EP 5
งานที่วิศนุชามอบหมายให้เลขาชั่วคราวอย่างหล่อนทำนั้น มันมากมายเกินกว่าที่จะจัดการมันให้เสร็จก่อนเวลาเลิกงานห้าโมงเย็นได้
ทุกคนกลับกันไปหมดแล้วตั้งแต่เวลาเลิกงานเดินทางมาถึง และในส่วนของวิศนุชา เขาก็ออกไปจากห้องทำงานในเวลาเกือบๆ หกโมงเย็น ตอนนี้หล่อนจึงเป็นพนักงานคนเดียวที่ยังคงนั่งทำงานอยู่ในบริษัทนี้
นิ้วเรียวเร่งกดลงบนแป้นพิมพ์ถี่มากขึ้น เพราะหล่อนต้องทำหน้าที่ที่วิศนุชามอบหมายให้เสร็จภายในวันนี้ แม้จะดึกดื่นแค่ไหนก็ต้องทำให้เสร็จ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น นิ้วขาวสะอาดชะงักและยกออกจากแป้นพิมพ์ เพื่อมาหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาแนบหู
“พี่ปลา ยังไม่เลิกงานเหรอคะ”
“พี่ยังทำงานไม่เสร็จเลยแป้ง ฝากบอกแม่ด้วยนะว่าพี่อาจจะกลับดึกสักหน่อย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงพี่นะ พี่ดูแลตัวเองได้” หล่อนพยายามพูดเสียงสดใสกับน้องสาวคนรอง
“ให้แป้งไปนั่งรอที่หน้าบริษัทไหมคะ พี่ปลาจะได้มีเพื่อน”
“ไม่เป็นไรจ้ะแป้ง พี่อยู่ได้ ที่นี่รปภ. หลายคนเลย ไม่มีอันตรายแน่นอนจ้ะ”
หล่อนบอกน้องสาวให้คลายกังวล ทั้งๆ ที่ตัวเองก็อดที่จะหวั่นๆ กับความมืดมิดที่โรยตัวอยู่ด้านนอกของตัวอาคารไม่ได้
“ก็ได้จ้ะ งั้นแป้งจะบอกแม่ให้นะ แล้วพี่ปลาก็รีบกลับล่ะ อย่าขยันมากนัก แป้งเป็นห่วง”
“จ้ะน้องรัก”
ปัณฑารีย์หัวเราะเบาๆ กับน้องสาวของตัวเอง ก่อนจะวางสายสนทนา และรีบก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
เหลืออีกแค่แฟ้มเดียวเท่านั้น ทุกอย่างที่วิศนุชาต้องการก็จะเรียบร้อย
เปรี้ยงงง!
“ว๊ายยย”
เสียงฟ้าร้องคำรามที่ดังอยู่นอกตัวอาคาร ทำให้ปัณฑารีย์ที่กำลังเร่งทำงานอยู่ถึงกับสะดุ้งตกใจและเผลอตัวร้องกรี๊ดออกมา
หล่อนลุกจากเก้าอี้ และเดินไปที่หน้าต่างกระจกที่ถูกปิดเอาไว้ ดวงตากลมโตมองฝ่าความมืดออกไปด้านนอก ก่อนจะพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล
“ฝนตกเหรอเนี้ย”
ลมหายใจถูกผ่อนออกจากกลีบปากนุ่มสีแดงระเรื่อแผ่วเบา ก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของตัวเองตามเดิม
“ขอให้ตอนกลับบ้าน ฝนหยุดตกทีเถอะ” ปัณฑารีย์พึมพำวิงวอนอย่างมีความหวัง
วิศนุชายังไม่ได้กลับบ้าน เขาเข้ามานั่งดื่มอยู่ในภายในร้านอาหารกึ่งผับหรูแห่งหนึ่ง โดยได้นัดเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนวิทยาลัยออกมาเจอด้วย
“ทำไมวันนี้ถึงนัดกูออกมาเจอได้วะไอ้บีม”
ต้อม หรืออลงกรณ์ที่เพิ่งขับรถฝ่าสายฝนมาถึงผับหย่อนกายลงนั่ง
“กูว่าง”
“ว่างอะไรของมึง กูเห็นมึงทำแต่งาน เลิกงานก็กลับบ้าน กูนัดมึงมากี่สิบรอบแล้วให้มึงออกมาเจอ มึงก็ไม่ยอมออกมา แต่วันนี้มึงกลับนัดกูออกมาเจอเสียเอง แปลกว่ะ”
“ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย ก็กูว่าง” วิศนุชาย้ำออกไปอีกครั้ง และยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแล้วเลยทีเดียว
อลงกรณ์เห็นแล้วก็อดที่จะทักไม่ได้ “เฮ้ยๆ เบาได้เบานะมึง ขับรถมาเองไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเจอด่านพ่อมึงเข้าจะซวยนะโว้ย”
