(จุดเริ่มต้น)..
ภายในห้องทำงานบนตึกสูงใจกลางเมือง ประเทศที่มีความรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจ เป็นศูนย์รวมด้านเทคโนโลยีและการคมนาคม
พึ่บ!
กระดาษA4หลายแผ่นถูกโยนขึ้นฟ้า ปลิวกระจายเกลื่อนพื้นห้อง ชายหนุ่มตัวโตในชุดสูทสีดำสนิท ใบหน้าเคร่งขรึม กำลังยืนมองร่างบางเล็กในชุดนักศึกษาเรียบร้อย กำลังยืนก้มหน้ากุมมือเล็กของตัวเองแน่นด้วยความหวาดกลัว ดวงตาคมกริบเชือดเฉือนจนเธอแทบอยากจะกลั้นใจตายซะตรงนั้น คิ้วหนาที่ขมวดเข้าหากัน กรามแกร่งขบกันเสียงดัง ยิ่งทำให้คนที่ยืนอยู่ตัวสั่นเทา
“เป็นแค่เด็กฝึกงาน เสนอหน้ามาทำเอกสารสำคัญแบบนี้ได้ยังไง” เสียงเข้มตะคอกดัง
“อัน อัน” เสียงเล็กพูดติดขัด
“อันอะไรวะ จะอันไหนอีก ทำงานชุ่ยๆแบบนี้ เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนได้ยังไง มาตรฐานต่ำ ไสหัวของคุณออกไป แล้วไปเรียกพี่เลี้ยงของคุณเข้ามา” เขาหันหลังให้กับคนตัวเล็ก
“ค่ะ” ร่างบางหันหลัง มือเล็กปาดน้ำตาแล้วก้มหน้าวิ่งออกไปจากห้อง
ก๊อกๆ
เวลาผ่านไปไม่ถึง10นาที เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เป็นร่างของหญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจ
“คุณเสือ เอี้ยงขอโทษนะคะ คือเอี้ยงผิดเองที่ไม่ได้ดูงานกับน้องก่อนจะส่ง”
“คุณคิดว่าผมจ้างคุณมาทำไม โยนงานให้เด็กฝึกงานทำแทนงั้นหรอ? เอกสารสำคัญขนาดนั้นคุณกล้าให้ใครก็ไม่รู้มาทำแทน..ผมไล่คุณออก”
ใบหน้านิ่งเรียบน้ำเสียงเย็นเฉียบทำให้เธอหน้าซีดเผือก
“คุณเสือ พี่ขอโทษนะคะ อย่าไล่พี่ออกเลย พี่ต้องดูแลแม่ที่เป็นมะเร็ง ถ้าตกงานพี่ต้องแย่แน่ๆ”
“ไม่ใช่ปัญหาของผม”
หญิงวัยกลางคนร้องไห้คร่ำครวญ นั่งลงกับพื้น แต่ชายตัวโตกลับยืนหันหลังไม่สนใจเหตุผลใดๆที่เธอกำลังพยายามอธิบาย
ก๊อกๆ
“แม่เข้าไปได้มั้ย”
ผู้หญิงในชุดเดรสสีครีม ใบหน้ายิ้มเดินเข้ามาในห้อง ถึงเธอจะเรียกตัวเองว่าแม่แต่หญิงวัยสี่สิบกว่าๆ เธอกลับดูสวยสาวไม่สมกับอายุจริงแม้แต่น้อย เธอมองดูลูกน้องที่กำลังนั่งร้องไห้ที่พื้นก่อนจะหันมองลูกชายที่ยืนนิ่งมองออกไปนอกกระจกใสชมทิวทัศน์ของเมืองใหญ่
“เสือ มีเรื่องอะไรเหรอลูก”
“ไม่มีอะไรครับ แค่เรื่องไร้สาระ”
“คุณเสือ พี่ขอร้องอย่าไล่พี่ออกเลยนะคะ”
“เชิญคุณออกไป ก่อนที่ผมจะเรียก รปภ.”
“ทำไมต้องถึงกับไล่กันออก คุณเอี้ยงเขาทำงานอยู่ที่นี่ตั้งแต่แม่เปิดบริษัทใหม่ๆเลยนะเสือ”
“เพราะนานไงครับ เลยคิดว่าจะทำยังไง หรือจะให้ใครทำแทนก็ได้”
“ไม่ใช่นะคะคุณต้นข้าว เอี้ยงไม่เคยคิดแบบนั้น”
“เสือ แม่ว่าเราต้องคุยกันหน่อยแล้วนะ ส่วนคุณเอี้ยงคุณออกไปก่อน ฉันอนุญาตให้คุณทำงานต่อไม่ต้องออกค่ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณต้นข้าว ขอบคุณมากๆนะคะ” ร่างของหญิงวัยกลางคนรีบลุกขึ้นยกมือขอบคุณก่อนจะเดินออกไปด้วยความดีใจ
ชายตัวโตเดินมานั่งที่เก้าอี้ขนาดใหญ่ถอนหายใจแรงอย่างหงุดหงิด
“คุณเอี้ยงเขามีภาระต้องเลี้ยงลูกสองคนเพียงคนเดียว เพราะสามีตาย แม่ก็ป่วยกำลังรักษาให้คีโม การที่ลูกตัดสินใครเพียงเพราะคิดว่าเขาทำไม่ถูกใจเรา แบบนี้ไม่ได้นะลูก”
“แต่เขาให้เด็กฝึกงานมาทำเอกสารสำคัญของบริษัท ทั้งๆที่มันต้องเป็นความลับและต้องตรวจให้ละเอียด แต่เขากลับไม่เห็นความสำคัญ”
“ลูกดูเอกสารแล้วหรอ หรือเพราะแค่เห็นว่าเป็นเด็กฝึกงานเอามา”
“ทำไมต้องดูครับ แค่เห็นคนที่เอามาส่งก็รู้แล้วงานก็คงได้แค่เด็กฝึกงานนั่นแหละ”
ชายตัวโตนั่งพิงเก้าอี้ หยิบแฟ้มงานบนโต๊ะมาดู ร่างของหญิงในชุดเดรสสีครีมคลุมเข่า เธอค่อยๆก้มตัวลงหยิบเอกสารที่พื้นขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆแล้วมองลูกชายตัวเองอีกครั้ง
“แค่คิดว่ามันไม่เหมาะ ไม่ได้แปลว่ามันไม่ดีซะหน่อย ถ้าเสือเปิดใจ บางทีสิ่งใหม่ๆอาจจะดีกว่าก็ได้”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระเถอะครับ แล้ววันนี้คุณแม่มีธุระอะไรรึเปล่าครับ มาหาผมแต่เช้าขนาดนี้ แล้วคุณพ่อล่ะไม่มาด้วยหรอ”
“คิดถึงลูกชาย เลยมาดูหน้าสักหน่อย มัวแต่ทำงานจนลืมแม่แก่ๆคนนี้แล้วมั้ง ส่วนคุณพ่อกำลังตีกอล์ฟกับอาโชนอยู่ข้างบน”
“อาโชนมาหรอครับ ไม่เห็นมีใครบอกผมเลย”
“แม่ก็บอกอยู่นี่ไง เห็นบอกว่าคิดถึง แล้วก็อยากลองฝีมือกับประธานคนใหม่แถวนี้”
“งั้นผมขอไปหาคุณพ่อกับอาโชนนะครับ ถ้าคุณแม่จะเอาอะไรก็บอกเอมิลี่ได้เลย”
ใบหน้าคมพูดพรางยิ้มกริ่ม ก่อนที่เสื้อสูทราคาแพงจะถูกถอดออกวางลงบนโต๊ะทำงานสีอ่อน แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกม้วนขึ้นอย่างลวกๆ แล้วร่างของคนตัวโตก็เดินออกจากห้อง โดยมีสายตาของแม่มองตามแผ่นหลังกว้างของลูกชายเพียงคนเดียวที่เธอภาคภูมิใจ
ประตูลิฟต์สีเงิน มีร่างสูงของชายหนุ่มยืนอยู่ก่อนที่ลิฟต์ที่กดจะมาหยุดที่ชั้นของเขา ประตูลิฟต์เปิดออกปรากฏร่างบางของสาวน้อยในชุดนักศึกษาคนเดิม เธอยืนก้มหน้าอยู่ภายในลิฟต์ก่อนที่เขาจะเข้าไป สายตาคมเหลือบมองคนตัวเล็กอีกครั้ง เขาจำได้ว่าเป็นนักศึกษาคนเดียวกันกับคนที่เอาเอกสารไปให้เขาเซ็นเมื่อเช้า
“ไปชั้นไหน” เสียงเข้มเอ่ยถาม
“ชะ ชั้น10ค่ะ” เสียงเล็กพูดเบาๆ
ใบหน้าเข้มนิ่งอยู่สักพัก ก่อนที่คิ้วหนาจะขมวดเข้าหากัน แล้วเงยหน้ามองช่องสัญญาณแสดงหมายเลขของชั้น
