ตอนที่ไม่มีชื่อ

5000 Words
       ซีรีส์ ‘หลอกเด็ก’ ประกอบด้วย... 1 อุ้มรักอสูรเถื่อน  เรื่องราวของหนุ่มเสน่ห์แรงอย่าง...จอมพล สิรางประกรณ์ ที่เรียนจบบริหารธุรกิจ แต่ดันหลงใหลในวิถีชีวิตแบบชาวสวน ปลูกผักออร์แกนิคกับผลไม้หลากหลายสายพันธุ์บนที่ดินหลายร้อยไร่ และยังเป็นเจ้าของคอนโดหรูใจกลางเมือง รวมไปถึงหอพักที่อยู่ใกล้กับมหา’ลัย. ดัง อีกหลายแห่ง  เขาเป็นหนุ่มฮอตที่มีข่าวฉาวเรื่องสาวๆ นัดตบตีกันออกสื่อมากที่สุดในกลุ่ม แต่กระนั้น...ก็หาได้แยแสไม่ เพราะชีวิตทั้งหมดของเขา ทุ่มเทให้กับผักและผลไม้ในไร่เพียงอย่างเดียว   2 อุ้มรักจอมบงการ  เรื่องราวของหนุ่มหล่อมาดผู้ดีอย่าง...ขุนพัน ดิลกสาร ที่ร่วมหุ้นเปิดบริษัทขนส่งเอกชนภายในประเทศกับเพื่อนรัก และยังทำธุรกิจเนื้อหมัก (โคขุน) รวมไปถึงการเปิดร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างที่มีสาขามากมายอยู่ทั่วประเทศ เขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อ รวย และหวงแหนอิสรภาพจัด! ถึงขั้นจับสาวที่จะขึ้นเตียงด้วยมาเซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์ เพื่อแลกกับค่าตอบแทนราคาแพง  3 อุ้มรักซาตานลวง  เรื่องราวของหนุ่มเพลย์บอยตัวพ่ออย่าง...แม่ทัพ อินธิรากรณ์ เสี่ยใหญ่ใจป้ำ เจ้าของค่ายมวยดังและเป็นเจ้าของฟาร์มโคขุนขนาดใหญ่ อีกทั้งยังร่วมหุ้นทำบริษัทขนส่งภายในประเทศกับขุนพันจนขึ้นมาติด TOP 10 หนุ่มหล่อรวยแห่งปี ทำให้เหล่าดารา-นางแบบในวงการต่างพากันถวายตัวให้อย่างไม่ขาดสาย แต่เขาก็ไม่เคยยอมให้สาวคนไหนเข้ามามีอิทธิพลในชีวิต      ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น ค่ายมวย DDT เวลา 21:40 น. หลังจากที่ประชุมลากยาวตั้งแต่ช่วงเช้าจนกระทั่งสามทุ่มกว่าๆ แม่ทัพก็เดินออกจากค่ายมวยของตน ตรงไปยังรถสปอร์ตหรูที่จอดอยู่ด้านหน้าอย่างรู้สึกเหนื่อยล้า ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนแช่น้ำอุ่นๆ แล้วจิบไวน์เบาๆ พร้อมกับสั่งสเต๊กเนื้อนุ่มๆ มาทาน แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูรถสปอร์ตคู่ใจ ก็มีเสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นหูแล่นเข้ามาจอด พอหันไปมองก็ถึงกับตกใจที่เห็นเพื่อนรักเดินตรงดิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ไอ้ทัพ! มึงตาย” ขุนพันก้าวลงจากรถเสร็จ ก็พุ่งตรงเข้าใส่เป้าหมายทันที “ว้ากกก ไอ้ขุน! ใจเย็นๆ” แม่ทัพร้องห้ามพร้อมกับออกวิ่งอย่างรู้สึกกลัว เพราะสีหน้าท่าทางของเพื่อนในตอนนี้บ่งบอกว่ากำลังโกรธมาก หากไม่วิ่งหนี ใบหน้าหล่อๆ ของตนอาจจะมีรอยฟกช้ำ “ใจเย็นพร่องมึงสิ! วันนี้กูจะเอาวิญญาณมึงมาเซ่นสังเวยหุ่นกู” ขุนพันบอกขณะวิ่งไล่ต้อนเพื่อนทรยศที่แกล้งโทร. ผิดไปหาบิดาของเขาแล้วถามว่า  {ปาร์ตี้สวิงกิ้งที่คอนโดมึงเมื่อคืนสุดเหวี่ยงไหมขุน? เสียดายที่กูไปไม่ได้}  เท่านั้นแหละ! บิดาของเขาก็รีบบุกมาหาที่คอนโดพร้อมกับมีดดาบซามูไรเก่าแก่ของตระกูล ฟันหุ่นซูเปอร์ฮีโรสุดรักสุดหวงระบายอารมณ์จนพังยับเยินไปหลายตัว เพราะคิดว่าเขาจัดปาร์ตี้มั่วเซ็กซ์จริงๆ พอเขาวิ่งเข้าไปห้าม กลับถูกบิดาล้วงปืนออกมาเล็งกลางแสกหน้า โชคดีที่บอดี้การ์ดพากันวิ่งเข้ามาขวาง ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงจะเหลือแต่ชื่อไปแล้ว “ไอ้ขุน! ใจเย็นก่อนเพื่อน” แม่ทัพที่วิ่งหลบจนเหนื่อยหอบ พยายามกล่อมให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์ “กูไม่ใช่เพื่อนมึง” ขุนพันบอกพร้อมกับวิ่งไปดักข้างหน้า “ว้ากกก ใครก็ได้จับไอ้ขุนไว้ที” แม่ทัพที่วิ่งหนีอ้อมรถมาอีกข้าง แต่ดันจ๊ะเอ๋ใส่เพื่อนรัก จึงกรีดร้อง เอ๊ย! จึงร้องขึ้นอย่างตกใจ แล้วรีบหันหลังวิ่งตรงไปยังประตูทางเข้าค่ายมวย “มึงจะหนีไปไหน มาให้กูต่อยซะดีๆ” ขุนพันวิ่งตามไปติดๆ อย่างไม่ลดราวาศอก “มึงขี้โกง! ให้กูใส่นวมก่อนสิโว้ย” แม่ทัพตะโกนต่อว่า เตรียมจะผลักประตูกระจกเข้าไปด้านใน แต่ทว่า...