วิศนุชานิ่งเงียบไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมา อลงกรณ์จึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นอีก
“มึงไม่สบายใจแน่ๆ เลย กูมองออกนะ”
“ไม่มีอะไร”
“อย่าโกหกกู เราคบกันมานาน แค่มึงอ้าปากกูก็เห็นไปถึงรูตูดแล้วไอ้บีม”
วิศนุชายังคงนั่งนิ่งเงียบ ดวงตาจับจ้องแก้วใบใหม่ที่มีแอลกอฮอล์อยู่ค่อนแก้วตลอดเวลา
“อาการมึงไม่ดีเลยนะไอ้บีม มึงเป็นอะไร”
วิศนุชากระดกเหล้าหายลงไปในลำคออีกครั้ง ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนสนิท
“กูเจอปัณฑารีย์ว่ะ”
“ปัณฑารีย์? ปัณฑารีย์ไหนวะ”
อลงกรณ์ถามกลับด้วยความงง แต่พอนึกไปนึกมาก็ร้องอุทาน
“อ๋อ น้องปลาบัญชีใช่ไหม”
วิศนุชาไม่ตอบ แต่ผงกศีรษะขึ้นลงแทน ดวงตาของชายหนุ่มอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดจนเพื่อนสังเกตเห็นได้
“นี่มึงยังไม่ลืมอีกเหรอวะ ห้าปีกว่าแล้วนะโว๊ย”
“กูไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว”
“ไอ้บีม มึงอย่ามาโกหกกู ถ้ามึงไม่คิดอะไรกับน้องปลาแล้ว มึงจะมานั่งดื่มเหล้าเคล้าน้ำตาอยู่แบบนี้เหรอ”
“กูก็แค่แค้น”
“หึ มึงจะแค้นอะไร กูว่ามึงแค้นรักมากกว่า”
อลงกรณ์พูดราวกับมานั่งในหัวใจของวิศนุชา แต่พอเห็นเพื่อนหน้าเครียด ก็รีบเลิกพูดล้อเล่น
“มึงเจอที่ไหนวะ ห้างเหรอ หรือว่าร้านอาหาร”
“เธอมาสมัครงานที่บริษัทของกู”
“เฮ้ย... จริงอะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ แต่มึงไม่รับไว้ใช่ไหมไอ้บีม”
“อืม กูไม่สัมภาษณ์ด้วยซ้ำ”
“ดีแล้วล่ะ ไม่เห็นไม่เจอมันจะดีกับมึงมาก แล้วพูดตามตรงนะ ป่านนี้น้องปลาน่าจะมีผัวมีลูกเป็นโขยงแล้วมั้ง” อลงกรณ์พยายามพูดอะไรก็ได้เพื่อให้เพื่อนรักตัดใจ
“ในใบสมัครบอกว่ายังโสด” วิศนุชาตอบเพื่อนเสียงเบา
“ทางกฎหมายยังโสด แต่ทางปฏิบัติกูว่าผัวเป็นร้อยว่ะ มึงเลิกคิดอะไรกับผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว เชื่อกู น้องปลาก็แค่ผู้หญิงที่เข้ามาทำให้ชีวิตของมึงรู้จักความเจ็บปวดเท่านั้นแหละ”
กรามแกร่งของวิศนุชาขบกันแน่น เขากำแก้วเหล้าแน่นไม่ต่างกันจนแก้วแทบแหลกคามือ ก่อนจะพูดออกมา
“แต่ฝ่ายบุคคลของบริษัทกูเรียกปัณฑารีย์มาทำงานว่ะ”
“อะไรนะไอ้บีม!”
“สองคนก่อนหน้าที่เรียกปฏิเสธที่จะมา แล้วปัณฑารีย์มีคะแนนเป็นลำดับที่สาม ฝ่ายบุคคลของกูเรียกเข้ามาทำงานโดยที่กูมารู้ตอนที่ทำสัญญาว่าจ้างไปแล้ว”
“บ้าชะมัด มึงไล่ออกเลย มึงเป็นเจ้าของบริษัทนี่ไอ้บีม”
“แต่งานกูเร่ง กูต้องการคนช่วย”
“ไอ้บีม มึงจะแย่เอานะ ถ้ามึงอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้น่ะ”
“มึงไม่ต้องเป็นห่วงกูไอ้ต้อม เพราะตอนนี้กูคือคนควบคุมทุกอย่าง”
“แต่มึงห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้หรอก กูรู้ว่ามึงยังอาลัยอาวรณ์น้องปลาอยู่ มึงจะต้องไล่น้องปลาไปซะ ไล่ออกไปเลย”
“แค่เดือนเดียวเท่านั้นแหละ ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องไปจากบริษัทของกู” วิศนุชาเค้นเสียงเลือดเย็นออกมาแผ่วเบา
อลงกรณ์ถอนใจยาวเหยียด มองเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“ไอ้บีม มึงจะแย่ มึงเชื่อกูบ้างเถอะ...”
“กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงกู ไอ้ต้อม แต่สงครามครั้งนี้ กูจะไม่ใช่คนเจ็บ มึงคอยดู”
แล้ววิศนุชาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นเทหายลงไปในลำคอแกร่งอีกครั้ง รสชาติของมันบาดคอลึกจนต้องเบ้หน้า
อลงกรณ์ถอนใจออกมา แววตาที่มองเพื่อนรักนั้นเต็มไปด้วยความกังวล
“กูรู้ว่าห้ามมึงไม่ได้ แต่ถ้ามีอะไรให้กูช่วยก็บอกแล้วกัน กูยินดีจะช่วยมึง”
“ขอบใจมากเพื่อน”
วิศนุชากล่าวขอบคุณ ก่อนจะหันไปกวักมือเรียกบริกร
“เหล้าแบบเดิมเพิ่มอีกสองแก้ว”
“กูไม่ดื่มนะไอ้บีม ฝนตกถนนลื่นกูกลัวขับรถไม่ได้ว่ะ”
เมื่ออลงกรณ์ปฏิเสธ วิศนุชาก็เลยสั่งแอลกอฮอล์เพิ่มมาเพียงแก้วเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือของตัวเขาเอง
“ฝนตกหรือ”
“ก็เออน่ะ ตกหนักด้วย นี่น่าจะตกทั้งกรุงเทพฯ เลยมั้ง”
คำพูดของอลงกรณ์ทำให้วิศนุชาหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาหรี่ตามองเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น
“กูไปโทรศัพท์แป๊บนะ เดี๋ยวมา”
“เออ”
วิศนุชาเดินเลี่ยงออกมาด้านระเบียงที่ทางผับมีไว้ให้ลูกค้าสูบบุหรี่ เขาต่อสายไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่บริษัท
“สวัสดีครับท่านประธาน มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับลุง ผมแค่อยากรู้ว่าในออฟฟิศยังมีคนทำงานอยู่อีกหรือเปล่าครับ”
“ยังเหลือพนักงานใหม่อีกหนึ่งคนครับ เพราะผมยังไม่เห็นเธอออกมาเลยครับ”
“เธอไม่ออกมาเลยเหรอครับ”
“ใช่ครับ ไม่ออกมาซื้ออาหารเย็นด้วยครับ”
“แล้วที่นั่นฝนตกไหมครับ”
“ตกหนักมากเลยครับท่านประธาน”
“โอเค งั้นแค่นี้ครับ”
วิศนุชาตัดสายจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ดวงตาของเขามืดลึกด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ห้ามปรามไม่ได้
“อยากเรียกร้องความสนใจจากฉันหรือไง ปัณฑารีย์”
แต่มันไม่มีทางเป็นอย่างที่เขาคิดได้หรอก เพราะปัณฑารีย์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะโทรหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
หรือว่าหล่อนแค่ต้องการเร่งงานของเขาให้เสร็จกันนะ
ชายหนุ่มถอนใจออกมาแรงๆ ความเป็นห่วงที่พยายามซ่อนเอาไว้ในก้นบึ้งหัวใจตอนนี้กำลังแสดงอานุภาพอย่างรุนแรง
เขาเดินกลับมาที่โต๊ะ อลงกรณ์ยังคงนั่งรอเขาอยู่
“สีหน้ามึงไม่ดีเลย เป็นอะไรหรือเปล่าไอ้บีม”
“มีธุระต้องรีบไปน่ะ ฝากมึงดื่มเหล้าแก้วที่กูสั่งด้วยก็แล้วกันนะ นี่เงินค่าเครื่องดื่ม กูไปล่ะ” วิศนุชาควักเงินออกมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะรีบเดินจากไปด้วยความรีบร้อน
อลงกรณ์รีบตะโกนเรียกเพื่อน แต่วิศนุชาไม่หันกลับมามองเลย
“อะไรของมึงวะไอ้บีม เฮ้ออ”