อู้ววววว ดูท่าทางน้องจะร้อน คงต้องเริ่มจากระบายความร้อนให้น้องก่อน ผมถอดชุดหนังสีดำที่ตอนนี้เก็บความร้อนระอุ ที่จริงผมจะเคลมเธอตอนนี้เลยก็ได้ แต่ผมเป็นเสือ ไม่กินเหยื่อที่ตายหรอกน้าาาา อย่างน้อยก็ต้องดิ้นได้สักหน่อย
“อุ้วววววว ใหญ่ว่ะ ขาวขนาดนี้ ใจพี่ไม่ดีเลย” ผมรูดซิปชุดหนังขอเธอ จนเห็นเนื้อหนังมังสาของเธอข้างใน ชุดชั้นในสีดำแบรนด์วิคตอเรียซีเคร็ต มันทำเอาผมมมมม อื้มมมมมม เปลี่ยนใจกินตอนตายดีไหมนะ ผมช้อนตัวเธอขึ้นมาน้อย ๆ เพื่อเอาเสื้อของเธอออก ให้เหลือเพียงแค่เสื้อชั้นใน ก่อนจะตามมาถอดกางเกงขายาวของเธอ จนเผยให้เห็นกางเกงในที่เข้าชุดกัน แหวกเช็กของก่อนได้มะ
ในช่วงที่ผมกำลังคิดไม่ดี มือผมดันไปสัมผัสโดนผิวเนียนขาวที่ตอนนี้ดันร้อนไม่ต่างจากไฟ ร่างกายเก็บความร้อนแบบนี้ ไม่ช็อกตายไปเลยรึไง
“คุณ คุณ ไหวไหม ผมว่าคุณไปอาบน้ำดีกว่า” ผมปลุกยังไงก็ยังไม่ตื่น เฮ้ออออออ เช็ดตัวให้ก็แล้วกัน จะหาว่าผมลามกไม่ได้นะ คุณไม่ยอมตื่นเอง
ผมหยิบกะละมังใส่น้ำเย็น แล้วนำผ้าขนหนูมาชุบแล้วเช็ดตัวให้เธอ ไม่ติดว่าเธอแก้ผ้า ผมจะไม่ทำเลย ผมใช้มือที่จับผ้าขนหนูเช็ดไปบนตัวเธอ อู้ววววว อย่าหาว่าผมหื่นเลยนะ ร่างกายเธอสวยงามจริง ๆ แบบไร้ที่ติ ไร้รอยสัก ขาวเนียนไปทั้งตัว แล้วผมนั้นก็เป็นผู้ชายยยยยย ไม่ทำตอนนี้ อย่างน้อยก็ต้องขอเทสก่อน ว่าไอ้ที่ใหญ่เนี่ย ของจริงหรือทำมา ผมตะปบมือใหญ่บนหน้าอกมหึมาเพื่อสำรวจ อื้มมมมม ไม่มีความรู้สึกเหมือนลูกโป่งแฮะ ของจริงว่ะ
“นี่มันกี่โมงแล้วอ่าชินชิน” คนตัวเล็กที่กำลังจะตื่น ทำให้ผมต้องรีบดึงมือกลับ ตื่นไวจังวะ
“ชินชินที่ไหน มีแต่ไรไรได้ไหม ดีขึ้นบ้างไหม ผมเช็ดตัวให้คุณ” ผมสวมบทพระเอกที่แสนดี
“ไรไร!!! เหี้ย!!!” เสียงของเธอยังไม่สิ้นดี ส้นเท้าเล็ก ๆ ก็ถีบเข้าที่ผม จนร่วงลงไปข้างเตียง
โอ๊ยยยยยย ยัยนี่ หญิงสาวตัวเล็กรีบรวบผ้าห่มมากอดด้วยความตกใจ แววตาของเธอตกใจเหมือนจะร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามหาเสื้อผ้าของเธอด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ตาของเธอก็ยังเหมือนคนจะร้องไห้ แบบเก็บไม่มิดเลย
