คุณหญิงศศิในวัยห้าสิบ ในสายตาของมายาเธอยังคงดูสวยสง่าไม่เปลี่ยนแม้อายุจะมากขึ้น งานที่เธอต้องทำเพิ่มขึ้นจากเดิมก็ไม่เท่าไหร่ แต่ตลอดเวลาเธอไม่เคยอยู่ห่างคนเป็นนายได้เลยสักครั้ง
"ฉันอยากถามเรื่องดวงตาของน้องฉันค่ะ" กลั้นใจเอ่ยถามออกมาขณะที่คนเป็นนายกำลังก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารสำคัญ
"ต้องการอะไร! ไม่เห็นหรือไงว่าฉันยุ่งมากแค่ไหน จะไปไหนก็ไป! " เอ่ยไล่ลูกน้องด้วยความโมโห เจ็ดปีหลังจากนายสินชัยเสียชีวิตไป ชีวิตเธอก็เคว้ง เงินทองที่เคยมีก็เริ่มร่อยหรอ แถมยังเลือกผู้ชายผิด ที่ทีแรกคิดว่าเขารวยซึ่งก็รวยจริง จนพากันเข้าสู่วงการอบายมุก ทั้งดื่มและเล่นการพนันทุกรูปแบบจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องพากันหนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุนดีที่เธอมีมายาคอยปกป้องไม่งั้นคงได้ตายตามกันไปกับผู้ชายคนนั้นและไม่นานเธอก็สามารถหาผู้ชายที่ดีพร้อม พร้อมเงินทองมหาศาลมาต่อชีวิตอีกครั้ง เพราะหน้าตาและมารยา จึงไม่ยากที่เธอจะหาผู้ชายร่ำรวยมาปรนเปรอความสุข แต่ไม่นานเขาก็เสียชีวิต ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ให้เธอผู้เดียว เธอพยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามมายาเรื่องดวงตาของน้องสาวทุกครั้ง เพราะกลัวว่าหากมายาได้ทุกอย่างตามต้องการแล้วจะหนีจากเธอไปเหมือนกับคนรอบตัว โดยที่ไม่คำนึงถึงคนเป็นลูกน้อง มายาไม่เคยขัดคำสั่งและทำตามเธอทุกอย่างตามที่เธอต้องการหากขาดมายาไปสักคนเธอคงไม่เหลืออะไร
"มายา เธออยู่ไหน! " เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้งจนปลายสายต้องกดรับด้วยความรำคาญ
"บ้านค่ะ" เวลานี้เธอควรจะพักผ่อนไม่ใช่รับใช้คนเป็นนาย
"มาหาฉันเดี๋ยวนี้! " เสียงตวาดของคนเป็นนายทำให้มายากำมือแน่น รีบพาน้องสาวสุดที่รักขึ้นรถในยามวิกาล ขับรถไปหาบุคคลที่ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เธอนับถือ
'ก๊อก ก๊อก' ประตูบานโตถูกรัวเคาะหลายครั้งจนคนข้างในนึกรำคาญ รีบมาเปิดประตูให้
"มายา! " คิงอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ พาให้สมาชิกร่วมชายคาอย่างฝนต้องรีบออกมาดู หลังจากไม่ได้พบเจอกันมาหลายปี
"ฉันฝากน้องสาวไว้กับพี่ได้มั้ยจ้ะ แล้วเดี๋ยวจะรีบมารับ"
"ได้ๆ เข้ามาก่อนสิ" เขาเปิดประตูกว้างขึ้นไม่ลืมเชื้อเชิญคนตรงหน้าให้เข้ามาในบ้าน
