นักสืบของพิมพ์ลภัสทำงานดีเกินคาด...
ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่แสนหดหู่ ปานวาดได้รับการติดต่อจากคนที่เธอไม่อยากพบหน้ามากที่สุด แต่ก่อนที่จะปฏิเสธ ทางนั้นก็ส่งภาพที่ทำให้เธอต้องยอมลุกออกจากเตียงอย่างเสียไม่ได้
“พี่อยากให้วาดคอยจับตาดูแทน”
“แต่วาดไม่อยากยุ่งกับพวกพี่แล้ว”
ปานวาดอยากอยู่เงียบ ๆ และไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้อีกแล้ว แต่ดูเหมือนว่าพิมพ์ลภัสจะไม่ยอมง่าย ๆ
เธอโยนรูปภาพจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะตัวเล็กในคาเฟ่ ปานวาดนิ่วหน้าครู่เดียวก็พอเข้าใจได้แล้วว่าตัวเธอเองกำลังถูกแบล็กเมล ไม่ต่างจากเขาเลยสักนิด
“นักสืบบันทึกภาพตั้งแต่ตอนที่วาดเข้าไปในห้องของแทน จนราว ๆ แปดโมงเช้าเขาถึงได้ออกมาซื้อเดรสในร้านเล็ก ๆ ข้างโรงแรม เดรสสีดำตัวที่วาดสวมออกมาตอนเกือบเที่ยง...” พิมพ์ลภัสหัวเราะเบา ๆ
“พี่รู้นะว่าแทนไม่เคยรักพี่ แต่ก็ไม่นึกว่าจะหาผู้หญิงมาแทนที่พี่ได้เร็วขนาดนี้... ยิ่งค้างคืนด้วยแล้ว”
“พี่พิมพ์ต้องการอะไรกันแน่คะ”
“อย่างที่บอก พี่อยากให้วาดอยู่ข้าง ๆ แทน คอยจับตาดูเผื่อว่าแทนจะทำอะไรบ้า ๆ เช่นการรวบรวมหลักฐาน หรือสร้างเรื่องใส่ร้ายเพื่อทวงสิทธิ์เลี้ยงดูน้องแพร”
“คุณแทนเขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
“เขาทำแน่ วาดก็รู้ว่าแทนไม่ใช่คนใจกว้างกับคนที่มาเอาเปรียบ นี่ถ้าเขารู้ว่าวาดร่วมมือกับพี่หลอกเขา...”
“วาดไม่สนคำขู่ของพี่หรอกนะคะ อยากจะโกหกว่าวาดร่วมมือกับพี่ทั้ง ๆ ที่ถูกหลอกก็ตามใจเถอะค่ะ เพราะยังไงคุณแทนก็เกลียดวาดอยู่แล้ว... อ่อ ถ้าคิดจะเอาภาพพวกนี้มาทำให้วาดอายก็ลืมไปได้เลยนะคะ วาดตัวคนเดียว ไม่มีแฟน ไม่มีครอบครัว ถ้ามีปัญหากับบริษัทก็แค่ลาออก”
“พี่รู้ว่าวาดไม่มีอะไรต้องเสีย แต่แทนเขามี... ลองคิดดูนะว่าภาพหลุดนิดหน่อยก็งานเข้าแล้ว ถ้าฝ่ายบริหารรู้ว่ามือที่สามคือพนักงานแผนกบัญชีที่มาทำงานได้ไม่นาน พี่แทนที่เคยดูแลยัยหนูวาดคงไม่ได้นั่งเก้าอี้ประธานต่อแน่ ๆ”
พิมพ์ลภัสพูดต่อไปด้วยว่าหากทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลอัครจินดานนท์ถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศ ตำแหน่งประธานบริษัทก็คงถูกเปลี่ยนตัวได้ไม่ยาก
“ใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณธีรักษ์ไม่สนใจงานบริหาร พี่พิมพ์อย่ามาหลอกวาดให้ยากเลยนะคะ”
“แต่ถ้าน้องชายมีข่าวฉาว พี่ชายก็ต้องเสียสละเพื่อครอบครัว ต่อให้ไม่ชอบใจ แต่ก็คงปล่อยให้คนนอกมานั่งตำแหน่งสำคัญไม่ได้อยู่ดี... วาด ไหน ๆ เธอก็นอนกับเขาแล้ว ทำไมไม่ถือโอกาสสานต่อความสัมพันธ์เลยล่ะ”
“เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้วนะคะพี่พิมพ์ วาดไม่ได้อยากจะสานต่ออะไรทั้งนั้น เรื่องคืนนั้นมันก็แค่ความผิดพลาด วาดเมา คุณแทนเองก็ดื่มไปเยอะ มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอกค่ะ”
“พี่ไม่เชื่อ! คนอย่างแทนไม่เคยทำพลาด เขารู้อยู่แล้วว่าผู้ชายกับผู้หญิงถ้าอยู่ในห้องเดียวกันเวลาเมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยังชวนวาดเข้าไปในห้อง หึ! ไอ้เรื่องที่บอกว่าจำวาดไม่ได้น่ะ โกหกชัด ๆ”
พิมพ์ลภัสพยายามตั้งสติ ในเมื่อใช้น้ำเย็นเข้าลูบแล้วไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนไปใช้วิธีตรงกันข้ามแทน
“จริง ๆ พี่ก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยนะ แต่พี่แค่ไม่อยากให้เขายื่นฟ้องต่อ เพราะถ้าถึงขั้นนั้นพี่คงต้องใช้ไม้แข็ง... วาดก็รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร”
พิมพ์ลภัสเล่าความลับให้ปานวาดฟังเมื่อครั้งพบกันหลังเกิดเรื่องใหม่ ๆ และถึงเวลาแล้วที่เธอจะใช้มันเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“พี่พิมพ์ใจร้าย!” ปานวาดโกรธจนตัวสั่น เธอเคยเจอน้องแพรวาและได้ทักทายตามโอกาส น้องพูดถึงคุณพ่อไม่หยุด ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสองพ่อลูกสนิทกันมากแค่ไหน
“ถ้าวาดยอมอยู่กับแทน จับตาดูทุกความเคลื่อนไหว พี่จะให้ค่าจ้างเดือนละแสน รอดูสักหกเดือน ถ้าเขาไม่ยื่นฟ้องเพื่อแย่งน้องแพร พี่ก็จะไม่มารบกวนวาดอีก”
“วาดไม่ได้อยากได้เงินของพี่!”