ประตูกลับถูกเปิดออกมาซะก่อน “เฮ้ย! เล่นอะไรกันเนี่ย?” หิรัญถามคนที่วิ่งมาหลบด้านหลังตนอย่างสงสัย “พี่รัญช่วยผมด้วย ไอ้ขุนมันบ้าไปแล้ว” แม่ทัพบอกด้วยสีหน้าตื่นๆ ตั้งแต่ที่คบหากันมานาน เขายังไม่เคยเห็นเพื่อนรักออกอาการคลุ้มคลั่งขนาดนี้มาก่อน    “บ้างั้นเหรอ! มึงโทรไปฟ้องพ่อกูว่าไง” คนที่เจอะเจอกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่สุดในชีวิต ยกมือขึ้นชี้หน้าถามอย่างรู้สึกเดือดๆ “ก็แค่แหย่เล่นๆ เท่านั้น ใครจะไปคิดว่าพ่อมึงจะเชื่อ” แม่ทัพออกตัว  “ไอ้เชี่ย! แน่จริงอย่าหลบข้างหลังพี่รัญสิวะ” ขุนพันพยายามจะจับแขนของอีกฝ่าย แต่ก็พลาด!  “หยุดทั้งสองคนเลย เป็นเพื่อนกันมีอะไรก็ค่อยๆ คุยกันสิ” คนที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสมรภูมิรบ ถูกยื้อไปและรั้งมา บอกอย่างทนไม่ไหว “ผมเลิกเป็นเพื่อนกับไอ้ทัพแล้วครับพี่รัญ” ขุนพันตอบพร้อมกับยืนรอจังหวะงามๆ เพื่อจะเอาคืน “ขุน! มึงจะมาโกรธกูคนเดียวไม่ได้นะ ไอ้จอมเป็นคนบอกให้ทำ อีกอย่างกูประชุมอยู่มึงก็รู้ โทรมาคุยแต่เรื่องไร้สาระอยู่นั่นแหละ พอไม่รับสายมึงก็ส่งข้อความจิกอย่างกับกูเป็นเมียน้อยงั้นแหละ” แม่ทัพทำท่าทีขึงขังกลับทันใด “หึ! แล้วทีมึงล่ะ! เมาแล้วโทรมาเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้กูฟังตอนตีสาม-ตีสี่เป็นประจำ ขนาดกูง่วง กูยังต้องแหกตามาฟังมึงพูด ซึ่งกูก็จับใจความไม่ได้แม้แต่คำเดียว แต่กูก็ยังแกล้งขานรับ อือๆ อาๆ ฟังมึง จนมึงหลับคามือถือไปทุกครั้ง” ขุนพันต่อว่าอย่างน้อยใจ  “ไม่จริง! กูไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่” แม่ทัพส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อว่าตนเองจะโทร. ไปหาอีกฝ่ายตอนเมา “มึงจะฟังไหมล่ะ กูอัดคลิปเสียงมึงเอาไว้ด้วย” ขุนพันล้วงมือถือขึ้นมา เตรียมจะเปิดหลักฐานให้ฟัง “ขุน! เค้าขอโทษ เดี๋ยวเค้าโทรไปสารภาพบาปกับอาคงให้” แม่ทัพรีบอ้อน แม้จะยังไม่เชื่อว่าตนทำอะไรแบบนั้นตอนเมา แต่ก็ไม่เสี่ยงให้เพื่อนรักเปิดคลิปเสียงต่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด “มึงรู้ไหมว่าพ่อกูถือมีดดาบมาฟันหุ่นกูพังไปกี่ตัว” ขุนพันบอกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “กี่ตัว” แม่ทัพถามเสียงอ่อน “สี่ตัว” คนที่รักหุ่นเหนือสิ่งอื่นใด ถึงขั้นเปิดแอร์ เปิดหนัง และเปิดเพลงให้หุ่นฟัง ก็ทำมาแล้ว ตอบด้วยน้ำเสียงตึงๆ “เดี๋ยวซื้อคืนให้” แม่ทัพยื่นข้อเสนอเพื่อแสดงความรับผิดชอบ หลังทราบมูลค่าความเสียหาย “อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ กันแล้ว ทำไมต้องแกล้งกันแรงขนาดนี้ฮะ” หิรัญเตือนเพื่อนรักของน้องชาย ทั้งที่ตนเองเพิ่งจะประกาศขึ้นชกบนสังเวียนกับคู่อริไปหยกๆ “ผมผิดเองครับ ขอโทษนะขุน ต่อไปนี้ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่” แม่ทัพให้สัญญาพร้อมกับส่งนิ้วก้อยไปง้อเพื่อนรัก “ไอ้เชี่ย!” ขุนพันปัดมือของอีกฝ่ายทิ้งทันที “เอาน่าขุน ไหนๆ ทัพก็สำนึกผิดแล้ว