"แล้วแกจะไปไหน" มีเรื่องมากมายในหัวของสองสามีภรรยาที่อยากจะพูดคุยกับมายา หลังจากที่นายสินชัยตาย มายาก็ไม่ได้ติดต่อกับสองคนนี้อีกเลยจนมาวันนี้
"น้องชื่ออะไรล่ะ" ฝนเอ่ยถามขึ้นมาบ้างหลังจากพาเด็กสาวตัวน้อยเข้านอนแล้ว
"มีนาจ้ะ"
"แกมีน้องด้วยเหรอ" คิงเอ่ยถามอย่างรู้ทัน เท่าที่รู้จักกันมา มายาเป็นลูกคนเดียวและพ่อแม่ก็เสียไปนานเเล้ว
"จ้ะ" มายาตอบไม่กล้าสบสายตาคนทั้งคู่
"มีนาเป็นลูกแกใช่ไหม" คราวนี้ฝนถามออกมาบ้าง
"พี่รู้เหรอ"
"เป็นลูกแกกับนังแก้วใช่มั้ย" ยิ่งตอกย้ำหนักเข้าไปอีก
"อืม" ทั้งสองคนรู้ถึงความปกติภายในร่างกายของมายาดี และความสัมพันธ์ของมายาและแก้วในตอนนั้นก็ดูลึกซึ้งเกินพี่น้อง
"แล้วแม่มันอยู่ไหนล่ะ ถึงปล่อยให้แกเลี้ยงคนเดียว"
"หลังจากคลอดก็หนีไป ฉันพยายามตามหาแล้วแต่ไร้วี่แวว"
"บอกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับนังนั่น ลูกทั้งคนยังทิ้งได้ลงคอ"
"เหอะน่าเมียจ๋า เรื่องมันผ่านมาแล้ว" คิงหันไปปรามเมียรัก
"ฉันคงต้องรบกวนพี่สักระยะ ช่วงนี้ยังหาคนเลี้ยงไม่ได้เลย"
"ลูกแกก็เหมือนลูกพวกฉัน เมียข้าก็อยากมีลูก มีเด็กมาวิ่งเล่นบ้างก็ดี ฝากไว้นานเท่าไหร่ก็ได้ไม่ต้องห่วง"
"ขอบใจพวกพี่สองคนมากนะจ้ะ" มายาล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบธนบัตรหลายใบออกมา ก่อนจะใส่มือคิงไว้แต่เขาไม่ยอมรับไว้
"เอาไว้ใช้เถอะพี่ ฉันเกรงใจ" เขาจึงยอม
"ห้ามบอกมีนานะว่าฉันเป็นพ่อ ตอนนี้มีนาเข้าใจว่าเป็นน้องสาวฉัน และอีกอย่างหนึ่งที่ฉันต้องบอกพวกพี่คือ ลูกฉันตาบอด" ทั้งคู่มองหน้ากันรู้สึกสงสารเด็กน้อยน่าตาน่ารักที่ต้องถูกปิดบังสถานะตนเองกับผู้ให้กำเนิดแถมตายังมองไม่เห็นอีก
"นี่เป็นเหตุผลใช่มั้ย ว่าทำไมแกถึงยังทำงานให้ยัยคุณหญิงนั่น" แม้จะไม่ติดต่อกัน แต่คิงก็พยายามสืบหาข่าวคราวของคนที่เหมือนเป็นน้องสาวตลอด ไม่ต่างกับมายาที่เฝ้าดูผู้มีพระคุณทั้งสองเช่นกัน
"พาฉันไปที่บาร์" นอกจากมายาก็ยังมีคนงานในบ้านให้เรียกใช้อีกหลายคนแต่คนเป็นนายกับเรียกหาแต่มายา รถหรูพุ่งทะยานออกจากบ้านหลังโตมองดูเวลาก็เกือบจะห้าทุ่มเต็มที
"อยู่ใกล้ฉัน ห้ามห่างไปไหน" หันมาสั่งมายาอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำเข้าสถานที่แห่งนั้นอย่างคุ้นเคย หล่อนเป็นแขกวีไอพีกระเป๋าหนักของที่นี่ เมื่อก้าวเข้ามาก็มีบรรดาผู้จัดการและเด็กหนุ่มคอยล้อมหน้าล้อมหลัง จนมายารู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก แต่ก็ต้องคอยดูและและอำนวยความสะดวก