“ถีบผม ใจร้ายไปนะ ผมเช็ดตัวให้คุณจนอุณหภูมิมันลด แต่โดนคุณถีบ”
“ขอโทษด้วยค่ะ มันเป็นอาการตกใจ เสื้อผ้าของฉัน ฉันขอคืนนะคะ” แววตามั่นใจกลับมาอีกแล้ว เธอนี่มันเป็นคนยังไงกันแน่ ผมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของผม แล้วหยิบเสื้อเชิ้ตของผมให้เธอใส่ แน่นอนเธอไม่ยอมใส่
“ชุดของคุณมันไม่ระบายอากาศ ใส่เสื้อของผมก่อนนะ ใส่เสร็จแล้วผมจะไปส่งที่บ้าน” แผนส่งที่บ้าน สาว ๆ ที่ไหนก็ชอบ ผมดูแลเธอขนาดนี้ แถมยังไม่ส่งอีก โคตรจะสุภาพบุรุษเลย คนดีเกินไปแล้ว
“ไม่ค่ะ ส่งที่ Heaven Mall คนขับรถของฉันรออยู่ที่นั่น”
‘ห้ะ!!!!! นี่ฉันเสนอจะไปส่งเธอที่บ้าน แต่เธอดันบอกว่าไม่ต้อง คนขับรถรออยู่ เธอจะให้คนขับรถมาสำคัญกว่าฉันไม่ได้นะ’ ตอนนี้เธอกำลังทำให้ผมหัวร้อน แต่ต้องยิ้มเพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม ผมเป็นเสือผู้หญิง ที่ตอนนี้กำลังโดนหญิงปฏิเสธ
.
.
ผมมาส่งเธอที่ Heaven Mall ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ของผม กับกางเกงหนังสีดำของเธอ เธอดูดี แม้จะอยู่ในเสื้อของผม ทุกสายตาของผู้ชายที่เธอเดินผ่านต่างมองเธอเป็นตาเดียว ผมไม่ได้หวงหรอกนะ มันทำให้ผมยืดได้ที่ตอนนี้ใคร ๆ ก็ต้องอิจฉาที่ผมเดินอยู่ข้างเธอ เมื่อเรามาถึงลานจอดรถ เธอก็เริ่มบอกลา
“สาว ๆ มองคุณเป็นตาเดียว ฉันไปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวโดนดักตบ อ่อ...ขอบคุณนะคะ หวังว่าครั้งหน้าเราจะได้เจอกันอีก”
“ผมอ่าอยากเจอ คุณอ่าอยากเจอผมรึเปล่า ผมทั้งอุ้ม ทั้งแบกคุณมาดูแล ที่สำคัญผมยังไม่แตะคุณด้วย อย่างน้อยต้องมีรางวัลให้ผมบ้างอะ ผมขอเป็นนัดครั้ง นะ....” ผมยังพูดไม่ทันจบ ริมฝีปากอวบอิ่มก็สัมผัสเบา ๆ ที่ปากของผม ความสูงที่มากกว่าของผม ทำให้เธอต้องดึงคอเสื้อของผมลงมาอย่างทุลักทุเล แล้วเธอก็วิ่งไปเลย
“ไว้เจอกันใหม่นะคะ” เธอหันมาโบกมือให้ผม ก่อนจะตรงไปที่รถของเธอ ทำมาทั้งตั้งมากมาย ได้แค่จูบเบา ๆ งั้นเหรอ แต่ที่จริงมันก็ไม่ได้แย่ เธอช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจจังเลย
.
.
มาร์ Say ::
“ขอโทษนะเอริจัง ฉันดันไปแว้นแล้วเป็นลมแดด รอนานไหม”
“ไม่นานเลยครับแค่เกือบ 6 ชั่วโมง โชคยังดีที่กระผมไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอด ไปครับกลับบ้านกัน ชุดที่ต่างไป อาจจะทำให้คุณผู้ชายไม่พอใจแน่ ๆ” เอริมองชุดที่ฉันใส่ ก่อนออกมาเป็นคุณหนูสวยหวาน ตอนนี้กลายเป็นสาวมั่นเปรี้ยวซ่า
“ไม่เป็นไร ฉันซื้อเอง คุณพ่อคงเข้าใจ ว่าแต่คุณพ่อโทรตามบ้างไหม”
“สายที่ 12 แล้วครับ”
โหยยยยย โทรมาเยอะขนาดนี้ สงสัยจะคิดถึงลูกสาวจัดเลย เมื่อฉันกลับมาถึงบ้าน คุณพ่อที่แสนจะรักลูกสาวก็เดินเข้ามาชาร์จทันทีเลย จะเป็นยังไงน้าถ้าคุณพ่อที่กฎระเบียบเยอะแยะ จะรู้ว่าลูกสาวคนสวยนั้น เพิ่งจะไปแก้ผ้าให้ผู้ชายดูมา
“ทำไมเปลี่ยนชุดกลับบ้าน แล้วนี่มันเสื้อเชิ้ตผู้ชาย” จับผิดเก่งเสื้อเชิ้ตก็เหมือนกันหมด โมเมบอกมันเป็นชุดผู้ชายได้ยังไง
“มันคือ Fashion นะคะคุณพ่อ ที่ London เค้าก็แบบนี้ ลูกสาวอยากเป็นคน Cool ไปอาบน้ำนะคะ” ฉันทำใจดีสู้เสือ แล้วเดินถือถุงช้อปปิ้งเข้าห้องนอนของตัวเองทันที ห้องนอนส่วนตัวที่ใหญ่โต กินครึ่งชั้นของกาสิโนของคุณพ่อ มันเป็นโลกของฉันอย่างแท้จริง
ฉันได้เสื้อของพี่ไรด้วยแหละ แถมยังได้จุ๊บเบา ๆ เหมือนฝันเลย ถ้าพี่รู้ว่าฉันคือมาร์ พี่จะยอมให้ฉันทำแบบนี้รึเปล่า ฉันหยิบโทรศัพท์อีกเครื่อง ที่เป็นเครื่องที่ฉันใช้ประจำขึ้นมาดู โห...พี่มีร่าไลน์เข้ามาเต็มเลย ส่วนมากก็ถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า โดนทำอะไรไหม ฉันเลยได้แต่ตอบกลับไปว่าปลอดภัยดี พี่มีร่าคงจะเป็นห่วง เพราะพี่ไรมันร้าย เห็นของฉันหมดแล้ว ถึงจะพูดว่าไม่ได้ทำอะไร แต่ก็เห็นหมดแล้วอยู่ดี เขาชอบไหมนะ ทำไมฉันดูแรดจังเลย
.
.
เช้าวันต่อมา
เหอะ ๆ ตื่นเช้ามาเจอผู้ชายที่คุณพ่อขาาานั้นแนะนำมาให้ นี่มันอะไรเนี่ย ฉันมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเป๊ะไปหมดทุกกระเบียด ไม่อึดอัดรึไง ฉันส่งยิ้มให้ผู้ชายหน้าคมเข้ม หน้าตาขึงขัง อายุน่าจะมากกว่าฉันสิบกว่าปีได้แล้วมั้ง แล้วส่งยิ้มให้เขาบาง ๆ เอาแล้วไง การดูตัวมันของคุณพ่อมันเริ่มขึ้นแล้วสิ
“สวยกว่าในภาพเยอะเลยนะครับ” นี่คือคำทักทายของคนที่เจอกันครั้งแรกรึไง!!!! ฉันหันไปมองหน้าคุณพ่อแสนรัก ที่ส่งสายตาบอกให้ฉันเข้าไปเทคแคร์
