หลี่ซานซานรีบวิ่งเข้าไปเอาน้ำดื่มมาให้แม่ของตน พร้อมกับถามออกไปอย่างห่วงใย “น้ำค่ะแม่ แม่เหนื่อยไหม”
“ขอบใจนะ แม่หายเหนื่อยแล้ว” โจวเพ่ยชิงรับน้ำมาดื่มและบอกลูกสาวตัวน้อยออกไป
เพียงแค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้วสำหรับผู้แม่
“อาเฉิน ซานซาน มานั่งนี่ก่อน มาดูสิว่าเสื้อผ้าและรองเท้าที่แม่ซื้อมาให้ ใส่ได้หรือไม่” โจวเพ่ยชิงกวักมือเรียกลูกทั้งสองคนให้เข้ามาดูของฝากที่เธอเอามาให้
“มีชุดใหม่ของผมกับน้องด้วยเหรอครับ”น้ำเสียงที่ถามกลับสั่นเครือเล็กน้อย
ตั้งแต่จำความได้คนที่จะซื้อเสื้อผ้าและชุดใหม่ให้เขากับน้องนั้นมักจะเป็นพ่อ ซึ่งจะมีเพียงปีละครั้งเท่านั้น แต่เวลานี้แม่กลับบอกว่าซื้อของพวกนี้มาให้เขากับน้อง แม่เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
“ใช่แล้ว ลูกทั้งสองมาลองสวมดูก่อนว่า ใส่ได้หรือเปล่า หากไม่ได้ อีกสามวันแม่จะเข้าเมืองอีกครั้ง จะได้เอาไปเปลี่ยนให้ใหม่”
แม้ว่าเวลานี้ใบหน้าของโจวเพ่ยชิงจะมีรอยแผลที่น่ากลัว แต่สำหรับเด็กน้อยไม่กลัวเลยสักนิด ทั้งสองชอบที่ให้แม่เป็นแบบนี้มากกว่า บรรยากาศบ้านรองหลี่เวลานี้เต็มไปด้วยความสดใสของเด็กทั้งสองคน รวมถึงโจวเพ่ยชิง หลี่รุ่ยเฉินและหลี่ซานซานต่างก็วิ่งเข้าไปเปลี่ยนและลองชุดอย่างสนุกสนาน ภาพนี้จึงทำให้ผู้เป็นแม่ยิ้มตามอย่างมีความสุข
“เอาละ เย็นนี้ใครอยากกินอะไรบอกแม่ได้เลย แม่จะทำให้ แต่ก่อนอื่น เรามาแบ่งอาหารและของใช้พวกนี้ไปบ้านปู่ย่า และตายายกันก่อนดีหรือไม่”
“ดีครับ / ดีค่ะ”หลี่รุ่ยเฉินและหลี่ซานซานต่างพยักหน้าและพูดออกมาพร้อมกัน
จากนั้นสามคนแม่ลูกก็ช่วยกันแบ่งข้าวของไปฝากทั้งบ้านโจวและบ้านหลี่ทันที
“พ่อคะ แม่คะ อยู่บ้านไหมคะ” โจวเพ่ยชิงเอ่ยเรียกพ่อแม่สามีหน้าประตูรั้ว
“ตายแล้ว วันนี้ฝนคงตกผิดฤดู น้องสะใภ้รองมาเยี่ยมเยือน”
สะใภ้ใหญ่นิสัยขี้อิจฉา วันนี้เธอไม่ได้ไปลงงานในแปลงนารอบบ่าย ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกจึงรีบออกมาดู พอเห็นว่าเป็นใครก็อดที่จะจิกกัดตามนิสัยไม่ได้
“พ่อกับแม่อยู่ไหม พี่สะใภ้” หญิงสาวคร้านจะต่อปากต่อคำด้วย จึงเอ่ยถามหาพ่อแม่สามี ทว่าสะใภ้ใหญ่ของบ้านกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ
“จะมาหาพ่อแม่ทำไม หรือเงินไม่พอใช้ เลยจะมาขอยืม”
“ไม่ใช่นะคะป้าสะใภ้ แม่และพวกเราเอาอาหารมาให้ปู่กับย่า มีเสื้อใหม่ด้วยนะ” หลี่ซานซานร้องบอกป้าสะใภ้
นี่จึงทำให้สะใภ้ใหญ่ตาลุกวาวและแทบจะไม่เชื่อหูตนเองว่าสะใภ้รองอย่างโจวเพ่ยชิงจะซื้ออาหารมาให้พ่อแม่สามี
“ไหน..มีอะไรมาฝากพ่อกับแม่ เอามาฝากฉันไว้ก็ได้”
ความโลภในใจทำให้สะใภ้ใหญ่พูดขึ้นมาอย่างหน้าไม่อาย ในใจนั้นคิดว่าของบางส่วน เธอจะเก็บไว้เอง
“หากพ่อแม่ไม่อยู่ ฉันค่อยมาอีกครั้งดีกว่า อาเฉิน ซานซานไปบ้านตากับยายกันเถอะ”
โจวเพ่ยชิงรู้นิสัยพี่สะใภ้ดีว่า หากเธอฝากข้าวของไว้ พ่อแม่สามีคงไม่ได้อะไรแน่ ส่วนอาหารพี่สะใภ้คงเก็บไว้กินเอง หรือไม่ก็เอาไปฝากบ้านเดิม เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ตอนที่เธออยู่รวมกับบ้านใหญ่
จากนั้นสามแม่ลูกหมุนตัวเตรียมจะกลับ แต่แม่หลี่ก็เดินออกมาจากในบ้านเสียก่อน
“อ้าว เพ่ยชิง อาเฉิน ซานซาน มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า แล้วนั่นหอบอะไรมา” แม่หลี่ทักทายทั้งสามคนขึ้นมา และมองไปที่สิ่งของในมือของลูกสะใภ้และหลานทั้งสอง
“สวัสดีค่ะย่า / สวัสดีครับย่า” หลี่รุ่ยเฉินและหลี่ซานซานเอ่ยทักทายย่าของตัวเอง แล้วเป็นหลี่ซานซานที่พูดต่อว่า “แม่เอาอาหารและเสื้อมาฝากปู่กับย่าค่ะ แต่ป้าสะใภ้บอกว่าย่าไม่อยู่บ้าน ซานซานกับแม่และพี่ใหญ่เลยกำลังจะกลับค่ะ”
“อ้าวเหรอ มา มา เข้ามาก่อนสิ ย่ามัวแต่ไปเก็บผักน่ะ เลยออกมาช้าไปหน่อย เข้ามาในบ้านก่อนมา” แม่หลี่รีบเปิดประตูรั้วและเรียกทั้งสามคนเข้าบ้านก่อนจะถลึงตาใส่สะใภ้ใหญ่
ไม่รู้ว่าครั้งนั้นเธอตาบอดหรืออย่างไร ถึงได้แต่งคนอย่างซือเจียเข้าบ้าน สะใภ้ใหญ่พอรู้ว่าแม่สามีไม่พอใจตนเอง ก็รีบก้มหน้าและเดินตามทุกคนเข้าบ้านเช่นกัน
“ซื้อของมาทำไมมากมาย เปลืองเงินแย่ อย่าใช้เงินให้มันสิ้นเปลืองนัก”
หลังจากที่ดูของฝากแล้ว แม่หลี่ไม่วายบ่นลูกสะใภ้คนรอง แต่อดที่จะภูมิใจและดีใจไม่ได้ ที่นิสัยของโจวเพ่ยชิงเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี รู้จักซื้อของให้ลูกและนึกถึงคนอื่น ไม่เหมือนในหลายปีที่ผ่านมา ตอนนั้นสะใภ้คนนี้ไม่เคยซื้อของให้ใครแม้กระทั่งลูกตนเอง
“ที่ผ่านมาฉันต้องขอโทษแม่ด้วยนะ ที่ทำตัวร้ายกาจและเห็นแก่ตัวเสมอมา จนทำให้พี่ฮั่นตงต้องแยกบ้านออกไป ฉันอาจจะไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่ดี แต่หลังจากนี้ ฉันจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นค่ะแม่ แม่พอจะให้โอกาสฉันได้ไหม”
ไม่ว่าหลังจากนี้เธอและหลี่ฮั่นตงจะเป็นอย่างไร เธอคิดว่าการทำดีต่อแม่สามีและปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น ยังไงก็ควรจะทำเพื่อไถ่บาปกับสิ่งที่ผ่านมา
“ฉันไม่ถือสาหาความหล่อนหรอก ขอแค่หล่อนปรับปรุงตัวและแก้ไขตัวเองได้จริง ๆ ฉันก็ดีใจแล้ว และต่อไปนี้ก็อย่าทิ้งขว้างสองแฝดอีก ส่วนเรื่องของหลันจี แม้ว่าบ้านหลี่และบ้านหม่าเคยคิดจะเกี่ยวดองกัน แต่ฮั่นตงปฏิเสธเสมอมา ดังนั้นเรื่องที่หลันจี หรือใครก็ตาม แอบอ้างว่าอยากได้ลูกสาวบ้านหม่ามาเป็นสะใภ้คำคำนั้นไม่ได้ออกจากฉันแน่ แล้วเรื่องหย่า...”
