6. Know the Truth

1942 Words
เวลาต่อมา @บริษัท YSD "ยังไม่มีใครมากันเลยค่ะ" ฉันพูดขึ้นเมื่อเปิดประตูเข้ามาในออฟฟิศ แล้วเจอความว่างเปล่า "สงสัยคงจะไม่มีใครกลับมา เห็นใน Calendar แต่ละคนออกไปข้างนอกถึงเย็นคงไม่กลับมากันแล้วล่ะมั้ง" พี่ภูมิเดินเข้ามาตามหลังฉันและพูดขึ้นมา งั้นตลอดบ่ายจนถึงเลิกงาน ฉันและพี่ภูมิอยู่กันที่ออฟฟิศแค่สองคนน่ะสิ ในระหว่างที่ฉันเดินมานั่งโต๊ะ เสียงมือถือฉันก็ดังขึ้นมา Team Jadai : sent photo เป็นพี่เจไดที่ส่งข้อความ Team มาหาฉัน วันนี้พี่เขาคงว่างทั้งวันจริงๆ มีอารมณ์ส่งรูปที่เที่ยวมาให้ฉันดูซะด้วย Ferin : ที่ไหนคะพี่ Jadai : ปราสาทตาพรหม ปราสาทหินที่ถูกสร้างขึ้นในยุคท้ายๆ ของอาณาจักรเขมร นอกจากตอบเร็วแล้ว ครั้งนี้พิมพ์มายาวกว่าทุกครั้งด้วย อารมณ์ไหนวะเนี๊ย Ferin : ดูสวยแบบแปลกๆนะคะ มีต้นไม้ตรงกลางปราสาทด้วย Jadai : โดยทั่วไปการดูแลปราสาทต่างๆนั้นรัฐบาลจะทำการตัดต้นไม้ออกจากปราสาท แต่ปราสาทตาพรหมนั้นรัฐบาลประเทศกัมพูชาได้คงต้นไม้ไว้ตามแบบฉบับโบราณที่จะมีต้นไม้ขึ้นบนปราสาทแทบทุกที่ ทำให้ปราสาทตาพรหมมีลักษณะแปลกตาโดยมีต้นไม้ปกคลุมบนตัวปราสาทเป็นจำนวนมาก Ferin : เก่งจังค่ะ พี่รู้ได้ไงอะ Jadai : คนแถวนี้บอกมาอีกที Jadai : วันนี้งานเยอะไหม Ferin : ไม่ยุ่งค่ะ วันนี้อยู่ออฟฟิศกันแค่สองคนเองค่ะ พี่ๆคนอื่นออกไปประชุมกับลูกค้ากันหมดเลย Jadai : อยู่กับพี่ตั๊กสองคนเหรอ Ferin : ป่าวค่ะ พี่ตั๊กไปสรรพากร แล้วเลยไป DBD ต่อ กลับมาน่าจะบ่ายสามหรือบ่ายสี่ค่ะ Jadai : แล้วอยู่กับใคร? Ferin : อยู่กับพี่ภูมิสองคนค่ะ แล้วอยู่ๆ พี่เขาก็เงียบไป ไม่มีการตอบใดๆกลับมา เป็นไรอีกอะ มาทำอีเฟใจสั่น แล้วก็จากไปแบบนี้อีกแล้ว เอาไงดีวะ จะพิมพ์ไปถาม หรือเงียบกลับไปดี เฮ้อ เป็นผู้ชายที่เอาใจยากแฮะ Ferin : พี่เจได คะ เงียบ ไม่มีการอ่านใดๆ แถมเงียบนานไปอี๊ก คิดในแง่ดีอีเฟ พี่เขาคงกำลังขับรถอยู่ Ferin : งั้นเฟไม่กวนเวลาพี่เที่ยวดีกว่า ไว้คุยกันใหม่นะคะ เที่ยวให้สนุกนะ ขับรถปลอดภัยด้วย บาย หลังจากที่ฉันจ้องหน้าจอมือถืออยู่สักพัก เห็นว่าพี่เขาคงไม่ตอบอะไรมาแล้ว ฉันจึงวางมือถือลงบนโต๊ะ โดยไม่ได้สนใจมันอีก แล้วจังหวะที่เงยหน้าขึ้นมา ทำให้หน้าฉันปะทะกับพี่ภูมิ ที่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอคอมพอดี ทำให้เราสองคนมองหน้ากันอยู่สักพัก จนเป็นฉันที่ต้องหลบสายตาพี่ภูมิ โดยการก้มลงมองหน้าจอคอมแทน แล้วเราสองคนก็ก้มหน้าทำงานกัน ไม่มีเสียงใดๆเกิดขึ้นภายในห้องสี่เหลี่ยมเลย คนที่อยากให้อยู่ตรงนี้กลับไม่อยู่ แถมยังไม่อยากคุยด้วยอีก ทำไมชีวิตมันอาภัพแบบนี้นะ ยังไม่เริ่มต้นก็จะแห้วก่อนซะแล้ว "เฮโล ทุกคน อ้าว มีกันแค่นี้เองเหรอ" พี่พิมเดินเข้ามาพร้อมกับพี่ติ๊ก "แล้วนี่ไม่มีใครกลับมากันเลยเหรอ พี่ภูมิ" พี่พิมถามต่อพร้อมกับเดินมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง ส่วนพี่ติ๊กปกติจะส่งเสียงมาก่อนตัวเสมอ แต่วันนี้กลับมาแบบเงียบ เหมือนพี่ติ๊กกำลังมีเรื่องอะไรเครียดอยู่แน่เลย "พี่ติ๊กคะ มีไรให้เฟช่วยมั๊ยคะ" ฉันพูดขึ้นมาหลังจากเห็นพี่ติ๊กนั่งเงียบอยู่สักพัก "อ๋อ ไม่มีไรให้ช่วยอะสิ เออ แล้วนี่อยู่กันสองคน ไปเดทมื้อกลางวันที่ไหนกันคะ พี่ภูมิ" เฮ้ย อารมณ์ไหนของพี่ติ๊กวะเนี๊ย เห็นนั่งเงียบอย่างเครียดๆอยู่ดีๆ กลับมาแซวฉันกับพี่ภูมิซะงั้น ทำให้ฉันกับพี่ภูมิต่างคนต่างเงียบกันทั้งคู่ แล้วอยู่ๆก็สบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย "พี่ภูมิ พาน้องไปกินข้าวที่ไหนกันคะ หรือว่า ต่างคนต่างไปกิน ไม่ได้ไปด้วยกัน" พี่ติ๊กหันมาถามพี่ภูมิอย่างกดดันให้ได้คำตอบออกมา "ไปด้วยกันครับ ผมพาน้องไปกินที่ร้านทรีวัน" พี่ภูมิตอบพี่ติ๊กออกไปพร้อมกับก้มหน้าทำงานต่อ "อ๋อ เหรอ ร้านนั้นบรรยากาศดีนะ เฟว่ามะ" อ้าว อยู่ๆ วกมาถามฉันดื้อๆเลยซะงั้น ตั้งตัวแทบไม่ทันเลย "อ๋อ คะพี่ บรรยากาศดี อาหารก็อร่อยด้วยนะคะ พี่ติ๊กเคยไปทานรึยังคะ" ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้พี่ติ๊กคิดอะไรไปไกลมากมาย "พี่ติ๊ก พยายามจะจับคู่พี่ภูมิกับน้องเฟเหรอไง" อยู่ๆพี่พิมที่นั่งเงียบมาสักพัก ก็โผล่ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาคนที่ถูกพูดถึงอย่างฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว พวกพี่จะถามกันโดยไม่มีบุคคลที่ถูกกล่าวถึงอย่างพี่ภูมิกับฉันก็ได้นะ พูดมาแบบนี้ฉันปั้นหน้าไม่ถูกเลย ส่วนพี่ภูมิก็เหมือนไม่สนใจที่พี่พิมและพี่ติ๊กคุยกัน นั่งพิมพ์งานจนหน้าจะติดจออยู่แล้ว แล้วดูเหมือนจะไม่ได้ยินที่พี่สองคนพูดถึงตัวเองเลย เป็นแบบนี้ตลอดสำหรับพี่ภูมิ ถ้าตั้งใจทำงานมากๆ พี่ภูมิจะไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเลย บางครั้งเวลาเรียกพี่ภูมิ ต้องเรียกหลายรอบถึงจะได้ยิน "เอ๋า ออฟฟิศเราตอนนี้ มีผู้ชายอยู่กันกี่คนอะ ถ้าไม่นับพวกน้อง Intern" ที่พี่ติ๊กพูดขึ้นทำเอาพี่พิมหยุดทำงานแล้วหันมาฟังในสิ่งพี่ติ๊กพูด เออ ฉันก็สนใจในสิ่งที่พี่ติ๊กจะพูดต่อเหมือนกัน "สี่คน ทำไมเหรอพี่ติ๊ก แล้วไงต่อ" พี่พิมตอบคำถามพี่ติ๊กแล้วรอฟังพี่ติ๊กพูดต่อ "หนุ่มๆ 4 คนของเราในออฟฟิศ ก็มี อลันที่มีแฟนที่คบกันมาได้ 2 ปีแล้ว อันนี้ตัดไปเลย แดเนียลที่เพิ่งจะคลิกกับ Tinder Friend (โปรแกรมหาคู่) คนใหม่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง ส่วนเจ็คก็เพิ่งมีแฟนที่คบกันได้สี่เดือน" คำพูดสุดท้ายที่ฉันได้ยิน ทำให้ฉันไม่สามารถได้ยินประโยคต่อไปของพี่ติ๊กต่อได้อีกเลย ว่าไงนะ เมื่อกี้ฉันฟังผิดไปใช่ไหม คืออะไร หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ยินคำพูดที่พี่ติ๊กพูดออกมาอีกเลย เพราะในหัวฉันตอนนี้มีแต่คำว่า เจ็คก็เพิ่งมีแฟนที่คบกันได้สี่เดือน วนเวียนอยู่ในหัวฉันอยู่ ณ ขณะนี้ ฉันเลือกก้มหน้าลงหน้าจอคอม เพื่อหลบสายตาทุกคน แล้วนั่งทำงานกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองตอนนี้ พี่เขามีแฟนแล้ว ที่ผ่านมาฉันคิดไปเองคนเดียวตลอด ที่พี่เขาทำกับฉันก็แค่ใจดี เห็นฉันเป็นพนักงานเข้ามาใหม่เลยคอยช่วย และพูดคุยด้วยตลอด ในขณะที่ฉันกำลังเหม่อกับความคิดตัวเองอยู่นั้น Team Jadai : แล้วไปกินข้าวเที่ยงกันที่ไหน กำลังคิดถึงอยู่พอดี ก็โผล่มาเลย ฉันมองที่หน้าจอคอม แล้วอ่านที่พี่เขาพิมพ์วนไปเวียนมาอยู่หลายรอบ ฉันไม่รู้ตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง อกหักเหรอ หรือเสียความรู้สึก หรือมันเรียกว่าอะไรกันแน่ แล้วมือฉันก็ดันไปโดนแป้นพิมพ์ โดยที่สมองไม่ได้สั่งการ แต่เป็นหัวใจที่สั่งให้นิ้วมันทำงานไปเอง Ferin : พี่พิมกับพี่ติ๊กกลับเข้ามาออฟฟิศแล้วค่ะ กำลังนินทาถึงพี่อยู่พอดี Jadai : นินทาเรื่อง? "เฮ้ เฟ เป็นไรอะ ทำไมตาแดงๆ โกรธพี่เหรอที่แซวอะ เฮ้ย พี่ขอโทษนะ" พี่ติ๊กพูดขึ้นมาพร้อมกำลังเดินมาหาฉัน ทำให้ฉันต้องปิดโปรแกรม Team ที่คุยค้างอยู่กับพี่เจไดลงไป เพราะกลัวพี่ติ๊กจะรู้ว่าใครที่ทำให้ฉันตาแดง "เปล่าค่ะพี่ เฟไม่ได้เป็นอะไร พอดีมันรู้สึกเคืองๆตา" ฉันรีบตอบกลับไปพร้อมกับทำท่าขยี้ตาให้พี่ติ๊กเห็น เพื่อลดคำถามที่ฉันไม่อยากจะตอบออกไป "ไปล้างหน้าที่ห้องน้ำเปล่า ท่าทางจะเป็นเยอะนะ ตาแดงสองข้างเลย" พี่ติ๊กทักมา แล้วอยู่ๆพี่ภูมิก็เงยหน้าขึ้นมาจากจอคอม แล้วมองมาที่ฉันที่กำลังคุยกับพี่ติ๊กอยู่ "เฟขอไปล้างหน้าที่ห้องน้ำก่อนนะคะ" ฉันพูดจบก็เดินออกมาตรงไปที่ห้องน้ำทันที ก่อนที่น้ำในตาจะไหลออกมา ทำให้คนอื่นสงสัยในอาการที่ฉันเป็นอีก ฉันนั่งอยู่บนฝาชักโครก พร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา มันเจ็บจี๊ดๆยังไงไม่รู้ ฉันเรียกอาการของฉันแบบนี้ว่า เสียความรู้สึก ใช่ ฉันแค่เสียความรู้สึก ที่จริงพี่เจไดก็ไม่ผิดอะไร เป็นฉันที่ไม่รู้จักถามเอง แล้วก็ตื้อแบบโง่ๆ ถ้าคนนิสัยเป็นมิตรก็ต้องคุยด้วยเป็นธรรมดา แต่ฉันดันรู้สึกไปเองว่าพี่เขารู้สึกแบบเดียวกับฉัน ยังไม่เริ่มก็จบไม่เป็นท่าซะแล้วเฟเอ้ย ฉันนิ่งอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ออกมาล้างหน้าแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ฉันเดินก้มหน้ากลัวใครจะเห็นน้ำที่คลอตาฉัน แล้วจู่ๆฉันก็เดินไปชนใครคนหนึ่งเข้า "ขอโทษค่ะ อ้าว พี่ภูมิ มาเข้าห้องน้ำเหรอคะ" ฉันถามขึ้นหลังจากเดินถอยหลังออกมาไม่ให้ใกล้พี่เขาไปมากกว่านี้ "เปล่า เห็นเฟหายไปนานเลยมาดู ยังเคืองตาอยู่มั๊ย ไปหาหมอรึเปล่า เดี๋ยวพี่พาไป" พี่ภูมิถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย "หายแล้วค่ะพี่ ปะ กลับไปห้องดีกว่า ขอโทษนะคะที่ทำให้เป็นห่วง" ฉันพูดขึ้นในระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินออกจากหน้าห้องน้ำไปที่ห้องทำงาน พอฉันนั่งลงเก้าอี้ ฉันก็เปิดหน้าจอขึ้นมา เป็นโปรแกรม Team ที่กระพริบเป็นไฟอยู่แถบบาร์ล่างสุด แสดงให้เห็นว่ามีข้อความเข้ามา แต่ฉันยังไม่กล้ากดดู จนทำใจสักพักก็เปิดขึ้นมาดู Team Jadai : นินทาเรื่อง? Jadai : นินทาเรื่อง? Jadai : นินทาเรื่อง? เป็นพี่เขาที่ส่งข้อความเดิมติดกันมาเพื่อเอาคำตอบจากฉัน ฉันมอง 3 ข้อความ ที่ถามขึ้นมาแบบนั้นอยู่สักพัก แล้วเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ เพื่อให้พลังกับตัวเอง แล้วสายตาของใครคนหนึ่งก็มองมาที่ฉันพอดี จะว่าบังเอิญก็ไม่น่าใช่ เหมือนพี่ภูมิมองฉันมาสักพักแล้ว หลังจากที่เราเดินกลับมาที่ห้องด้วยกัน เหมือนพี่ภูมิเห็นอาการของฉัน เลยมองอย่างห่วงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันในตอนนี้ ฉันสบตามองตอบพี่ภูมิไป พร้อมกับยิ้มให้ จากนั้นฉันก็ก้มหน้าลงมองหน้าจอคอมอีกครั้ง พร้อมกับใช้หัวใจพิมพ์ตอบพี่เจไดไป Ferin : พี่เจได มีแฟนแล้วเหรอคะ? Jadai : อืมม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD