“ข้าเมามากแล้วเพราะฤทธิ์สุราของแล้วเห็นทีต้องกับตำหนักบูรพาเสียที” ด้วยเสียงค่อนข้างดัง
“จิ่นฉินพยุงข้าที” จิ่นฉินไม่รอรอช้ารีบเข้าไปพยุง จิวซินแต่ชงไฉ่กับเข้ามาประคองอีกฝั่งไว้
“นายเจ้าท่าจะแย่ข้าช่วย” จิวซินพยายามลืมตาแต่ไม่เป็นผล
“ให้นายเจ้าพักที่จวนของข้าจนกว่าจะสร่างเมาดีไหม” องค์ชายห้าออกความเห็นตามที่คิดได้จิ่นฉิน ลังเล
“เชื่อข้าเถิด ข้ามีชาแก้เมาสักพักข้าจะให้เด็กนำมาให้นายเจ้าดื่ม”
“นายของข้าไม่ชอบนอนค้างที่อื่น”
“เพราะอะไร เมามายไยไม่สร่างเมาถึงค่อย กลับตำหนักบูรพา”
“คงเป็นเพราะมีสาวงามคอยท่าอยู่สาวใช้ที่ติดตามมานั้นความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาอีกทั้งนางยังงดงามราวฝนแรกของวสันต์ฤดู มีหรือองค์ชายใหญ่จะอยากทิ้งนางไว้ลำพัง”
คราวนี้เองที่จิวซินสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาได้ยินพอดี
“องค์รัชทายาท ช่างเป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้างนัก แม้สาวใช้ข้างกายข้าท่านยังไม่ละเว้น” เมามายแค่ไหนจิวซินก็ยังเหน็บแนมทั้งๆ ที่เสียงอ้อแอ้ด้วยความเมาเมื่อพูดเสร็จก็คอพับไปตามเดิม
“555แม้กระทั่งตอนเมา องค์ชายใหญ่ยังมิวายหวงสาวใช้ข้างกายข้าชักอยากเห็นหน้านางเต็มทีว่าจะงดงามดังที่น้องสิบสองกล่าวถึงหรือไม่”
ชงไฉ่ทำหน้าไม่ถูก
“เอาตามนี้ พยุงนายของเจ้าเข้าไปในจวนข้าก่อน เดี๋ยวสร่างเมาค่อยพากลับตำหนักหากไปตอนนี้เกรงว่าหากมีผู้พบเห็นจะไม่เป็นการดีต่อองค์ชายใหญ่” จิ่นฉินจนใจหิ้วปีกจิวซินเข้าไปในจวน ชงไฉ่ใช้มือสอดจากด้านหลังโอบเอวบางของจิวซินไว้ กำลังครุ่นคิดว่าเอวของจิวซินช่างคอดกิ่วไม่สมชายชาตรี
บุรุษทั้งคู่พาจิวซินในอาภรณ์บุรุษยังแท่นนอน ที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงามสะอาดสะอ้านส่งจิวซินยังแท่นนอน
“หากจะต้องให้ผู้อื่นลำบากยามเจ้าเมามายเช่นนี้ ข้าว่าเจ้าไม่ควรดื่ม” ชงไฉ่ เอ่ยปากเบาๆ พอได้ยินแค่เขาและจิวซิน ทว่าจิวซินกับไม่รู้สึกตัวหรือได้ยิน ใบหน้าผุดผาดด้วยเลือดฝาดจากฤทธิ์สุรายิ่งน่ามองชงไฉ่นึกอิจฉาใบหน้างดงามนั้นอย่างนี้นี่เององค์หญิงสิบสี่ถึงกับยอมทะเลาะกับเขาเพราะบุรุษรูปงามไร้ที่ติคนนี้นี่เองเผลอมองเสียเพลินไม่ทันสังเกตว่าจิ่นฉินก็ไม่ละสายตาจากเขาเช่นกัน ด้วยสายตาระวังภัย
“ชา สร่างเมามาแล้ว สูตรนี้ เป็นสูตรเด็ดของท่านแม่ข้าทีเดียว เพียงไม่นานองค์ชายใหญ่จะสร่างเมา” จิ่นฉินรับชามาถือไว้ ค่อยๆ ตักชาป้อนใสริมฝีปากแดงระเรื่อหากจิวซิน กับปัดป้อง
“ไม่น่าเชื่อแม้กระทั่งเมาไม่รู้สึกตัวยังมีพิษสงได้” ชงไฉ่อดไม่ได้ องค์ชายห้านั่งบนหัวนอนก่อนจะประคองจิวซินให้ลุกขึ้นนั่งแขนอีกข้างโอบเอวบางไว้แนบลำตัว เอื้อมมือไปตักชาจากมือจิ่นฉินบรรจงป้อนช้าๆ ชงไฉ่มองท่าทีของพี่ชายด้วยความคิดประหลาด ร่างบางหน้าสวยในอาภรณ์บุรุษ และความอ่อนโยนที่องค์ชายห้าปฏิบัติกับคนเมาในอ้อมแขนเหมือนกับการแสดงต่อคนรักก็ไม่ปาน
อาการหงุดหงิดบังเกิดขึ้นในจิตใจ ดื่มชาไปเพียงสองสามช้อนจิวซินสำลักชาส่งเสียงไอดิ้นรนโน้มตัวไปข้างหน้าองค์ชายห้าตกใจไม่น้อยคว้าหน้าอกของจิวซินเต็มมือความนุ่มละมุนมือสัมผัสแปลกประหลาดชายไร้คู่กับรุ้สึกร้อนวูบวาบความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้าสู่หัวใจบุรุษไร้คู่ปล่อยมือทันควัน จิ่นฉินจับสังเกตมองเห็นความผิดปกติจากอาการสะดุ้งขององค์ชายห้า องค์ชายห้าใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย แต่ไม่ได้ปริปากเอ่ยคำใดลุกขึ้นยืนปล่อยให้จิวซินลงไปนอนอยู่บนแท่นตามเดิม
“สักพักนายของเจ้าจะสร่าง ระหว่างนี้ข้าให้สาวใช้นำผ้ามาเช็ดหน้าให้เขาข้าขอตัว” หันหน้าหนีด้วยอาการผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ชงไฉ่สงสัยมองตามอ๋องห้าแต่ก็ยังไม่รู้สาเหตุ อดไม่ได้ที่จะลุกตามไป
“พี่ห้าท่านเป็นอะไรไป” อ๋องห้ามองหน้าน้องต่างมารดาด้วยความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเขากับองค์รัชทายาทไม่เคยมีเรื่องใดที่บอกกล่าวกันไม่ได้ คราวนี้เสียละมั้งที่เขาต้องปิดไว้เป็นความลับหากยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ ด้วยรู้นิสัยขององค์ชายสิบสองดีว่าเป็นคนที่หุนหันพลันแล่นขนาดไหนหากเรื่องนี้ทำเขาสงสัยเขาต้องหาทาง ค้นหาความจริงให้จนได้
“นั่งลงก่อนน้องพี่” เชื้อเชิญองค์ชายสิบสองด้วยท่าทีไตร่ตรอง
“พี่ห้าทำไม่หุนหันออกมาเช่นนี้มีเรื่องใดหนักหนาจนไม่อาจด้วยวิสัยของท่านสุภาพอ่อนโยนไม่ว่ากับผู้ใด” องค์ชายห้ายิ้มกลบเกลื่อน
“เพียงแค่ข้าคิดได้ว่าเราเป็นชาวไห่ตงหยวนไม่มีความจำเป็นต้องชิดเชื้อกับเชลยให้มากความ” ชงไฉ่ยังไม่ค่อยเชื่อนัก
“แล้วไยพี่ห้าถึงเชื้อเชิญเขามาที่จวนร่วมดื่มผูกมิตร” อ๋องห้าขมวดคิ้ว
“แล้วองค์ชายสิบสองใยต้องสนใจเขามากมายเพียงนั้น” เลิกคิ้วมองน้องชายแบบจับผิดบ้าง
“อย่างนั้นสิ่งที่ไม่สมควรใส่ใจก็คือเชลยที่เมามายอยู่ในจวนของพี่ห้าสู้ท่านไล่เขาไปไม่ดีกว่ารึ”
“ดี องค์ชายสิบสองช่วยพี่ห้าทีไปไล่เขาออกจากจวนของพี่ห้าให้ด้วย” อ๋องห้าถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อองค์รัชทายาทจากไป
จิวซิน นอนลืมตาตื่นอาการวิงเวียนหายไปเกือบหมดมีเพียงอาการปวดหัวที่ยังคลั่งค้าง ชงไฉ่ย่างสามขุมเข้ามาในห้องมองเห็นจิวซินนั่งบนแท่นนอนมีจิ่นฉินยืนคอยท่า
“หากอาการเมามายหายไปข้าคิดว่าองค์ชายใหญ่เหอตงหยวนสมควรกลับตำหนักบูรพาได้แล้ว” อ๋องห้าเดินมาสมทบ
“อาการเมามายหายไปก็ใช่จะดีขึ้นข้าเชิญองค์ชายใหญ่จินเกอค้างที่นี่สักคืน” ชงไฉ่มองหน้าพี่ห้าของเขาอย่าง งงงัน
“ข้าไม่รบกวนท่านห้าดีกว่าดึกดื่นเพียงนี้ท่านยังต้องมาดูแลข้า และยังมีบางคนอยากให้ข้าไป”
“เป็นข้าที่อยากให้ท่านค้างเสียที่นี่” องค์ชายห้าเหมือนคิดอะไรในใจ
จิวซิน เริ่มสงสัยว่าทำไมคะยั้นคะยอนางนัก
“ไม่เป็นไรไม่กล้าข้าจินเกอไม่เคยไกลบ้าน มาครั้งนี้ก็ยังไม่คุ้นกับตำหนักบูรพากับต้องมานอนค้างในจวนท่านห้าโอกาสไม่มีมีเพียงครั้งไว้โอกาสหน้าข้าไม่พลาดที่จะเดินหมากร่ำสุรากับท่านแน่นอน” เมื่อรู้ว่าแผนการไม่เป็นไปตามที่คิดองค์ชายห้าจึงยิ้มกลบเกลื่อนอาการผิดหวัง
ชงไฉ่มองคนนู้นทีคนนี้ที
“ข้าลาองค์ชายทั้งสอง ไปเถอะจิ่นฉิน” หันมาทางองครักษ์หนุ่ม