พี่ว่าเราไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า” หิรัญไกล่เกลี่ยให้สองหนุ่มสงบศึกกัน เพราะตนเริ่มรู้สึกหิวข้าวขึ้นมานิดๆ “ใช่ๆ เดี๋ยวผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงไถ่โทษขุนพันเองครับ” คนมีความผิดรีบเสนอตัว “นะ! ถือว่าพี่ขอ” หิรัญจ้องมองใบหน้าที่ยังบูดบึ้งของหนุ่มมาดขรึม ที่วันนี้ออกอาการฟิวส์ขาดอย่างเห็นได้ชัด “ก็ได้ครับ ผมเห็นแก่พี่รัญ” ขุนพันยอมจบอย่างว่างาย เพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่เป็นกังวลกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่วายหันไปคาดโทษเพื่อนตัวแสบ “ถ้ามีครั้งหน้า มันจะไม่จบแค่ตรงนี้” “เค้าให้สัญญา” แม่ทัพฉีกยิ้มแล้วดัดเสียงให้น่าสงสาร พร้อมกับส่งนิ้วก้อยไปรอเกี่ยว “ไอ้บ้า!” ขุนพันปัดมือของเพื่อนทิ้งอย่างรำคาญที่อีกฝ่ายทำตัวปัญญาอ่อน  “ทำเสียงปกติเถอะทัพ พี่ขนลุกหมดแล้ว” หิรัญบอกอย่างรู้สึกขำๆ ที่   อีกฝ่ายทำเสียงสอง แล้วฟังดูแปร่งๆ ชอบกล “อุบาทว์จริงๆ” ขุนพันกลอกตาก่อนจะเดินกลับไปที่รถ แล้วยื่นมือให้คนสนิทถอดนวมออกด้วยสีหน้าเซ็งๆ จากนั้นก็พากันออกเดินทางไปยังไนต์คลับหรูของหิรัญ แต่กระนั้น! ความแค้นและความโกรธที่มีต่อแม่ทัพก็ยังคงสุมอยู่ในใจของขุนพันเช่นเดิม เช้าวันต่อมา...มาลีน อินธิรากรณ์ วัย 48 ปี หม้ายสาววัยกลางคนที่ยังคงหุ่นสวยแซบ เพราะออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ หยิบชุดเดรสจากแบรนด์ดังขึ้นมาสวม เตรียมจะออกเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน เพื่อบินไปร่วมทำบุญกับคนอื่นๆ ที่เชียงใหม่ แต่คนสนิทก็ดันโทร. มาแจ้งข่าวสุดช็อกว่าตอนนี้บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอนั้น ได้คบหากับสาวคนหนึ่งและพามาอยู่ด้วยที่คอนโดสักพักหนึ่งแล้ว เธอจึงต้องรีบแจ้นมาดูให้เห็นกับตา “ทัพ! ทัพ! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ” มาลีนเอื้อมมือไปสะกิดเรียกบุตรชายที่นอนแก้ผ้าหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงกับหญิงสาวที่มีใบหน้าจิ้มลิ้ม แลดูอ่อนเยาว์ราวกับเด็กสาวอายุ 18-19 ก็ไม่ปาน  “แม่!” แม่ทัพลืมตาขึ้นมองแล้วเห็นมารดามายืนอยู่ข้างๆ เตียง ก็ถึงกับตกใจ พอจะขยับตัวลุกก็พบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์นอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดของตน ‘ให้ตายสิ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย?’ มาลีนถลึงตาใส่บุตรชาย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงตึงๆ “ลุกมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยนะ นี่ใคร?”  “เอ่อ...” ขณะที่แม่ทัพพยายามขบคิดว่าสาวสวยในอ้อมกอดกับตนมาลงเอยกันที่เตียงได้ยังไง อยู่ๆ ก็มีเสียงข้อความในมือถือดังขึ้นติดๆ กัน เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบมาเปิดดู ก็ทำให้รู้ว่าตัวเองนั้นถูกขุนพันจัดฉากทั้งหมดขึ้น เพื่อเอาคืนเรื่องเมื่อวาน ที่เขาแกล้งโทร. ผิดไปหาบิดาของอีกฝ่าย ‘ไอ้เชี่ยขุน แม่ง! ระยำจริงๆ’  “เด็กคนนี้เป็นใคร?” มาลีนถามด้วยสีหน้าตึงๆ กลัวว่าหญิงสาวจะอายุไม่ถึงยี่สิบปี และนั่นอาจจะทำให้บุตรชายของเธอได้ไปนอนเล่นอยู่ในคุก ฐานพรากผู้เยาว์ ชายหนุ่มก้มลงมองใบหน้างดงามของสาวในอ้อมกอดนิ่ง รับรู้ได้ถึงอาการสั่นเทานิดๆ ซึ่งเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะตื่นอยู่แล้ว เพียงแค่แกล้งหลับตาเท่านั้น “อ๋อ! เธอเป็นเมียผมเองครับ” แม่ทัพตีเนียนเล่นบทผัวของนางฟ้าคนสวยทันที  “เมีย!” มาลีนทวนคำอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าจะได้ยินคำนี้ออกจากปากของบุตรชายที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าชาตินี้จะขออยู่เป็นโสด  คนที่ถูกจ้างให้มาเล่นละครแกล้ง รีบลืมตาขึ้นมองอย่างตกใจ ‘บ้าจริง! ทำไมเขาไม่โวยวายหรือผลักเราออก แถมยังยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าเราเป็น เมียอีก?’ “ครับ ใช่!” แม่ทัพยกยิ้มมุมปากพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น  “มะ...ไม่ใช่ค่ะ คือว่าหนู...” คนที่รอสัญญาณ รอแล้ว รอเล่า แต่ก็ไม่มีใครโทร. เข้ามาแล้วบอกว่าเซอร์ไพรส์สักที แถมสถานการณ์ต่างๆ ก็เริ่มจะแย่ลงเรื่อยๆ เพราะมือหนาของอีกฝ่ายเริ่มลูบไล้ และล้วงต่ำลงไปยังจุดสงวน จนเธอต้องรีบตะครุบมือของเขาเอาไว้ “แหม...ที่รักไม่ต้องอายหรอก คุณแม่ผมท่านเป็นคนสมัยใหม่ ไม่ถือเรื่องที่เราอยู่กินกันก่อนแต่งครับ” แม่ทัพยิ้มยั่วพร้อมกับขยิบตาหยอกเย้าแม่กระต่ายน้อยๆ ที่เพิ่งจะมาตื่นตูมเอาตอนนี้ ‘ยัยนี่คงจะเป็นเด็กเอนที่รับงานนอกมาเยอะสินะ ถึงใจกล้ากระโดดขึ้นมานอนแก้ผ้าอยู่บนเตียงกับผู้ชายที่ไม่รู้จักแบบนี้ หึ! เดี๋ยวพ่อจะจัดให้จนไม่มีแรงจะคลานลงจากเตียงเลยคอยดู’ “ใช่จ้ะหนู แม่น่ะไม่ถือ กลับดีใจด้วยซ้ำ เพราะอยากให้ทัพมีคนรักและสร้างครอบครัวมานานแล้ว” มาลีนฉีกยิ้มกว้างอย่างชอบใจ “เอ่อ...จริงๆ แล้วหนูไม่...” ช่อเอื้องน้ำตาคลอ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่จ้างงานเธอถึงยังไม่ยอมโทร. เข้ามาเคลียร์  มาลีนเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่อยู่บนผนังห้อง ก็รีบตัดบทเพราะกลัวจะตกเครื่อง “แม่ต้องขอตัวไปธุระก่อน พรุ่งนี้ทัพพาแฟนไปทานมื้อเย็นที่บ้านเรานะลูก”  “ได้ครับแม่” คนที่ตอนนี้กำลังตื่นไปทั้งตัวรีบขานรับทันใด “คุณหญิงคะคือว่า...” ด้านคนที่ถูกมือหนาจับหน้าอก เอ่ยเรียกอย่างต้องการความช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายก็รีบเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย  เธอค่อยๆ หันไปมองชายหนุ่มซึ่งน่าจะสูงราวๆ ร้อยเก้าสิบ ก็ทำให้เห็นใบหน้าคมเข้มที่ถูกรายล้อมไปด้วยหนวดเครา และผมที่ยาวจนสามารถรวบมัดขึ้นสูงได้ ขยับเข้ามาใกล้จนเธอต้องรีบผละออก  “จะไปไหน” แม่ทัพถามคนที่กำลังดิ้นพล่านอย่างรู้สึกขำๆ “กรี๊ดดดด” ช่อเอื้องกรีดร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่ออีกฝ่ายดึงผ้าห่มที่คลุมเนื้อตัวอันเปลือยเปล่าของเธอและเขาอยู่ โยนทิ้งลงข้างๆ เตียง ทำให้เห็นอะไรบางอย่างเข้าเต็มๆ ตา  “จะอายทำไม เธอมาที่นี่เพราะอยากเป็นเมียฉันไม่ใช่เหรอ?” แม่ทัพมองสำรวจเรือนร่างอันแสนจะเย้ายวนอย่างรู้สึกอึ้ง ‘ให้ตายสิ! หน้าตาอย่างกับเด็กมัธยม แต่หุ่นอย่างกับท็อปโมเดล’  “ยะ...อย่าทำอะไรหนูนะ พะ...เพื่อนคุณเขา...” คนที่อ่อนต่อโลก รีบหลับตาลงและยกมือไหว้อย่างหวาดกลัวกับขนาดอลังการของผู้ชาย ที่เพิ่งจะเคยเห็นเป็น ครั้งแรก “หึ! แสดงละครเก่งนะเรา” แม่ทัพยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะจับข้อมือบางออกให้พ้นทาง แล้วก้มลงจูบริมฝีปากอวบอิ่มของสาวตรงหน้าอย่างให้รางวัลที่อีกฝ่ายแสดงบทเด็กสาวไม่ประสีประสาได้แตกกระจาย “อะ...อื้อ...” คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพยายามผลักไสร่างสูงออก แต่ก็ไม่เป็นผล ก่อนจะตกใจ เมื่ออยู่ๆ อีกฝ่ายขยับเลื่อนริมฝีปากลงมาดูดกลืนปลายถันของเธอ “อืม...” แม่ทัพครางในลำคออย่างถูกใจ  “อะ...อื้ม...” ช่อเอื้องครวญครางกับความเสียวซ่านที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อน ทำให้เธอเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่แสนจะรัญจวนใจ แม่ทัพไล้ปากต่ำลงมาจนถึงจุดกึ่งกลางที่ไวต่อความรู้สึกของอิสตรี จากนั้นก็จับขาเรียวงามทั้งสองข้างให้อ้าออกกว้าง แล้วจ้องมองกลีบดอกไม้งามที่อวบอูมอย่างหลงใหล “ยะ...อย่าทำอะไรหนูเลยค่ะ” ช่อเอื้องอ้อนวอนเสียงสั่นพร่า “ฉันจะนุ่มนวลกับเธอ” แม่ทัพเอ่ยปลอบก่อนจะก้มลงใช้ลิ้นควานหาน้ำหวานจากกลีบและเกสรของดอกไม้งาม “อะ...อื้อ...” ช่อเอื้องพยายามจะร้องห้าม แต่ก็ไม่อาจต้านทานอีกฝ่ายได้ เธอจิกเล็บลงกับผ้าปูที่นอนแน่น ความเสียวซ่านจากปลายลิ้นอุ่นๆ ของเขา ก่อตัวขึ้นจนถึงขีดสุด เธอเกร็งกระตุกติดๆ กัน 5-6 ครั้ง และชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า แม่ทัพตวัดเลียหยดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ที่พรั่งพรูออกมา หลังสาวเจ้าถึงจุดไคลแม็กซ์  “ไม่นะ!” ช่อเอื้องกรีดร้องขึ้นทันทีที่ลิ้นอุ่นๆ ของเขาแตะสัมผัสลงยังจุดกึ่งกลางความเป็นหญิงอีกครั้ง ทั้งดูดกลืน รัวลิ้นขึ้นลงเร็วๆ จนเธอบิดเร่าไปมาอย่างทรมาน ก่อนจะกรีดร้องขึ้นกับความสุขสมที่อีกฝ่ายมอบให้เป็นครั้งที่สอง       “อะ...กรี๊ดดดด”  แม่ทัพดูดกลืนหยดน้ำหวานจากดอกไม้งามที่ทะลักหยาดเยิ้มออกมาอย่างถูกใจ จากนั้นก็จูบซุกไซ้ต้นขาและเอวบางขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนจะขย้ำดอกบัวตูมเบาๆ และดูดกลืนปลายถันอย่างหิวกระหาย  “ไม่เอาแล้ว...อะ...อื้อ...” ช่อเอื้องเอ่ยอ้อนวอนเนื้อตัวสั่นเทา หลังเหลือบไปเห็นอาวุธคู่กายของอีกฝ่ายที่มีขนาดยาวใหญ่และงองุ้ม แลดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก แม่ทัพไม่สนคำห้าม รีบจับความเป็นชายถูไถกลีบดอกไม้งามที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวานขึ้นลงอย่างช้าๆ “อย่าค่ะ” ช่อเอื้องยกมือไหว้และพยายามจะถดตัวหนีสัมผัสของอีกฝ่าย แม่ทัพรีบจับสะโพกของสาวเอาไว้มั่น จากนั้นก็จับความเป็นชายดันแทรกผ่านทางรักที่คับแน่น แล้วออกแรงดันเข้าไปทีเดียวครึ่งลำ โดยไม่ปล่อยให้เธอได้ตั้งตัวและเตรียมใจรับกับขนาดที่ใหญ่โตของตน กึก! “อ๊ะ!...กรี๊ดดดดด” ช่อเอื้องสะดุ้งเฮือก! รู้สึกเจ็บปวดตรงกลางความเป็นหญิงราวกับจะฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆ  ‘พระเจ้า! เราเป็นผู้ชายคนแรกของยัยเด็กนี่เหรอเนี่ย?’ แม่ทัพถามตัวอย่างมึนงง หลังทะลวงผ่านเยื่อบางๆ มาได้สดๆ ร้อนๆ เขาก็ต้องหยุดชะงักการกระทำทั้งหมดไปทันใด  “หนูเจ็บ...เอาออกไปเถอะค่ะ ได้โปรด...” ช่อเอื้องอ้อนวอน ขณะที่หยดน้ำอุ่นๆ ไหลรินอาบแก้มเป็นทาง  “ฉันหยุดไม่ได้” แม่ทัพก้มลงกระซิบบอก แล้วใช้มือเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้างออกให้สาวเจ้าอย่างแผ่วเบา ขณะเดียวกันก็ทรมานกับความคับแน่นที่บีบรัดแก่นกายจนปวดหนึบไปทั้งลำ “ฮึก...ฮึก...” ช่อเอื้องสะอื้นเบาๆ จะดิ้นหรือขยับหนีก็ไม่ได้ มันปวดร้าวจนต้องนอนร้องไห้อยู่นิ่งๆ แม่ทัพเขาจูบซับหยดน้ำตาให้นางฟ้าคนสวย ก่อนจะเริ่มปลุกเร้าอารมณ์อีกครั้ง อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน พอเธอผ่อนคลาย ก็รีบดันส่วนที่เหลือเข้าไปจนสุดทาง กึก!  “กรี๊ดดดดด” ช่อเอื้องกรีดร้องเสียงดังปานจะขาดใจ หลังถูกเติมเต็มด้วยขนาดที่ใหญ่ ก็ทำให้ร้าวระบบและปวดตุบๆ จนเนื้อเต้น แม่ทัพก้มลงจูบหลอกล่อนางฟ้าคนสวยให้หลงเคลิ้มไปกับสัมผัสของตน ก่อนจะค่อยๆ ขยับเคลื่อนตัวเข้าออกช้าๆ  “ซี้ดดดด....รัดแน่นจังเลยคนสวย” แม่ทัพกัดฟันข่มความเสียวซ่านที่โอบล้อมและบีบรัดความเป็นชายแน่น จนแทบจะขยับเข้า-ออกไม่ได้ “อะ...อื้อ...” ช่อเอื้องที่คลายความเจ็บไปบ้าง ค่อยๆ ถูกความเสียวซ่านเข้าแทนที่ แต่ขนาดที่ยาวและใหญ่ ก็ทำให้ต้องใช้มือดันหน้าท้องซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นของอีกฝ่ายไม่ให้เข้ามาลึกจนเกินไป “ซี้ดดดด...” แม่ทัพที่ตื่นเต้นและทนต่อความเสียวซ่านอีกไม่ไหว รีบเร่งจังหวะรักให้เร็วขึ้น ทั้งที่ไม่เคยเสร็จกิจไวขนาดนี้มาก่อน “อ๊ะ...กรี๊ดดดด” ช่อเอื้องกรีดร้องขึ้นเมื่อแตะขอบสวรรค์เป็นครั้งที่สาม  “อะ...โอ้ว...” แม่ทัพที่เสียวจนแทบคลั่ง ปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวของนางฟ้าคนสวยทุกหยาดหยด ก่อนจะเกร็งกระตุกติดๆ กัน  ช่อเอื้องตัวแข็งทื่อไปทันใด หลังรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่าง ที่พวยพุ่งเข้ามาในตัว และเอ่อล้นความเป็นหญิง “พระเจ้า!” แม่ทัพอุทานเสียงเบาหวิว หลังจัดการโซเดมาคอมกับสาวที่คิดว่าเป็นหญิงขายบริการและรับงานนอกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่า...เขากลับคิดผิด เพราะเธอคือสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านมือของชายใดมาก่อน “ฮึก...ฮึก...” ช่อเอื้องสะอื้นเบาๆ หลังสูญเสียสิ่งสำคัญไปเพราะความคิดตื้นๆ ที่ว่าทุกอย่างจะจบลง เมื่อผู้ว่าจ้างโทร. มาบอกว่าเรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องอำกันเล่น แต่เปล่าเลย! ไม่มีใครโทร. มา และเธอเองก็ไม่มีโอกาสได้เอ่ยคำอธิบายหรือ  แก้ตัวใดๆ   แม่ทัพขยับตัวออก แล้วจ้องมองแผ่นหลังบางที่สั่นไหวของหญิงสาวอย่างเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน จากตอนแรกที่อยากจะสั่งสอน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกสงสาร และภูมิใจที่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ “จะไปไหน” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นสาวเจ้าขยับตัวเตรียมจะลุกจากเตียง  “ฮึก...” ช่อเอื้องไม่ตอบ แต่ก้มลงเก็บผ้าเช็ดตัวที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาพันรอบตัวอย่างรวดเร็ว แม่ทัพขยับลุกไปดึงร่างบางเข้ามากอดอย่างรู้สึกขัดใจ ที่สาวเจ้าทำท่าจะชิ่งหนี ทั้งๆ ที่ตนยังไม่ได้แก้มือเรื่องบนเตียงที่เมื่อครู่ไปไวกว่าทุกครั้งเลย “ปล่อยค่ะ!” ช่อเอื้องบอกก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างทิ้ง และพยายามแกะมือของคนป่าเถื่อนออกจากเอวอย่างรู้สึกโกรธ “จะไปไหน?” แม่ทัพถามพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม  “ฮึก...คุณทำแบบนี้กับหนูทำไม คุณก็รู้ว่าเพื่อนของคุณแค่แกล้งเล่นเท่านั้น ฮือๆๆ” ช่อเอื้องต่อว่าและปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บใจ ที่กว่าอีกฝ่ายจะยอมฟังเธอทุกๆ อย่างก็ไม่อาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก “แล้วเธอเห็นฉันขำหรือเปล่าล่ะ?” คนที่รู้ตัวว่าทำเกินกว่าเหตุ เพราะอดใจไม่ไหว แสร้งทำเสียงแข็งใส่ทันที “ฮึก...งั้นหนูขอโทษก็ได้ค่ะ คุณปล่อยหนูไปเถอะนะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องคุณ” ช่อเอื้องยกมือไหว้อย่างหวาดกลัว เพราะตอนที่กดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดนี้ เธอเพิ่งรู้ว่าทั้งชั้นเป็นของเขาทั้งหมด หากเธอบอกว่าจะแจ้งความหรือเอาเรื่อง อีกฝ่ายอาจจะไม่ยอมปล่อยให้เธอได้กลับบ้าน “ง่ายไปไหม?” คนที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะง้อและขอโทษ แต่พอเห็นสาวเจ้ามีท่าทีอ่อนลง ปฏิกิริยาของเขาก็แข็งกร้าวขึ้นมาโดยอัตโนมัติ “แล้วคุณจะให้หนูทำยังไงล่ะ ถ้าคุณจะโกรธใครสักคน ก็ควรไปโกรธเพื่อนของคุณถึงจะถูก หนูแค่ถูกเขาจ้างมาก็เท่านั้น” ช่อเอื้องต่อว่าคนเถื่อน  “ไอ้ขุนน่ะ! ฉันจัดการแน่” แม่ทัพบอกอย่างหัวเสียขึ้นมานิดๆ เมื่อเอ่ยถึงเพื่อนรัก ซึ่งไม่รู้เป็นบ้าอะไรถึงได้จ้างเด็กสาวที่ไร้เดียงสามาแกล้งตน “งั้นก็ปล่อยแขนออกจากเอวหนูสักทีสิ” ช่อเอื้องบอกอย่างทนไม่ไหว “หึ! เธอคิดว่าปัดความผิดให้คนอื่นแล้วตัวเองจะรอดงั้นเหรอ” แม่ทัพพยายามจะยัดเยียดความผิดให้กับหญิงสาว ทั้งที่จริงแล้วเป็นเรื่องระหว่างตนกับเพื่อนรักล้วนๆ “ก็แล้วคุณจะให้หนูทำไงยังล่ะ ฮึก...หนูผิดมากเหรอที่อยากได้เงิน ฮือๆๆ” เธอร้องไห้ออกมาอย่างรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา ที่เกิดมาก็มีแต่พ่อ ซ้ำร้ายท่านยังมาป่วยเป็นอัมพฤกษ์เมื่อสองเดือนก่อน ทำให้เธอซึ่งเรียนจบมัธยมปลายมาได้หมาดๆ หมดโอกาสเข้าเรียนต่อในมหา’ลัย เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ แม่ทัพได้ฟังคำตอบซื่อๆ ของสาวเจ้าก็ถึงกับจุกแน่นไปทั้งหน้าอก “คุณปล่อยหนูไปเถอะนะคะ หนูต้องไปดูแลพ่อ ฮึก...” ช่อเอื้องยกมือไหว้ขอความเห็นใจจากอีกฝ่ายอีกครั้ง “พ่อเธอเป็นอะไร?” คนที่อยากจะสานต่อความสัมพันธ์รีบถาม “คุณพ่อเป็นอัมพฤกษ์ค่ะ” ช่อเอื้องบอกพร้อมกับดึงปลายผ้าเช็ดตัวขึ้นมาเช็ดน้ำตา “โกหกหรือเปล่า” แม่ทัพถามอย่างรู้สึกสองจิตสองใจ กลัวว่าสาวตรงหน้าจะแค่หาข้ออ้างชิ่งหนีตน “หนูสาบานค่ะ คุณพ่อเป็นอัมพฤกษ์จริงๆ” ช่อเอื้องรีบชูสามนิ้วยืนยัน “เธออายุเท่าไหร่?” แม่ทัพถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง  “18 ค่ะ จะ 19 อาทิตย์หน้า” หญิงสาวตอบตามตรง “ให้ตายสิ! เธอน่าจะบอกฉันเร็วกว่านี้” แม่ทัพสบถออกมาอย่างรู้สึกหงุดหงิดแกมโมโห พลางนึกไปถึงตอนที่ตนเองถูกตำรวจบุกจับที่หน้าคอนโด และมีนักข่าวมารุมถ่ายรูปพร้อมกับจ่อไมค์สัมภาษณ์ ครืด...ครืด.... ขณะที่แม่ทัพกำลังจินตนาการเตลิดว่าตัวเองกำลังจะได้เข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำอยู่นั้น อยู่ๆ เสียงสั่นของมือถือก็ดังขึ้นที่ใต้เตียง เขาจึงรีบก้มลงถามคนที่อยู่ในอ้อมกอด “เสียงมือถือของเธอเหรอ?” “ใช่ค่ะ หนูขออนุญาตรับสายได้ไหมคะ” ช่อเอื้องรีบพยักหน้ารับ “ได้สิ! แต่ต้องเปิดลำโพง” แม่ทัพบอกพร้อมกับคลายอ้อมแขนออกอย่าง ว่าง่าย “ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือของตัวเองที่ซ่อนเอาไว้ออกมากดรับสาย พร้อมกับเปิดสปีกเกอร์โฟนตามที่อีกฝ่ายบอก [เอื้อง! อยู่ไหนลูก] ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน [เอ่อ...กำลังจะกลับค่ะป้านิล] เธอตอบพลางเหลือบไปมองใบหน้าหล่อเหลาแบบโหดๆ ที่กำลังจ้องมองมาอย่างรู้สึกดีใจ ที่สามารถหาข้ออ้างในการกลับบ้านได้ [เมื่อครู่พ่อหนูล้มหัวฟาดพื้น ตอนนี้ป้ากับลุงกำลังพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล]  [พ่อ!] ช่อเอื้องเอ่ยเรียกอย่างตกใจ [เอื้องรีบตามไปที่โรงพยาบาลนะลูก] [ค่ะป้านิล เดี๋ยวหนูจะรีบตามไป] [จ้ะ! งั้นแค่นี้ก่อนนะ] ปลายสายบอกจบก็วางสายไปทันที “เสื้อผ้าของเธออยู่ไหน?” แม่ทัพสะกิดเรียกคนที่กำลังอยู่ในอาการช็อก “ยะ...