“พี่รู้ แต่พี่ไม่อยากใช้วาดฟรี ๆ นี่นา เอาเป็นว่าวาดลองกลับไปนอนคิดดูสักคืนนะ ตัดสินใจยังไงค่อยบอกพี่วันพรุ่งนี้ก็ได้”
“แล้วถ้าวาดไม่ทำล่ะคะ”
“แทนจะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีก...”
‘ผู้ชายที่ไหนจะลืมผู้หญิงที่ตัวเองเคยเอ็นดูได้ง่าย ๆ กันล่ะ นี่ถ้าตอนนั้นพิมพ์ไม่ท้อง แทนก็อาจจะชอบยัยวาด... ถ้าศาลรู้ว่าแทนกับวาดรู้จักกันมานาน…’
ทิวากร อัครจินดานนท์ ส่ายหน้ายามนึกถึงคำขู่ของอดีตภรรยา แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเธอวางแผนมาเป็นอย่างดีและแผนที่ว่านั้นเริ่มต้นด้วยการรับปานวาดเข้ามาทำงาน
สาวน้อยที่เขาเคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้ แต่กลับต้องแสร้งทำเป็นจำไม่ได้ เพราะไม่อยากให้เธอต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องวุ่นวายในครอบครัว
แต่ไม่รู้ว่าพิมพ์ลภัสไปตกลงกับเธอท่าไหน ยัยเด็กหน้าตาน่ารักถึงได้ยอมทำเรื่องร้ายกาจ จนได้รูปเด็ดที่มุมกล้องดูดีเกินกว่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
เขาไม่อยากเชื่อว่าปานวาดจะร่วมมือกับภรรยา แต่พอได้ยินว่าเธอมาเที่ยวพร้อมกับเพื่อน ๆ เขาจึงขอให้เจ้าของคลับที่เป็นเพื่อนสนิทลองตรวจสอบดู ปรากฏว่าเพื่อนที่พาเข้ามาในคลับหรูก็คือภรรยาที่อยากจะหย่ากับเขาจนแทบขาดใจนั่นเอง
พิมพ์ลภัสต้องการหย่า แต่เขากลับไม่ยินยอม ไม่ใช่ว่ารักใคร่หรือหึงหวง เพราะตั้งแต่แต่งงานมาก็ต่างคนต่างอยู่ เว้นแค่เวลาที่ต้องทำหน้าที่พ่อแม่ของน้องแพรวา ลูกสาวตัวน้อยที่ทิวากรรักหมดหัวใจ
เขาอยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์
‘ถ้าแทนไม่อยากให้น้องแพรมีปมด้อยว่าเราฟ้องร้องกันเพื่อแย่งลูก แทนก็ต้องปล่อยพิมพ์กับลูกไป’
‘แล้วทำไมถึงอยู่กรุงเทพฯ ไม่ได้! ทำไมต้องอยากได้สิทธิ์ขาดในการเลี้ยงลูกแค่คนเดียวล่ะพิมพ์!’
‘เผื่อพิมพ์มีคนใหม่ พิมพ์จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องแย่งลูกกับคุณยังไงล่ะคะ!’
เขาไม่ขัดหากพิมพ์ลภัสคิดจะมีใครใหม่ แต่เสียใจที่ลูกสาวตัวน้อยจะไม่ได้อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอยู่คนละประเทศ ทิวากรที่เลี้ยงดูน้องแพรวามาตั้งแต่ลืมตาดูโลกมีหรือจะทนได้
แต่ทนไม่ได้ก็ต้องทน…
หากไม่ทำตามที่พิมพ์ลภัสต้องการ ดึงดันจะฟ้องต่อ เขาอาจไม่มีวันได้เห็นหน้าลูกสาวตัวน้อยอีก