“เธอตื่นรึยัง แหกตาดูมั้ยว่านี่มันชั้น40 มาทำงานเอาสติมาด้วยรึเปล่า หรือสั่งแต่มาทำให้มันจบๆไปแต่ละวัน”
“ห๊ะๆ อัน อัน ขึ้นผิด มาผิดชั้นหรอคะ อันอันขอโทษค่ะ” คนตัวเล็กลนลานพูดจาติดขัดเธอเอาแต่ก้มหัวโค้งขอโทษชายตัวโตครั้งแล้วครั้งเล่า
“ประสาท! จะมาขอโทษผมทำไม ผู้หญิงอะไรวะน่าเบื่อชะมัด ค่อยกดลงมาใหม่แล้วกัน แม่งโครตน่าเบื่อเลย” เสียงเข้มบ่นพรึมพรำ ถอนหายใจมองคนที่ยืนข้างๆด้วยความหงุดหงิด
ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า ชายหนุ่มก้าวออกจากลิฟต์ก่อนจะหันกลับไปบอกคนที่ยังยืนก้มหน้าอยู่ข้างใน
“กดชั้น10 อย่าลืมล่ะ ”
“ขะ ขอบคุณคะ^^”
สาวน้อยเงยหน้าขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มเหลียวมอง ทำให้เขาเห็นหน้าและสบตากับเธอเป็นครั้งแรก รอยยิ้มหวานเพียงเสี้ยววิก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดสนิท มันทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจนน่าแปลกใจ ร่างสูงใหญ่ยังยืนนิ่งมองประตูลิฟต์ที่ปิดสนิทนานหลายนาที ใบหน้าคมเข้มกระตุกยิ้มเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว
“เสือ ทางนี้ลูก”
เสียงเรียกอยู่ไกลๆของใครบางคน ทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ แล้วเดินเข้าไปหาชายสองคนที่ยืนอยู่ที่สนามกอล์ฟจำลองของลานดาดฟ้ากว้าง
“สวัสดีครับอาโชน สบายดีมั้ยครับ”
“สบายมาก เบื่อแค่ไอ้เก่ง เสือไม่น่าช่วยมันเลยนะ”
“สงสารมิลล์ครับ ถ้าเขารักมิลล์จริงๆเรื่องอื่นผมก็ไม่ติด”
ชายตัวโตพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะที่สายตาเล็งที่ลูกกลมๆสีขาว ผิวหยาบ ก่อนที่มือล่ำจะหวดไม้หัวเหล็กราคาหลักแสนเข้าใส่เต็มแรง
ปัก!
“อา จะทำยังไงต่อครับ ยังจะให้ผมแต่งงานกับมิลล์อยู่มั้ย”
“แล้วเสือคิดว่าไง ถ้ามิลล์ยอมแต่ง เสือจะรับได้มั้ย” คิงผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายพร้อมตั้งคำถาม
“ผมชอบมิลล์นะครับ ส่วนเรื่องอื่นๆผมรับใด้หมด”
“อารู้ว่ามันดูเอาเปรียบเสือ และเห็นแก่ตัวมากเกินไป แต่อาขอพิสูจน์ก่อนได้มั้ย ถ้ามันรักมิลล์จริงๆสุดท้ายก็คงต้องยอมใจมัน”
“ครับผมเข้าใจ”
ใบหน้าเข้มกระตุกยิ้ม นั่งลงยกขวดแก้วทรงเรียวเล็กขึ้นดื่ม มองชายทั้งสองคนที่เขาคุ้นตา
มิลล์กับผมเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เราสองคนสนิทกันมาก ผมยอมรับว่าชอบมิลล์และอยากปกป้องเธอไปตลอด แต่วันนี้สาวน้อยที่ผมรู้จักเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมเองก็ดีใจที่มีใครสักคนทุมเทให้เธอเหมือนอย่างที่ผมทำ
ตลอดสามปีที่ผมทำหน้าที่แทนคนที่เธอรัก ทำให้ผมรู้ว่าเธอไม่สามารถรักใครได้อีกนอกจากเขาคนนั้น ผมเป็นได้แค่พี่ชาย และจะยังเป็นพี่ชายที่ค่อยปกป้องน้องสาวเสมอ