อยู่ในห้องน้ำค่ะ” ช่อเอื้องบอกเสียงสั่น “เดี๋ยวฉันไปเอามาให้” แม่ทัพคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่าง แล้วขยับลงจากเตียง ตรงไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว “ฮึก...ฮือๆๆ” ช่อเอื้องร้องไห้พร้อมกับต่อว่าตัวเองที่ไม่ควรจะรับงานนี้ตั้งแต่แรก   แม่ทัพเดินกลับมาพร้อมกับถุงกระดาษ แล้วจัดการสวมเสื้อผ้าให้กับสาวที่กำลังร้องไห้อย่างรู้สึกตื้อในหัวใจ  “ขะ...ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องอยากจะปฏิเสธ แต่วินาทีนี้เธอไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงใดๆ ที่จะต่อต้านอีกฝ่าย “รอแป๊บ! เดี๋ยวฉันจะไปส่ง” แม่ทัพสวมใส่เสื้อผ้าให้สาวเจ้าเสร็จ ก็ก้มลงกระซิบบอก ก่อนจะวิ่งไปหยิบเสื้อกับกางเกงของตัวเองมาสวมอย่างรวดเร็ว  “คุณไม่ต้องไปก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปเอง” ช่อเอื้องบอกอย่างรู้สึกเกรงใจ “ฉันจะไปส่ง เรายังไม่จบเรื่องกันนะ แต่ฉันจะพักโทษของเธอเอาไว้ก่อน” แม่ทัพบอกพลางหันไปหยิบกระเป๋าเงินและกุญแจรถสปอร์ตมาถือ “หมายความว่ายังไง? หนูยังติดค้างอะไรคุณอีก” ช่อเอื้องถามอย่างรู้สึก  มึนงงกับคำพูดของอีกฝ่าย “กะ...ก็แม่ฉันไง แม่ฉันคิดว่าเธอเป็นเมียฉันแล้ว” แม่ทัพตอบไม่เต็มเสียง “คุณโกหกท่านเองไม่เกี่ยวกับหนู” ช่อเอื้องบอกอย่างรู้สึกโกรธ “ไม่เกี่ยวได้ยังไง เธอน่ะเกี่ยวเต็มๆ เลย” แม่ทัพสวนกลับอย่างไม่ยอม “หนูไม่เกี่ยว” ช่อเอื้องบอกด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “เกี่ยว” แม่ทัพรีบเข้าไปช้อนอุ้มคนที่ไม่น่าจะมีแรงลุกเดินขึ้นอย่างไม่รอช้า “อ๊ะ! จะทำอะไร?” ช่อเอื้องถามเสียงหลง “ก็อุ้มเธอไง” แม่ทัพกลอกตาก่อนจะเดินไปยังประตูห้องนอน  “ไม่ต้องอุ้มค่ะ” เธอพยายามจะดิ้น “ยังจะปากดี” แม่ทัพส่งสายตาดุๆ ไปให้ จากนั้นก็เดินออกไปที่ห้องรับแขกด้านนอก “สะ...สวัสดีครับบอส นะ...นี่ใครเหรอครับ” โดมที่เข้ามาเอาเอกสารสำคัญ เพื่อจะเข้าประชุมแทนผู้เป็นนาย จ้องมองหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างไม่กะพริบตา ‘ให้ตายสิ! นี่บอสกลายเป็นพวกชอบกินเด็กไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?’ “ผู้หญิงของฉันเอง” แม่ทัพบอกก่อนจะเดินหน้าตั้งไปที่ประตูหน้า “บอสจะไปไหนเหรอครับ” โดมรีบเดินตามไปเปิดประตูให้ผู้เป็นนาย  อย่างรู้งาน “ไปโรงพยาบาลไม่ต้องตาม” แม่ทัพรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ เมื่อเห็นสาว   ในอ้อมกอดซบหน้าลงที่ต้นคอ ก็เดาได้ว่าเธอคงจะอายคนสนิทของตน  “ครับ” โดมขานรับแล้วรีบกดลิฟต์ไปยังชั้นที่จอดรถให้ ช่อเอื้องเงยหน้าขึ้นบอกหลังจากที่ลิฟต์เคลื่อนตัวลงไปยังชั้นล่าง “หนูนั่ง  วินมอเตอร์ไซค์ไปคนเดียวได้ค่ะ”  “ก็บอกแล้วไงว่าฉันยังไม่จบเรื่องกับเธอ” แม่ทัพบอกเสียงเข้ม “คุณเอาบัตรประชาชนของหนูเก็บไว้ไหมคะ ถ้าเกิดรถติดมันอาจจะ...” คนที่เป็นห่วงพ่อ บอกอย่างรู้สึกเครียดนิดๆ  “รถไม่ติดหรอกน่า” แม่ทัพบอกจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ช่อเอื้องหันไปมองรอบๆ อย่างรู้สึกอึ้ง เมื่อเห็นรถซูเปอร์คาร์หลายคัน  จอดอยู่  “สวัสดีครับบอส” บอดี้การ์ดที่ประจำอยู่ยังชั้นจอดรถ รีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้ด้วยสีหน้าตื่นๆ หลังเอาแต่ชะเง้อมองใบหน้าของหญิงสาวที่ผู้เป็นนายอุ้ม  ‘ไม่อยากจะเชื่อ! บอสพาเด็กมาฟาดที่เพนต์เ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD