชนชั้นแรงงานที่มีมันสมองหน่อยเท่านั้นล่ะค่ะ เขาใช้งานคุ้ม ไม่มีวันหยุด ถึงมี... พิมพ์ก็ไม่หยุด”
“พี่ว่าหาผัวรวย ๆ ง่ายกว่า อืม... แม่พี่มาเสนอให้มีลูก ไม่ต้องเหนื่อยแล้วเรา” คำพูดประชดประชันได้รับคำตอบในแววตามาดมั่น มั่นใจในแบบเธอ
“ค่ะ... หาผัวรวยง่ายกว่า แต่พิมพ์อาจจะไม่เอา ถ้าไม่ใช่เพราะพิมพ์ชอบป้าขวัญเป็นการส่วนตัว ป้าขวัญทำกับข้าวอร่อย ใจดี ป้าขวัญทำงานเก่งด้วย”
น้อยคนที่จะเอ่ยปากชมแม่คนอื่นได้เต็มปาก คนเป็นลูกแท้ ๆ ถึงกับออกอาการเก้อเขินแทนแม่
“อ้อ... เอ้อ... ใช่ แม่พี่น่ะสุดยอดแล้ว”
ชายหนุ่มไม่ลืมพ่นสเปรย์แอลกอฮอล์ให้ หากเธอและเขาต้องหยิบจับของอะไรในพื้นที่สาธารณะ ก่อนหยิบหลอดยาขนาดพกพาสะดวกออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ล้างมือด้วยนะ เจลล์แอลกอฮอล์ขอเพิ่มได้ตลอด ที่นี่เขามีให้...” คนบอกดูช่างเอาใจคราวบีบขวดใสใส่ฝ่ามือเล็ก เธอถูมือไปมาก่อนเงยหน้าส่งยิ้มหวาน
“ขอบคุณค่ะ”
เป็นจังหวะที่เสียงลิฟต์ดังเตือน ร่างบางก้าวขาเข้าไปก่อนเขา ยืนอยู่คนละมุมระหว่างสัญลักษณ์กากกะบาทสีแดงบนพื้น
ความเงียบสงัดอาจทำให้เผลอสบตามองกันเวลาขึ้นลิฟต์กับคนแปลกหน้า แต่มันจะไม่เกิดความหวั่นไหวต่างจากคราวนี้
พิมพ์ลภัสได้ยินเสียงลมหายใจผ่อนเข้าออกผ่านปลายจมูก ใต้แมสก์สีดำที่เคยเห็นครั้งหนึ่งตรงระเบียงพร้อมเรือนกายเป็นล่ำสัน เลือดในกายดันสูบฉีดขึ้นมาเหมือนโดนเสน่ห์ยาแฝด ประกายร้อนผ่านดวงตาคู่คมไม่ปิดบังความรู้สึก พาให้เกิดความตื่นเต้นโดยไร้เหตุผล ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกับผู้ชายคนไหน
แม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไรสักคำจนลิฟต์หยุดลงในชั้นสิบเอ็ด และถึงเวลาต้องบอกลา เธอตัดสินใจบอกเขาอีกครั้ง
“ไว้เจอกันนะคะ พี่เต อย่าลืม... เก็บเรื่องที่พิมพ์พูดไปคิดหน่อย พิมพ์จะพยายามเข้าใจเหตุผลของพี่เหมือนกันค่ะ”