“เข้าไปทานข้าวกันเถอะเอริค ฉันเตรียมอาหารไว้เยอะเลย” คุณพ่อแสนรักของฉันทำซะขนาดนี้ มีรึ!!! ที่ฉันจะทำให้เสียน้ำใจ
“ไปค่ะ คุณพ่อฉันก็แบบนี้ประจำเลย ถ้าพี่อยากจะเป็นผู้ชายคนที่ร้อยที่มากินข้าวบ้านฉัน ฉันยินดีค่ะ เข้าไปข้างในกันนะคะ” ฉันใช้ความก๋ากั่นที่มี เดินเข้าไปลากแขนชายหนุ่มที่เหมือนจะตกใจไม่น้อย แต่ก็ยังเดินตามแรงลากของฉันเข้าไปในบ้าน
เมื่อถึงเวลาที่ต้องกินข้าวจริง ๆ ในบ้านที่เคร่งกฎระเบียบของฉันเลยมีช้อนวางเรียงราย แขกที่มาดูเหมือนจะพอใจมาก แต่ฉันไม่พอใจไง ฉันเลยใช้มือของฉันนั้น เปิบบบบบอาหารในจานเข้าปาก พาสต้าซอสมะเขือเทศที่ฉันโปรดปราน โดนนิ้วน้อยทั้งห้า รวบเส้นพาสต้าเข้าปากอย่างมูมมาม ท่ามกลางสายตาที่มองฉันอย่างตกใจ
“มองอะไรคะ คนเรามีสไตล์การกินที่ต่างกัน ไม่ว่าสไตล์ของฉันไม่ใช่ไหมคะ ฉันหยิบสเต๊กเนื้อ A5 แล้วฉีกออก เนื้อมีเดียมแรร์เยิ้ม ๆ ฉ่ำ ๆ โดนจับยัดเข้าปากอย่างกับว่ามันเอร็ดอร่อยมาก ๆ จนปากของฉันเละเทะไปหมด ไม่พอ ฉันใช้มือที่เละจับที่แขนเสื้อเค้าน้อย เป็นเชิงถามไม่กินเหรอ
“เอ่อออ คุณอาครับ ผมขอตัวกลับดีกว่า ผมว่าน้องเค้า เอ่อออ ผมขอตัวครับ” แขกของคุณพ่อดูเหมือนจะอยู่ไม่ไหว รีบขอตัวกลับทันที
“เดี๋ยวก่อนสิเอริค”
ไม่ทันจ้าาาาา เขาไปแล้ว ริอ่านจะมาจับคู่ฉันเหรอ พอเห็นว่าแขกกลับไปดีแล้ว ฉันก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปล้างปาก ล้างชุดที่เลอะทันที แผนของคุณพ่อ ใช้กับฉันไม่ได้หรอก
“มาร์ ทำไมไม่ไว้ไมตรีเค้าหน่อย ยังไงก็คู่ค้าเรา”
“อย่าคิดจะจับคู่ให้หนูแบบนี้ มันจะมีความสุขไหมคะ ถ้าหนูไม่รักเค้า หนูรักพี่ไร คุณพ่อก็รู้” ฉันพูดให้พ่อของฉันเข้าใจสักที ว่าฉันมีคนในใจแล้ว
“หนูมั่นใจได้ยังไง ว่าสิ่งที่หนูมี มันคือความรัก มันไม่ใช่การอยากเอาชนะ ไม่ใช่เพราะตัวหนูเองอยากเอาชนะคนที่บอกว่าหนูขี้เหร่ เพราะตอนนี้หนูสวยแล้ว ไม่ใช่แค่หนูอยากให้เค้ายอมแพ้” คุณพ่อยังคงสาดความคิดของตัวเองให้ฉัน
“ไม่!!!....หนูชอบเค้า หัวใจของหนูเต้นแรง เมื่ออยู่กับพี่ไร คุณพ่อไม่เข้าใจ คุณพ่อไม่รักหนู คุณพ่อคิดแค่อยากจะผลักให้หนูไปไกล ๆ บังคับอย่างเดียว ไม่พอใจก็ส่งไปอังกฤษ คิดบ้างไหมว่าหนูไม่ได้อยากไป คิดบ้างไหมว่าหนูคิดถึงบ้านแค่ไหน” ฉันผลักพ่อออกแล้ววิ่งไปขึ้นรถทันที ฉันไม่ได้พกอะไรมาเลย มีเพียงโทรศัพท์เครื่องสำรอง ที่เอาไว้คุยกับพี่ไรเท่านั้น ฉันไม่มั่นใจเส้นทาง ได้แต่ขับรถตรงออกไปเรื่อย ๆ
ทำไมพ่อฉันถึงได้ชอบบังคับนัก บังคับนู่น บังคับนี่ บังคับทุกสิ่งอย่าง ต้องไปเรียนอังกฤษนะ ต้องไปนั่นนะ ต้องทำนี่นะ เคยคิดบ้างไหมว่าฉันก็มีหัวใจ คุณพ่อมีหัวใจบ้างไหม คุณพ่อเคยรักฉันบ้างไหม ฉันต้องข่มอารมณ์ความนอยด์ของตัวเอง แล้วพยายามจะขับรถไปกาสิโนของพี่ไร ที่มันห่างกันไม่ถึง 5 กิโล แต่ทำไมมันถึงได้ไกลนัก ฉันขับจนน้ำมันที่เหลือน้อยอยู่แล้ว มันมีทีท่าว่าจะหมด
“ทำไมเอริโก้ไม่รู้จักเติมน้ำมัน!!!! กระเป๋าเงินก็ไม่มี จะเติมน้ำมันยังไง” ฉันรีบขับรถเข้าข้างทาง แล้วกดโทรศัพท์โทรหาคนเดียวที่ฉันมีเบอร์ แม้จะไม่อยากให้เขาเป็นฉันในสภาพนี้เลย สภาพที่เสื้อฉันเลอะไปด้วยซอส รองเท้าที่ใส่ ยังเป็นรองเท้าที่ยังใส่ในบ้าน แต่ฉันไม่มีคนช่วยแล้วจริง ๆ
เพียงแค่ฉันขอความช่วยเหลือ ไม่นานพี่ไรก็ขับรถออกมารับ เพียงแค่เขาเห็นสภาพฉัน มันก็สร้างความตกใจให้เขาไม่น้อย แล้วรีบถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น เคยเป็นไหม มันเป็นช่วงอารมณ์ที่รอใครสักคน ที่จะถามฉันว่า เป็นอะไรไหม ไหวหรือเปล่า ฉันโผล่เข้ากอดคนตรงหน้าแล้วปล่อยโฮออกมา
“ซัมเมอร์ กลางถนนนะคะ ช่างเถอะ โอ๋ ๆ ...ไม่ร้องนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว”
.
.
อีกด้าน
“ฉันบอกฟลานแล้วใช่ไหม ว่าอย่าเพิ่งทำอะไร ลูกจะเตลิด ทำไมถึงไม่ฟังกันเลย” นานะสาดอารมณ์ใส่สเตฟาน ผู้เป็นสามีเสียงดัง
“ปกติลูกอยู่ที่อังกฤษก็เชื่อฟัง เพราะกลับมาเลยไม่เชื่อฟัง”
“ไม่ใช่!!!!! ลูกไม่เคยเชื่อฟัง แต่ฉันจะต้องหลอกลูกให้ทำตามสิ่งที่ฟลานต้องการ ฟลานทำแบบนี้ถ้าลูกไม่กลับบ้านจะทำยังไง ปกติลูกเอาบัตรเครดิตไป เรารู้ว่าลูกที่ไหน ลูกทำอะไร ชอปปิงจนหายโกรธก็กลับบ้าน แต่นี่ลูกไม่ได้เอาไปเลยแม้แต่เอริโก้ ลูกจะไปไหน เราไม่รู้เลย ฟลานทำอะไรลงไป” นานะเริ่มร้อนใจ เพราะปกติเธอใช้น้ำเย็นลูบลูกสาวมาตลอด เธอเลยยอมเป็นลูกที่น่ารัก แล้วยอมเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง
“บางทีก็สงสัย ที่ลูกเสียคน อาจจะเป็นเพราะเมีย”
“แล้ววิธีของฟลานมันดีมากเลยใช่ไหม ลูกหนีออกจากบ้านไปแล้ว”
.