"ว้าย! ไม่คิดว่าจะได้เจอคนระดับคุณหญิงผู้สูงวัยที่นี่ ช่างโชคดีอะไรแบบนี้นะ" ดาราวัยสี่สิบต้นๆ ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเจ้านายเธอมาแต่ไหนแต่ไรเอ่ยทักขึ้นมา จนคุณหญิงศศิต้องเดินหนี
"จะรีบไปไหนล่ะ เอ๊ะ! เดี๋ยวนี้ต้องซื้อผู้ชายกินแล้วเหรอ ก็อย่างว่าล่ะนะ ใช้ผู้ชายเปลืองขนาดนั้นแล้วจะมีใครทนอยู่ได้ล่ะ หนีตายกันไปหมด" หล่อนเอ่ยออกมาอย่างสะใจ คุณหญิงพยายามกดอารมณ์โมโห เสียงดังของคนข้างหลังทำให้ผู้คนเริ่มมองมาทางเธอ คว้าแก้วไวน์ข้างตัวและหันไปสาดใส่หน้าหล่อนก่อนจะรีบเดินเข้าโซนของตัวเองไม่สนใจเสียงก่นด่าและโวยวาย มายารีบเดินตามผู้หญิงคนนั้นไปทันทีจนถึงห้องน้ำ
"อีบ้า สาดมาได้ดูซิเสื้อราคาแพงเลอะหมด" หล่อนได้แต่บ่นอยู่หน้ากระจกพลางเปิดน้ำล้างไปด้วย
"มองอะไร! " แต่เมื่อสังเกตว่าใครอยู่ด้านหลังจึงเอ่ยออกมาอย่างหาเรื่อง
"อ๋อ ที่แท้ก็ขี้ข้านี่เอง" เมื่อหันมามองจนชัดว่าใครจึงเอ่ยออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
'เพี้ยะ' ผู้หญิงคนนั้นหน้าหันทันทีตามแรงตบของมายา
'เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ' และอีกหลายครั้งไม่ทันให้หล่อนได้ตั้งตัว พยายามจะร้องเรียกคนช่วยแต่สายไปเพราะมายาจัดการวางป้ายซ่อมแซมไว้หน้าห้องน้ำจึงไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามา จัดการลากตัวคนปากดีเข้าห้องน้ำและกดหน้าหล่อนลงไปในชักโครก หลายต่อหลายครั้ง และลากออกมาข้างนอกใหม่ จุ่มหน้าหล่อนลงไปที่อ่างล้างหน้าอีกครั้งก่อนจะช่วยชะล้างความสกปรกจากโถชักโครกด้วยการเปิดก๊อกน้ำ ปล่อยให้น้ำสะอาดไหลออกมาเต็มหน้าและผมของหล่อน ก่อนจะทิ้งให้ร่วงลงไปนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง สภาพเละเทะ
"จำไว้! ถ้าไม่เลิกยุ่งกับเจ้านายฉัน ไม่โดนแค่นี้เเน่"
"อี..." ตั้งใจจะด่าคนที่ยืนอยู่โดยไม่ดูสภาพตัวเองแต่ก็ต้องรีบกลืนคำพูดลงคอทันทีเมื่อมายาควักปืนออกมาและจ่อมาที่ศีรษะของเธอ
"ฉันขอโทษ ขอโทษ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว" ละล่ำละลักยกมือขึ้นไหว้มายาอย่างกับกลัวตาย แค่นี้ก็พอสำหรับผู้หญิงคนนี้ แค่นี้หล่อนคงกลัวจนแทบจะมุดหนีลงดิน ไม่ต้องใช้กำลังเหมือนกับพวกผู้ชายซึ่งเธอก็ชินกับการสั่งสอนพวกผู้หญิงปากดีที่บังอาจมาว่าร้ายนายเธอ มายารีบเดินออกมาทันทีตรงไปยังโซนวีไอพีที่เจ้านายเธอนั่งเป็นประจำแต่ไม่พบรวมถึงบรรดาเด็กหนุ่มที่จะนั่งรายล้อมด้วยอีก กวาดสายตามองไปรอบๆ
"แย่แล้ว! " เธอสบดออกมา เมื่อเห็นว่าเจ้านายเธอกำลังวาดลวดลายอยู่บนฟลอร์เต้นรำอย่างไม่ลืมอาย ด้วยคงเพราะฤทธิ์ไวน์บนโต๊ะเป็นแน่ ผู้คนเริ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายภาพราวกับเจอของดี ก็แน่แหละเพราะหล่อนเป็นคนดัง มายารีบเดินเข้าหาตัวเจ้านายทันทีด้วยความยากลำบากเพราะผู้คนเริ่มแน่นและเหมือนยิ่งเข้าใกล้คุณหญิงของเธอก็ยิ่งห่างออกไปอีก จนในที่สุดก็คว้าตัวไว้ได้คุณหญิงแสนดื้อของเธอแทบจะล้มพับแต่ก็กอดคอมายาไว้แน่นแถมลูกน้องผู้แสนดีก็เกาะเอวดึงเข้ามาใกล้ตัวเพราะกลัวว่าคนเป็นนายจะพยศหนีไปไกลอีก ตอนนี้ทั้งคู่กลับยืนอยู่กลางฟลอร์เต้นรำเป็นที่จับจ้องของทุกคนแต่ก็ไม่นานพิธีกรประกาศเพลงถัดไป 'ฟลอร์เฟื่องฟ้า'
"กลับบ้านเถอะค่ะ คุณเมามากแล้ว" ใบหน้าใกล้กันแค่คืบแต่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเคอะเขินกันตอนนี้ หล่อนเพียงใช้สายตาพยายามเพ่งว่าคนที่บอกจะพาเธอกลับบ้านนั้นเป็นใคร
"มายาเหรอ" น้ำเสียงยืดยาวเพราะความเมา
"ค่ะ"
"ไม่เอา เต้นก่อน ฉันชอบเพลงนี้" พยายามยืดตัวและก้าวเท้าตามจังหวะดนตรีราวกับการเต้นนี้อยู่ในสายเลือด แต่ถูกมายาดึงกลับมาอีก คราวนี้คนเป็นนายหญิงกำลังเอนตัวอยู่ในอ้อมกอดของมายาตามท่าเต้น จมูกของทั้งคู่ชิดกัน
"กลับเถอะค่ะ"
"ไม่! เป็นลูกน้องสั่งเจ้านายได้เหรอ" ถามออกมาอย่างเอาแตใจ คราวนี้มายาเริ่มสนุกปล่อยให้คนเป็นนายลงต่ำลงจนคุณหญิงกลัวจะตก ตื่นตกใจจนต้องยกมือขึ้นมากอดคอมายาไว้แน่นกว่าเดิม มายาไม่รอให้คนในอ้อมกอดได้ตกใจนานยืดตัวขึ้นรั้งตัวคนเป็นนายให้ยืนและพากันก้าวเท้าตามจังหวะโดยมีลูกน้องเป็นคนนำ คุณหญิงยอมให้มายาเป็นคนนำและเปลี่ยนจากกอดคอเป็นรัดตัวหรือเรียกว่ากอดเลยก็ว่าได้ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ใบหน้าแนบลงบนอกแน่นของลูกน้องพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ มายาเพียงเข้าใจว่าที่เป็นแบบนี้คงเพราะความเมา
"หยุดทำไม" เมื่อมายาหยุดจึงเงยหน้าขึ้นและเอ่ยถามออกมาราวกับเด็กถูกขัดใจ แถมไม่ยอมปล่อยมือที่กำลังกอดรัดลูกน้องไว้แน่นอีก
"เพลงจบแล้วค่ะ" ตอบออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้
"เต้นอีกสิ ไม่งั้นฉันจะจิ้มตาเธอ" ยกนิ้วขึ้นมาหมายจะทำอย่างที่บอกจนมายาต้องเบี่ยงหลบด้วยความตกใจ แต่คนเป็นนายกลับขำออกมาเธอเพียงล้อเล่นไม่คิดจะทำจริง เธอชอบแกล้งมายาแบบนี้ ชอบเห็นตอนลูกน้องที่หน้านิ่งแสนจะเย็นชาทำหน้าตาตลกๆ แบบนี้