“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพี่ฮั่นตงค่ะ หากเขาอยากจะหย่า ฉันก็ยินดี ฉันกักขังเขามานานพอแล้ว หลายปีมานี้ฉันไม่เคยได้หัวใจเขา อีกทั้งตอนนี้สภาพฉันไม่เหมาะกับพี่ฮั่นตงอีกแล้วค่ะแม่”
โจวเพ่ยชิงปลงตกและรับสภาพตนเองได้ ที่ผ่านมาแม้ว่าเธอจะร้ายกาจและอยากเป็นคุณนายนายทหารแค่ไหน แต่ส่วน
ลึก ๆ เธอต้องการหัวใจของสามีไว้ครอบครองเช่นกัน แต่เมื่อไม่ได้ก็ควรจะยุติเสีย อีกทั้งเวลานี้สภาพเธอไม่ต่างจากหน้าผี ซึ่งไม่มีวันเหมาะสมกับเขาอีกต่อไป ไม่สู้หย่าร้าง ปล่อยให้เขาไปใช้ชีวิต ในที่ ที่เขาอยากจะเป็นดีกว่า
พอเห็นแววตาที่เศร้าสร้อยของลูกสะใภ้ แม่หลี่ก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เธอเองก็พอจะรู้ว่าฮั่นตงนั้นอยู่เพราะความจำยอม และอยู่เพราะลูก เขาไม่ได้รักลูกสะใภ้คนนี้เลย แต่ไม่ว่าอย่างไร หากสะใภ้รองอย่างโจวเพ่ยชิงปรับปรุงตนเองได้ เธอเชื่อว่าสักวันคงจะครองใจของฮั่นตงได้เช่นกัน แต่นั่นมันก็อยู่ที่เวลาและการกระทำของเพ่ยชิงเอง ส่วนเรื่องบาดแผลบนใบหน้า หากฮั่นตงรักใคร่ในตัวภรรยา เรื่องนี้จึงไม่น่าจะใช่ปัญหาของทั้งสองคน
“หากปรับปรุงตัวเองได้จริง ๆ จงใช้ความดีเอาชนะใจของฮั่นตงให้ได้ ฉันรู้ว่าที่ผ่านมาหล่อนรักฮั่นตงด้วยใจจริง แต่เพราะโดนมองข้าม จึงทำตัวร้ายกาจและไม่สนใจลูกอย่างนั้น ในเมื่อคิดได้ ก็แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด สองแฝดยังต้องการแม่นะเพ่ยชิง”
นอกจากให้กำลังใจ แม่หลี่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะเรื่องของหัวใจและชีวิตคู่ มันขึ้นอยู่กับคนสองคนเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะแม่ ส่วนนี่เสื้อของพี่ใหญ่กับน้องสามี และเสื้อผ้าของเด็ก ๆ รบกวนแม่จัดการด้วยนะคะ แล้วก็เนื้อหมู แม่ทำกินเสียนะ ช่วงนี้อากาศร้อน เดี๋ยวจะเน่าเสียได้ง่าย”
ก่อนจะลา โจวเพ่ยชิงไม่วายฝากเสื้อให้พี่ชายและน้องชายของสามี รวมถึงของหลาน ๆ ทุกคน แต่กลับไม่มีของสะใภ้ใหญ่
นี่จึงทำให้สะใภ้ใหญ่โวยวายขึ้นมา เมื่อโจวเพ่ยชิงและลูกทั้งสองกลับไปแล้ว
“แม่ดูสิ มีของฝากทุกคน แต่กับฉันไม่มีสักอย่าง”
“แล้วที่ผ่านมา หล่อนทำดีกับสะใภ้รองบ้างหรือไม่เล่า นอกจากคอยจิกกัด อย่าลืมสิ ว่าต้นเหตุที่ทำให้ฉันกับตาแก่ต้องเรียกฮั่นตงมาแยกบ้าน นี่ไม่ใช่เพราะหล่อนคอยหาเรื่องจนทะเลาะกันใหญ่โตหรือ หากมีของหล่อนน่ะสิแปลก ส่วนเสื้อของเสี่ยวถิงกับอาซวน ฉันจะเก็บไว้เอง อ๋อ...มีของเจ้าใหญ่ด้วย หากให้หล่อนเก็บ ไม่วายเอากลับไปให้บ้านเดิมอีก”
มีสะใภ้สามคน แต่ละคนต่างกันสุดขั้ว ส่วนสะใภ้เล็กก็ทำงานในโรงงาน นาน ๆ ถึงจะกลับมาสักครั้ง ไม่รู้เจ้าสามทนได้อย่างไรที่ต้องแยกกันอยู่กับภรรยาอย่างนี้
จากนั้นแม่หลี่จึงนำของทั้งหมดไปเก็บไว้ในห้อง ส่วนเนื้อหมูวันนี้เธอตั้งใจทำอาหารเอง หากให้สะใภ้ใหญ่เป็นคนทำ คงได้กินไม่ถึงครึ่งหนึ่งแน่