ตอนที่ 4 : ข้าคือพระชายาอย่างนั้นหรือ ?

1892 Words
เพราะความเหนื่อยล้าจากค่ำคืนที่ผ่านมา ลี่หยางจึงนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่และผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว เวลาล่วงเลยมาจนถึงเช้าตรู่ แสงสีทองปรากฏบนขอบฟ้า หมู่เมฆลอยตัวกระจัดกระจาย ฝูงนกนางแอ่นบินเริงร่าโฉบเฉี่ยวไปมา ดอกท้อผลิบานโน้มหาแสงแดดอันอบอุ่นที่กำลังเปล่งประกายพร่างพรายทั่วท้องฟ้า กลางป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ มีเพียงสัตว์น้อยใหญ่ที่ออกมาหาอาหารดำรงชีวิตและ 'ซือลี่หยาง' ที่กำลังนอนหลับสนิทไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้จะมีเสียงขานร้องของบรรดาสิงสาราสัตว์ที่กู่ก้องดังเป็นพัก ๆ ก็ตาม จนกระทั่ง มีชายและหญิงชราคู่หนึ่งปรากฏขึ้น พวกเขามักจะเดินออกมาหาของป่าบริเวณนั้นเป็นประจำ เมื่อพบเห็นซือลี่หยางกำลังนอนหลับไม่ได้สติอยู่ใต้ต้นไม้ ภรรยาก็รีบประคองสามีเดินเข้าไปดูอาการนางใกล้ ๆ ด้วยท่าทางกระงกกระเงิ่นทันที "เจ้าว่า...นางตายหรือยังตาเฒ่า" หญิงชราเอ่ยถาม ชายชราส่ายศีรษะเบา ๆ เสนอว่า "ข้าก็ไม่รู้ ไยเจ้าไม่ลองสำรวจลมหายใจของนางดูล่ะ" เสียงแหบพร่าของสองสามีภรรยาก้องอยู่ในภวังค์ของซือลี่หยาง เสียงสนทนานั้นอื้ออึง คล้ายกับเสียงของแมลงตัวเล็ก ๆ กำลังบินวนไปมาอยู่ในหัวสมอง ในที่สุดนางก็มีสติรู้ตัว หญิงชรายังไม่ทันจะยื่นมือเข้าไปสัมผัสที่ปลายจมูก ม่านตาของนางก็ขยับและเปิดขึ้นกะทันหัน! หญิงชราสะดุ้งโหยงกระโดดกอดสามีด้วยความตกใจ ซือลี่หยางกรีดร้องออกมา ถลาตัวหนีอย่างตะลึงลาน เพราะเพิ่งรอดชีวิตมาจากชายฉกรรจ์ที่ตามไล่ฆ่า ประสาทสัมผัสทั้งห้าของนางทุกส่วนจึงตื่นตัวและระวังภัยเต็มที่ ในป่าอันกว้างขวางเช่นนี้ มีอันตรายแฝงอยู่ทุกหย่อมหญ้า ไม่มีผู้ใดน่าไว้ใจทั้งสิ้น! "นะ นังหนู! เจ้าเป็นอะไรไป" ชายชราเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก สองแขนยังคงโอบกอดภรรยาแน่นด้วยความหวาดกลัว ซือลี่หยางเหลือบตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มองทั้งสองอย่างประหลาดใจ เอ่ยถาม "พวกท่าน...มาดีอย่างนั้นหรือ? " หญิงชรายกมือขึ้น กล่าวตอบเสียงนุ่มนวล "ใจเย็นลงก่อนนังหนู อย่าเพิ่งกลัวไป พวกข้ามาดี เห็นเจ้านอนไม่ได้สติอยู่ตรงนี้ จึงอยากเข้ามาช่วย" "มาช่วยเหรอ…" ซือลี่หยางเอ่ยย้ำด้วยสีหน้าครุ่นคิด กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากกายของสองผู้เฒ่านี้แตกต่างจากชายฉกรรจ์ที่เพิ่งพบเจอมาเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง นางรับรู้ได้ถึงความจิตใจดีของทั้งคู่ผ่านทางสุ้มเสียงและท่าทางประหนึ่งว่านางกำลังอยู่ใกล้ชิดญาติผู้ใหญ่ รู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก "แล้วคุณยายกับคุณตามาช่วยหนูเหรอคะ ช่วยบอกทางหนูทีได้ไหม...หนูอยากกลับบ้าน" ซือลี่หยางเอ่ยวิงวอน ดวงตาคู่งามเปล่งประกายจ้องมองสองผู้เฒ่าอย่างมีความหวัง สำเนียงที่ไม่คุ้นหูของซือลี่หยางยิ่งทำให้สองผู้เฒ่าเกาศีรษะแกรก ๆ หันมองหน้ากันอย่างงุนงง หว่างคิ้วของชายชราขมวดมุ่นผูกกันแน่น เอ่ยถามด้วยท่าทีอึกอัก "คำพูดของเจ้า...มันช่างฟังดูแปลกประหลาดอย่างไรไม่รู้ชอบกล เจ้ามาจากที่ไหนหรือนังหนู? " หญิงชราเอ่ยเสริม "ใช่ ๆ คำพูดของเจ้าฟังดูไม่รื่นหู หรือว่าเจ้าเป็นชนเผ่าใดหลงทางมา" ซือลี่หยางกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยสีหน้าฉงน ฉุกคิดในใจ คำพูดของเรา...มันแปลกตรงไหนกัน? เท่าที่สังเกตดู ตายายสองคนนี้ก็พูดจาด้วยถ้อยคำแปลกประหลาดเช่นเดียวกัน น้ำเสียงดูเนิบช้า ภาษาดูสละสลวย ใช้คำเรียกแทนตัวเองว่า 'ข้า' บ้าง 'เจ้า' บ้าง หากจะบอกว่าหลุดออกมาจากละครย้อนยุคก็เชื่ออย่างสนิทใจ เอาเถอะ! ขอเพียงได้กลับบ้าน ทำตัวกลมกลืนกับสองตายายคู่นี้ไปก่อนก็แล้วกัน "ขะ ข้าอยากกลับบ้าน... ข้าหลงทางมา ทะ ท่านทั้งสองช่วยพาข้าออกจากป่าได้หรือไม่" ซือลี่หยางเอื้อนเอ่ยอย่างติดขัด พยายามเลียนแบบคำพูดของผู้เฒ่าทั้งสองให้สมบูรณ์แบบที่สุด สิ้นสุดคำพูดของซือลี่หยาง รอยยิ้มละไมก็พลันฉายบนใบหน้าของผู้เฒ่าใจดีทั้งสอง รีบตกปากรับคำช่วยเหลือทันที "ได้สินังหนู! แต่ข้าขอเดินไปจับปลาที่ลำธารก่อน หลังจากนั้นข้าจะพาเจ้าเข้าไปส่งที่ตลาดในเมือง" ซือลี่หยางฉีกยิ้มกว้างดีใจ กล่าวตอบด้วยสีหน้าตื้นตัน "ขอบคุณท่านผู้เฒ่า" ริมธารน้ำใส ปลาแวกว่ายชุกชุมเป็นกระจุก สองตายายหย่อนกระชังลงในแม่น้ำ ซือลี่หยางเดินมาที่ลำธารอีกฟากหนึ่ง ไม่รีรอใช้สองมือวักน้ำขึ้นมาชโลมใบหน้าให้เย็นชุ่มฉ่ำ ทว่าทันทีที่ชะโงกหน้าจ้องมองเงาสะท้อนในน้ำ นางก็ต้องอุทานเสียงหลงว่า "แม่เจ้า!" พลางผงะตัวไปด้านหลังอย่างตื่นตระหนก นี่มัน…ไม่ใช่ข้า! หรือว่าข้อสันนิษฐานเมื่อคืนจะเป็นเรื่องจริง ดวงวิญญาณของข้าเข้ามายึดครองร่างของสตรีนางนี้ เมื่อตั้งสติ ก้มหน้าลงไปเพ่งมองอีกครั้งอย่างละเอียด ก็ต้องสะดุ้งเฮือกตกใจอีกระลอกหนึ่ง รูปร่างหน้าตานี้ เหมือนกับดวงวิญญาณที่ข้าพานพบในห้วงภวังค์ไม่มีผิด แม้กระทั่งเสื้อผ้า หน้าผมที่หรูหราอลังการแบบฉบับโบราณสมัย ทั้งตัวประโคมเครื่องประดับเต็มไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวข้ากันแน่? "นังหนู! เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างั้นหรือ? " หญิงชราชะโงกหน้า ตะโกนเสียงถามอย่างสงสัย ซือลี่หยางปรับสีหน้าพลางยิ้มเจื่อน ๆ "ขะ ข้าไม่เป็นไร...พวกท่านจับปลากันต่อเถิด" ได้ยินเช่นนั้น หญิงชราก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ซือลี่หยางหันหน้ากลับมามองเงาตนเองในน้ำดังเดิม ทุกอย่างในหัวสมองพลันพร่ามัวระคนสับสนไปหมด สวรรค์คงกำลังกลั่นแกล้งข้าเป็นแน่… หากข้ามาสิงสู่นาง แล้ววิญญาณของนางล่ะ! ยามนี้จะเป็นเช่นไร แบบนี้ไม่ผิดกฏของธรรมชาติหรอกหรือ? เคยได้ยินมาว่า ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล อะไรก็เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้ หากเบื้องบนกำหนดแล้ว ชะตากรรมของผู้นั้นย่อมหลีกหนีไม่พ้น แต่ก็น่าแปลกอยู่ดี ใครจะไปรู้ว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดกับข้าจริง ๆ "ไปกันต่อเถิดนังหนู...ข้าจะพาเจ้าไปส่งในเมือง" สุ้มเสียงแหบพร่าของชายชราทำให้ลี่หยางหลุดออกจากห้วงแห่งความคิด หันไปขานตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันที เอาเถอะ...เป็นไงก็เป็นกัน! ย้อนอดีตมาแล้วอย่างไรเล่า มีชีวิตใหม่ก็ดีกว่าชดใช้กรรมในปรโลกมิใช่หรือ ไปตายเอาดาบหน้าในเมืองต่อก็แล้วกัน! สองผู้เฒ่าเดินนำทางพาซือลี่หยางมุ่งหน้ามายังตลาดตะวันออกที่ตั้งอยู่ตรงหัวเมืองแคว้นต้าฉู่ทันที เมื่อถึงปากทางเข้าตลาด หญิงชราก็หยุดชะงักและหันกายกลับมากุมมือซือลี่หยาง พลางกล่าวด้วยความรักใคร่เอ็นดู "ข้าคงส่งเจ้าได้เท่านี้ หวังว่าเจ้าจะกลับบ้านของเจ้าถูก" ชายชรากล่าวอวยพรเสริม "ใช่...ข้าขอให้เจ้าปลอดภัย เดิมทีข้าก็อยากพาเจ้ามาพักที่กระท่อมก่อน แต่กระท่อมของพวกข้ามันเล็ก การแต่งกายของเจ้ามองปราดเดียวก็รู้ว่ามิใช่คนธรรมดาทั่วไป คงจะเป็นราชนิกูลหรือเป็นบุตรีของเศรษฐีร่ำรวยในเมือง เจ้าอย่าคิดน้อยใจพวกข้าก็แล้วกัน" ซือลี่หยางคลี่ยิ้มงดงามและส่ายศีรษะ นางไม่ได้น้อยอกน้อยใจตายายทั้งสองเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกซาบซึ้งใจเสียมากกว่า "ข้าไม่มีความคิดเช่นนั้น ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ข้าได้เจอท่านทั้งสอง พวกท่านโปรดรักษาเนื้อรักษาตัวด้วย" ผู้เฒ่าทั้งสองส่งยิ้มละไม ก่อนจะหันหลังและเดินจากไป ซือลี่หยางรู้สึกใจหายเล็กน้อย ยืนทอดสายตามองแผ่นหลังของพวกเขาทั้งสองจนลับตา หลังจากนั้นนางจึงมุ่งหน้าสาวเท้าก้าวเข้าไปในตลาดทันที ตลาดแห่งนี้มีผู้คนส่งเสียงดังจอแจและคึกคักเป็นพิเศษ มองไปทางใดก็มีแต่คนทำผมสวมชุดแบบโบราณ สิ่งนั้นยิ่งตอกย้ำความคิดของนางเข้าไปใหญ่ นางคงหลุดเข้ามาในยุคโบราณที่ไหนสักที่ และคนเหล่านี้ก็คงเป็นชาวบ้านที่ออกมาจับจ่ายใช้สอย ขณะครุ่นคิด เท้าเล็กๆ ของนางก็ก้าวเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย หัวสมองยามนี้มืดบอดไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แม้แต่จะใช้ชีวิตรอดให้ผ่านพ้นวันนี้ไปยังทำไม่ถูก พอเดินไปได้สักพัก สายตาอันกระจ่างคมกริบของนางก็พลันเหลือบไปเห็นซาลาเปาที่กำลังนึ่งอยู่ในเตา กลิ่นหอมของซาลาเปานั้นเย้ายวนใจยิ่ง ทำเอาท้องน้อย ๆ ของนางส่งเสียงร้องคำรามอย่างฉุดไม่อยู่ ในที่สุดก็ห้ามใจไม่ไหว... "เถ้าแก่…ซาลาเปาของท่านน่าอร่อยยิ่งนัก ข้าขอซาลาเปานี่สองชิ้นที" ลี่หยางชี้นิ้วเอ่ยด้วยสายตาเป็นประกาย พ่อค้าซาลาเปาได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ รีบหยิบซาลาเปานึ่งส่งยื่นให้นางทันที "นี่! ของเจ้า ทั้งหมดสามตำลึงเท่านั้น" ใบหน้าของซือลี่หยางซีดลงทันที ซาลาเปาในมือที่ว่าขาวแล้ว ใบหน้าของนางยามนี้ซีดขาวเสียยิ่งกว่า เงินตำลึงคืออะไร ข้ารู้จักแต่เงินหยวน แล้วสามตำลึงนี่เท่ากับกี่หยวนกันนะ? เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของซือลี่หยาง เถ้าแก่ก็หรี่ตาถาม "นี่เจ้า...คงไม่ได้มาหลอกกินซาลาเปาของข้าแล้วชิ่งหนีใช่หรือไม่" "ปะ เปล่านะเถ้าแก่" ซือลี่หยางเบิกตาโพลง โบ้ยมือปฏิเสธพัลวัน "เอ่อ...คือ...ข้าทำเงินหาย ข้าขอติดท่านเอาไว้ก่อนจะได้หรือไม่ ขะ ข้ารวยนะ รวยมาก ๆ ข้ากลับบ้านได้เมื่อไร ข้าจะกลับมาเหมาซาลาเปาของท่านให้หมดเลย" แม้จะพยายามยกภูเขาทั้งห้ามาเกลี้ยกล่อมขอความเห็นใจก็ไม่เป็นผล เถ้าแก่ยึดซาลาเปาในมือนางคืนและตะโกนไล่ นางได้แต่ก้มหน้าเดินออกมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ก็ข้าไม่มีเงินจริง ๆ นี่...ไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้นเสียหน่อย แล้ววันนี้จะเอาอะไรกิน ข้าคงไม่อดตายไปก่อนใช่หรือไม่? "พระชายาเพคะ…" เสียงเล็กแหลมกระตือรือร้นหนึ่งดังขึ้น ซือลี่หยางผู้หิวโหยชะงักงัน หันหลังกลับไปมองอย่างสงสัย สตรีร่างอรชรอ้อนแอ้นนางหนึ่งพุ่งกายเข้ามาหานาง ก่อนจะย่อเข่าคำนับด้วยท่าทางสุภาพอ่อนน้อม "พระชายากลับวังหลวงกันเถิดเพคะ" ได้ยินเช่นนั้น ดวงตากลมโตของซือลี่หยางก็พลันขยายเบิกกว้าง สีหน้าตื่นตระหนกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เอ่ยถาม "จะ เจ้าว่าอะไรนะ...เจ้าเรียกข้าว่า 'พระชายา' อย่างนั้นหรือ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD