ตอนที่ 2

1388 Words
EP 2 ความคิดถึงที่แน่นล้นอยู่ภายในหัวใจ ทำให้หล่อนก้าวพอที่จะก้าวไปหยุดที่ด้านหน้าของโต๊ะทำงานที่เขานั่งอยู่ และความคิดถึงนี้มันก็ทำให้หล่อนลืมสังเกตไปเลยว่า ตอนนี้วิศนุชามองหล่อนด้วยสายตาแบบใด และกริยาของเขาเย็นชาแค่ไหน “ผมไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อเล่นของผม” คำพูดห่างเหินของเขา ทำให้หล่อนได้สติสัมปชัญญะคืนมาได้ในที่สุด รอยยิ้มค่อยๆ เลือนหายไปจากใบหน้านวลของปัณฑารีย์ หล่อนบอกตัวเองว่าอย่าแสดงท่าทางน่าสมเพชใดๆ ออกไปนอก นอกจากทำเหมือนคนไม่รู้จักกันอย่างที่เขากำลังแสดงออกมา “ขอโทษค่ะ” “เชิญนั่งครับ” หล่อนหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงหน้าโต๊ะทำงานไม้ โดยมีสายตามืดลึกไร้ความรู้สึกของวิศนุชาจ้องมองมาตลอดเวลา หัวใจของหล่อนเหมือนกำลังถูกแล่ออกเป็นชิ้นๆ แล้วทาด้วยเกลือป่น เจ็บ... แสบ... และแสนทรมาน... “ปลา... เอ่อ... ดิฉันพร้อมสัมภาษณ์งานแล้วค่ะ” หล่อนได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ มันคือเสียงหัวเราะเยาะหยัน ก่อนที่เขาจะเลื่อนแฟ้มเอกสารของหล่อนออกห่างจากตัว “ผมไม่ให้คุณผ่านสัมภาษณ์งาน กลับออกไปได้แล้วครับ” “พี่บีม... เอ่อ... คุณวิศนุชา...” หล่อนช้อนตาขึ้นมองสบตากับเขา แต่ก็ได้พบแต่ความเลือดเย็นเท่านั้นที่เขามอบให้ หล่อนเม้มปากอิ่มของตัวเองจนเป็นเส้นตรง เจ็บปวดจนแทบจะกระอักออกมาเป็นลิ่มเลือด แต่กระนั้นก็จำต้องยอมรับผลกรรมนั้น “ออกไปได้แล้ว” “ขอบคุณค่ะ” หล่อนลุกขึ้นยืน แต่ก็เซจะล้ม ขาสองข้างแทบทรงตัวไม่ไหว แต่ก็ต้องกัดฟันพาตัวเองออกไปจากห้องทำงานของวิศนุชาโดยเร็วที่สุด มันไม่แปลกหรอกที่วิศนุชาทำแบบนี้ เพราะถ้าเป็นหล่อน... ก็คงเลือกที่จะไม่อยู่ใกล้กับคนที่เคยทำร้ายหัวใจเช่นกัน น้ำตาไหลออกมา แต่ก็ต้องกะพริบไล่เร็วๆ เมื่อพนักงานผู้หญิงคนเดิมเดินเข้ามาหา “ทำไมสัมภาษณ์แป๊บเดียวเองล่ะคะ” หล่อนทำได้แค่ยิ้มตอบเท่านั้น ก่อนจะกล่าวขอตัวและกลับลงไป วิศนุชาเรียกพนักงานเข้ามาหา ก่อนจะออกคำสั่ง “ผมตัดสินใจรับคุณอนุวดีเข้าทำงาน เรียกมาเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ได้เลย” “คุณปัณฑารีย์ไม่ผ่านเหรอคะท่านประธาน” “ไม่ผ่านครับ” “ค่ะ” เมื่อพนักงานออกไปจากห้องทำงานของตัวเองแล้ว วิศนุชาก็เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างอ่อนแรง “กลับมาให้เจออีกทำไม ปัณฑารีย์” วิศนุชาพึมพำเสียงเจ็บปวด กรามแกร่งถูกขบกัดแน่นจนขึ้นสันนูนเป่ง   ปัณฑารีย์กลับมาบ้านด้วยความหงอยเหงา หัวใจเปียกโชนไปด้วยหยาดเลือดที่ถูกกระตุ้นด้วยคมมีดจากสายตาของวิศนุชา ขนาดไม่ได้เจอเขา หัวใจของหล่อนก็ไม่เคยหายเจ็บปวด แต่ตอนนี้หล่อนรู้แล้วว่าเขาอยู่ไม่ไกล ได้เผชิญหน้ากับความเย็นชา ห่างเหินของเขา มันก็ยิ่งทำให้หล่อนเจ็บร้าวแทบขาดใจ “เป็นยังไงบ้างปลา ได้งานไหมลูก” เสียงของมารดาเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่หล่อนเปิดประตูเข้ามาในบ้านหลังเล็กกะทัดรัดที่ครอบอาศัยอยู่มาหลายสิบปี หล่อนรีบกะพริบตาไล่หยาดน้ำตา และฝืนยิ้มแห้งๆ ให้กับมารดา “ได้สัมภาษณ์จ้ะแม่ แต่ไม่รู้ว่าจะได้งานหรือเปล่า” หล่อนพยายามตอบเสียงร่าเริง “แต่แม่ไม่ต้องกังวลนะ ปลาต้องได้งานเร็วๆ นี้แหละจ้ะ” “แม่เป็นกำลังใจให้นะปลา” “ขอบคุณค่ะแม่” หล่อนยังคงฝืนใจทำเสียงร่าเริงตอบมารดาออกไป “ว่าแต่วันนี้มีอะไรกินเอ่ย ปลาหิ๊วหิวจ้ะ” “วันนี้มีน้ำพริกกะปิปลาทู แล้วก็แกงส้มผักรวม ของโปรดของปลานั้นแหละ” มารดาตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม “เย้ ดีใจจังเลยจ้ะ งั้นปลาไปอาบน้ำก่อนนะแม่ จะได้รีบออกมากินข้าว หิวมาก” หล่อนลากเสียงยาว เพราะรสมือของมารดาในการทำกับข้าวนั้นอร่อยเหาะเลยทีเดียว “จ้ะ ไปเถอะ” หล่อนฉีกยิ้มให้บุพการี กำลังจะหมุนตัวเดินไปห้องพัก แต่ก็เหมือนคิดอะไรได้ “แม่จ้ะ แป้งกับปรางกลับมาหรือยังจ้ะ” “ยังจ้ะ แป้งไปทำงานพิเศษ ส่วนปรางไปทำรายงานบ้านเพื่อนน่ะ” “อ๋อ งั้นแป้งไปอาบน้ำนะแม่” “อืม” เมื่อหันหลังให้กับมารดาแล้ว รอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าก็ค่อยๆ จางหายไป จนในที่สุดก็เหลือแต่ใบหน้าเศร้าหมอง หล่อนถอนใจออกมาแผ่วเบา พยายามจะสลัดชื่อของวิศนุชาออกไปจากหัวสมอง แต่ก็ทำไม่ได้เลย เพราะเขาคือคนที่หล่อนรักมาตลอดนั่นเอง “พี่บีม... ปลาไม่เคยหยุดรักพี่บีมได้เลยค่ะ แม้พี่บีมจะเกลียดปลาไปแล้วก็ตาม...”     “ว่าไงนะ นังปลา แกเจอพี่บีมเหรอ” เสียงของติ๊ดเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ได้ผัวฝรั่งใหญ่ยาวสมปรารถนาแผดดังลั่นออกมาจากโทรศัพท์มือถือเลยทีเดียว “ใช่จ้ะ เจอโดยบังเอิญ” “แล้วพี่บีมของแกเป็นไงบ้างล่ะ ยังหล่อเหมือนเดิมไหมวะนังปลา” หญิงสาวยิ้มเศร้าหมอง ขณะตอบเพื่อนสนิทออกไปเสียงเบา “อืมพี่เขาก็ยังหล่อเหมือนเดิมนั่นแหละแก แล้วเขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ฉันไปสมัครงานด้วยนะ” “ว๊ายตายแล้ว จริงเหรอเนี้ย” ติ๊ดอุทานตกใจระคนดีใจ “พี่บีมจะต้องรีบอ้าแขนรับแกเข้าทำงานแน่ๆ เลยใช่ไหมนังปลา” ปัณฑารีย์น้ำตาร่วงทันที เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของติ๊ด เพราะสิ่งที่ติ๊ดคิดมันตรงกันข้ามกับความจริงที่เผชิญเหลือเกิน “พี่บีมไม่แม้แต่จะสัมภาษณ์ฉัน” “แสดงว่ารับเลยโดยไม่สัมภาษณ์” ติ๊ดยังคงเดาต่อไป “เขาไม่รับฉันเข้าทำงาน” “ห๊า? ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ” ติ๊ดตกใจไม่น้อย แต่หล่อนกลับเข้าใจทุกอย่าง “พี่บีมทำถูกแล้วล่ะติ๊ด เราไม่ควรเจอกันอีกแล้ว เพราะมันมีแต่จะทำให้อึดอัดทั้งสองฝ่าย แล้วที่สำคัญป่านนี้พี่บีมอาจจะมีครอบครัวแล้วก็ได้...” ติ๊ดนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดให้กำลังใจหล่อนออกมา “แกไม่เป็นไรใช่ไหมนังปลา...” “ฉัน... สบายดีติ๊ด” “แกอย่ามาโกหกฉันเลย นี่แกร้องไห้อยู่ใช่ไหม เสียงเครือเชียว” “ฉัน... ก็แค่รู้สึกดีใจที่ได้เจอพี่บีมอีกครั้ง ไม่มีอะไรมากหรอกติ๊ด” “แกโกหกฉันรู้ ตอนนี้แกกำลังเสียใจมาก เพราะแกยังรักพี่บีมอยู่ไม่เคยเปลี่ยน” “ฉัน...” หล่อนพูดไม่ออก เพราะก้อนสะอื้นมันจุกแน่นที่ลำคอ “แกตัดใจเสียเถอะนะ มันตั้งห้าปีกว่าแล้ว อะไรๆ มันเปลี่ยนไปหมดแล้วล่ะ ฉันบอกว่าจะหาฝรั่งหล่อๆ ล่ำๆ ให้แกก็ไม่ยอมเอา แกนี่มันดื้อด้านจริงๆ นังปลา” ติ๊ดทั้งตำหนิทั้งเป็นห่วงเพื่อน “ฉัน... ไม่ชอบฝรั่งนี่แก” “ชอบตี๋ๆ ขาวๆ ปากแดงๆ อย่างพี่บีมล่ะสิ อุ๊ย ฉันขอโทษที ฉันไม่น่าพูดถึงพี่บีมอีกเลย” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ว่าแต่แกเถอะ เมื่อไหร่มาเมืองไทยล่ะ ฉันจะได้ไปรับที่สนามบิน” หล่อนรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกหดหู่ไปด้วย “ปลายเดือนนี้แหละแก แล้วฉันจะพาเพื่อนของแม็คไปด้วยนะ คนนี้หล่อมากแก รับรองแกจะต้องเปลี่ยนใจจากขาวตี๋เป็นสายฝออย่างแน่นอน” หล่อนทำได้แค่เพียงยิ้มเศร้าๆ ออกมาเท่านั้น “ฉันจะรอไปรับแกนะ คิดถึงมาก” “จ้า คิดถึงเหมือนกัน ฝันดีนะนังปลา” “ฝันดีจ้ะติ๊ด” ติ๊ดวางสายไปแล้ว แต่หล่อนยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่เหมือนเดิม ไม่มีใครมาแทนที่วิศนุชาในหัวใจของหล่อนได้หรอก เพราะหัวใจของหล่อนได้มอบให้กับเขาไปตั้งนานแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD