ศาลเจ้าแห่งโชคชะตาเต็มไปด้วยดอกไม้สีแดงหลากหลายชนิด รวมถึงผลไม้สีแดงและผ้าแพรที่ล้วนเป็นสีเดียวกัน มีตำนานเล่าขานมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวความรักของหมอยาหนุ่มกับนางแมวปีศาจพเนจร ที่ความตายทำให้ทั้งคู่ต้องพลัดพรากจากกัน และบ้างก็ว่าชายหนุ่มได้เสียสละชีวิตตน ยอมให้นางแมวควักหัวใจเขากลืนกินเพื่อต่ออายุ แต่ในเรื่องชวนสยองขวัญนี้ ทำให้หลายคนเชื่อมั่นว่ารักแท้ย่อมไร้พรมแดน ไม่ว่าคนหรือปีศาจย่อมผูกพันและรักกันได้
ดังนั้นคนหนุ่มสาวรวมถึงคนที่ต้องการความรักต่างแห่แหนกันมาไหว้ขอพรวิหคดารา เพื่อให้สมหวังพบกับความสุข ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไป๋หลิวหยาง แต่เขาไม่ทันได้ก้าวไปขอพรก็พบเหตุโกลาหลขึ้นเสียก่อน
ร่างสีขาวขนปุกปุยวิ่งวุ่นไปมา แม่ชีหลายสิบชีวิตรวมถึงชาวบ้านถือไม้ถือมีดไล่ตามสัตว์สี่ขาเป็นพรวน เสียงเอะอะโวยวายสลับเสียงแมวคำรามขู่ดังเซ็งแซ่
“ดูแมวตัวนั้นสิ ลักษณะมันพิเศษเสียจริง” ไป๋หลิวหยางว่าพร้อมกับชี้นิ้วให้ตาเฒ่ากังดู
ชั่วพริบตาเดียว แมวตัวดังกล่าวก็กระโดดสูงเผ่นโผนมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตกอยู่ในอ้อมอกของไป๋หลิวหยาง ซึ่งเขารู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างน่าประหลาด
“คุณชายระวัง!”
สิ้นเสียงชายชรา ทุกคนที่วิ่งตามแมวตัวโตต่างหยุดและพากันค้อมศีรษะให้ไป๋หลิวหยาง
“มันเป็นของข้าแล้วใช่ไหม ฮ่าๆๆ เจ้านี่มันฉลาดเหลือเกิน คงรู้สินะว่าใครจะคุ้มภัยให้ได้”
แมวตัวนั้นร้องเหมียวๆ แล้วอ้อนเขาด้วยการเลียหลังมือ ลิ้นสากๆ ที่มีปุ่มปมแหลมทำให้เขาจั๊กจี้
“อย่ามาอ้อน เจ้าก่อความผิดไว้ก็ต้องถูกลงโทษ”
ไป๋หลิวหยางกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนกับแมวตัวดังกล่าว แล้วสังเกตเห็นว่าหน้ามันดูหวานจัด ดวงตากลมโตน่ารักน่าชังจนเขาใจสั่น
“หากคุณชายไป๋เห็นแก่ความถูกต้องก็ปล่อยมันไปเสียเถอะขอรับ บ่าวคิดว่าแมวสกปรกตัวนี้ควรได้รับโทษ” ตาเฒ่ากังเอ่ย เป็นตอนนั้นที่แมวหันไปมองเขาและส่งสายตาวาววามใส่
“ดูสิ มันร้ายขนาดนี้ บ่าวคิดว่าไม่สมควรอุ้มชูหรือให้ท้ายมัน”
“พ่อบ้านกัง ข้าแค่นิยมที่มันแสนรู้ เจ้าอย่าคิดเล็กคิดน้อยอันใด”
ไป๋หลิวหยางพูดจบก็กวาดตามองไปรอบๆ ตัวเขา ก่อนเอ่ยถามเสียงกังวาน
“หากข้าอยากเลี้ยงอาหารแมวพเนจรน่าสงสารตัวนี้ และให้ที่พำนักแก่มันสักคืนสองคืน มีผู้ใดขัดข้องหรือไม่”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างพากันส่ายหน้าหวือ ก่อนยกมือยกไม้ขอมีส่วนร่วมในการเลี้ยงข้าวปลาอาหารแมวตัวสีขาวขนปุกปุยอย่างแข็งขัน
“ขอบใจทุกท่าน ตอนนี้ข้าต้องขอเวลาส่วนตัวเพื่อขอพร...”
สิ้นเสียงคุณชายตระกูลไป๋ ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันแยกย้ายจากไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋หลิวหยางกระชับอ้อมกอดของตน และแมวขี้อ้อนก็หลับตาพริ้ม ดูเหมือนมันกำลังเคลิ้มที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเขา
“เจ้าฝันสูงเกินไปแล้ว ข้าแค่สงสารกลัวเจ้าถูกตีจนตายก็เท่านั้น” เขาว่าจบก็เตรียมปล่อยมันลงบนพื้น แต่นางแมวกลับออเซาะ ทั้งใช้ศีรษะซุกซบอกเขา ลิ้นสากๆ คอยแลบเลียมือเขาอย่างประจบ
เด็กหนุ่มเพ่งพิศมันอีกหนก่อนตำหนิ ด้วยล่วงรู้ว่ามันเป็นแมวเพศเมีย
“สตรีและบุรุษควรใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้หรือ”
เมี้ยว! เมี้ยว!
นางแมวร้องตอบ ดวงตากลมโตสองสีของมันมองเขาอย่างแสนรู้
“นางแมวป่า เจ้าปรารถนาสิ่งใด...ข้าคือบุรุษสกุลไป๋ ในภายภาคหน้าจะรับตำแหน่งทรงเกียรติในตำหนักไป๋เซียน นางแมวมอมแมมเยี่ยงเจ้าสมควรแล้วหรือที่จะอยู่เคียงข้างข้าเช่นนี้”
ไป๋หลิวหยางวางท่าถือตน และสังเกตเห็นว่าแมวในอ้อมกอดส่งค้อนให้ กิริยาท่าทางดูคล้ายหญิงสาวมากกว่าจะเป็นเพียงแค่สัตว์หน้าขน!!
“พิลึก เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าคล้ายดรุณี และมีมารยามากกว่าจะเป็นนางแมวหลงทาง”
เมี้ยว! เมี้ยว!
นางแมวร้องตอบอย่างฉอเลาะ พอไป๋หลิวหยางตั้งใจวางมันลงอีกหน มันก็ขัดขืนด้วยการเกาะตัวเขาแน่น
“เจ้าจะให้ข้าขอพรได้อย่างไร” เขาถาม นางแมวมองเด็กหนุ่มตาแป๋ว ก่อนแลบลิ้นแสนน่ารักออกมา จากนั้นจึงปีนไปยังไหล่เขาและเกาะอยู่อย่างนั้นราวกับยึดไว้เป็นที่พึงพิง
“ไหล่นี้เจ้าเกาะได้ข้าไม่ถือ แต่อย่าปีนขึ้นศีรษะเชียว ไม่อย่างนั้นเจ้าถูกโบยจนเนื้อแตกแน่” เขาว่าและหัวเราะชอบใจ ก่อนจะทรุดตัวลงต่อหน้ารูปปั้นวิหคดารา โดยมีตาเฒ่ากังและบ่าวอีกสองคนจัดแจงจุดธูปเทียนให้
“อยู่กับสาวสวยเช่นนี้ ข้าจะขอพรให้พบกับความรักได้อย่างไร หากกระทำเช่นนั้นนับว่าหยามหมิ่นต่อสาวงาม” เด็กหนุ่มกล่าวและใช้มือลูบขนนุ่มนิ่มของนางแมว
“เอาอย่างนี้ หากชาตินี้ข้าจะสมหวังกับสตรีสักคน ขอให้นางผู้นั้นงดงามและฉลาดเฉลียวเยี่ยงเจ้าเป็นอย่างไร” พอเขาเอ่ยจบ นางแมวพลันร้องเหมียวๆ แต่น่าประหลาดใจเหลือเกิน ด้วยต่อจากนั้นไป๋หลิวหยางคล้ายได้ยินว่า
‘อิ้งเยว่ นางแมวสองหางจากต้ากวนหมิงซาน...ยินดีรับข้อเสนอนี้ของคุณชายไป๋ บุรุษที่จะช่วยทำให้ข้าเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์!’
อิ้งเยว่เป็นแมวตัวเมียสีขาว มีขนยาวปุกปุยหูตั้ง ดวงตากลมโตงดงาม แต่สีของดวงตาทั้งสองข้างต่างกัน คือมีสีฟ้าน้ำทะเลและสีเหลืองอำพัน
นางมีอายุขัยในการบำเพ็ญเพียรราวๆ ห้าร้อยปี ทว่าสมองนางได้รับการกระทบกระเทือนหลายส่วนนับแต่ถูกบิดาผนึกเอาไว้ในถ้ำน้ำแข็งก่อนเกิดเหตุร้ายไฟไหม้ป่าจนครอบครัวนางต้องตายอย่างอนาถ ไม่กี่ปีให้หลังนางได้รับการช่วยเหลือจากเวยเฟิง ภูตสายลม
“ข้าคิดว่าถึงเวลาที่เจ้าควรออกไปดูโลกภายนอกได้แล้ว ตอนนี้โชคชะตาของเจ้าจะดีหรือร้าย คงต้องกำหนดด้วยตนเอง”
“แล้วเหตุใดข้าจดจำหลายสิ่งไม่ได้ กระนั้นหัวใจกลับเจ็บช้ำเหลือเกิน ยิ่งเมื่อรู้ว่าไม่มีครอบครัวอยู่ด้วยกันอีก”
“อิ้งเยว่ ชีวิตเจ้านับว่าอาภัพ ต่อจากนี้ข้ามองเห็น ว่าหากไม่รุ่งโรจน์ เจ้าคงต้องพบเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นจงใช้สติให้มาก อย่าผลีผลามทำสิ่งใดเกินตัว นางแมวสองหางเยี่ยงเจ้าเป็นสัตว์ที่อยู่คู่ต้ากวนหมิงซาน จำคำของข้าไว้ให้ดี” คำพูดเวยเฟิงช่วยเตือนสติอิ้งเยว่เอาไว้ กระนั้นในใจนางก็ระลึกถึงใครคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้นางยิ้มได้อยู่เสมอ ชายหนุ่มที่อยู่ในความทรงจำ
นางแมววิ่งฝ่าแสงแดดลัดเลาะสุมทุมพุ่มไม้ กระทั่งถึงย่านการค้าที่มีแม่น้ำสีแดงไหลผ่าน เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องปั้นดินเผา ทั้งผลิตใช้เองและค้าขายกับชาวต่างชาติ เป็นเมืองที่อยู่ห่างจากต้ากวนหมิงซานพันกว่าลี้ แต่ที่นางดั้นด้นมาให้ถึงเป็นเพราะได้กลิ่นหอมหวานของบุรุษคนนั้น ผู้ซึ่งมีกลิ่นอายเทพเซียน นางตามหาเขามานานจนเกือบลืมไปแล้วว่า กลิ่นนี้เป็นของชายที่ครั้งหนึ่งนางเคยขอพรร่วมกับเขาที่ศาลเจ้าแห่งโชคชะตา
อากาศในบ่ายวันนั้นอบอ้าวกว่าปกติ อิ้งเยว่มองไปตามท้องถนน หวังใจพบเป้าหมายที่ตามหา ด้วยกลิ่นดังกล่าวกระตุ้นหัวใจนางให้สั่นไหว
แน่แล้ว เขาต้องเป็นบุรุษจากตำหนักไป๋ซาน ชายผู้บริสุทธิ์ที่นางอยากลิ้มรสชาติหวานละมุนลิ้นสักครา
อิ้งเยว่จดจำกลิ่นกายนี้ได้ หลายปีก่อนเขาคงอายุราวๆ สิบห้าย่างสิบหกปี และบัดนี้เติบใหญ่ขึ้น พร้อมที่จะให้นางรับใช้เรื่องอย่างว่า ซึ่งทุกอย่างใกล้ความจริงเข้ามาทุกที นับแต่นี้นางแมวป่าแสนอาภัพจักได้ลืมตาสู่ชีวิตใหม่ ชีวิตที่มีเลือดเนื้ออย่างเช่นมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งพึงได้สัมผัส
“โลกนี้มีความลับมากมาย และข้าเชื่อว่าสามารถปรุงยาทำให้ปีศาจเช่นเจ้ามีร่างกายเหมือนมนุษย์อย่างสมบูรณ์ได้”
เสียงดังกล่าวดังเข้ามาในหัว นางไม่อาจล่วงรู้ว่าผู้ใดกล่าวไว้