ไป๋หลันปิดหน้าจอมือถือลง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แบ่งเป็นกรณี
กรณีที่ 1 เปิดเผยตัว ม่ายเวยอิงได้รับการยกย่อง งานเข้ามาเยอะมีรายได้กอบโกยได้เยอะในช่วงที่เป็นกระแสและอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้กลายเป็นดาราโด่งดังได้
กรณีที่ 2 ปิดไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ให้การตำรวจเสร็จกลับบ้าน กังวลเรื่องความปลอดภัยซึ่งอาจจะเป็นการกังวลเกินเหตุ
ม่านเวยอิงหันมามองไป๋หลันที่จอดรถได้สักพักแล้วแต่ยังไม่ขยับตัวที่จะลง จึงถามขึ้น
“เราจะไม่ลงรถหรือคะ”
ไป๋หลันสูดหายใจเข้าแล้วพูดขึ้น
“เวยเวยถ้าเราเปิดเผยตัวอาจจะไม่ปลอดภัย”
ม่านเวยอิงกระพริบตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ถาม
“ยังจะมีผู้ร้ายตามมาทำร้ายฉันหรือคะ”
น้ำเสียงของหญิงสาวค่อนข้างสูงกว่าปกติ ทำให้ไป๋หลันเข้าใจว่าอีกฝ่ายหวาดกลัว จึงรีบปลอบ
“ความจริงอาจจะไม่มีอะไร พี่อาจจะกังวลไปเอง”
ม่ายเวยอิงรู้สึกเสียใจ เธอนึกว่าตนจะได้แสดงฝีมืออีก
“ถ้าอย่างนั้น มาแล้วเราก็รีบเข้าไปเถอะค่ะ”
ไป๋หลันจึงคว้ามือไว้แล้วถาม
“เธอไม่กลัวหรือ”
“กลัว กลัวอะไรกันคะ เราต้องต่อสู้กับความดีเพื่อให้พลังชีวิตที่มากขึ้นนะคะ”
คำพูดดูเหมือนมีอุดมการณ์ ไป๋หลันแม้จะไม่กระจ่างใจในความหมายทว่าก็ยังรู้สึกแฝงความหมายแปลกๆ ม่านเว่ยอิงไม่ได้อยู่รออธิบายเธอเดินลงจากรถแล้วก้าวเข้าไปในสถานีตำรวจ
ตำรวจที่ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าจดจำม่านเว่ยอิงได้ ก็เดินเข้ามาทักทายทันที
“สวัสดีครับ มาให้ปากคำหรือครับ”
“ค่ะ”
“เช่นนั้น ตามผมมาเลยครับ” ไป๋หลันรีบก้าวเท้าเดินออกไป
“ขออภัยค่ะ ฉันเป็นผู้ปกครองของม่านเวยอิงค่ะ”
ตำรวจคนนั้นงวยงงเล็กน้อย เมื่อวานแสดงว่าไม่มีผู้ใดสอบสวนเด็กสาว แม้กระทั่งเป็นผู้เยาว์ก็ไม่มีคนทราบ
“ต้องขอโทษจริง ๆ ครับ ทางเราผิดพลาดเองเมื่อวานเด็กกล้าหาญมากจนไม่มีคาดคิดว่ายังเป็นผู้เยาว์อยู่”
“ค่ะ เธอค่อนข้างเข็มแข็ง”
ไป๋หลันพยักหน้าอย่างเข้าใจ พ่อแม่ของเด็กสาวแยกทางกันและต่างคนก็ต่างมีครอบครัวใหม่ วันที่เธอทาบทามอีกฝ่ายมาเป็นนักแสดงแม่ของเธอก็เสนอให้เป็นผู้ปกครองอย่างไม่ใส่ใจ เธอรู้สึกสงสารม่านเวยอิงมาโดยตลอด
ทั้งสองถูกเชิญเข้าไปยังรับรอง แล้วตำรวจคนนั้นหายไป
“ท่านครับ เด็กสาวคนนั้น ม่านเวยอิงยังเป็นผู้เยาว์อยู่ เรายังจะทำแผนโปรโมทพลเมืองดีเหมือนเดิมไหมครับ”
“ฮื้อ!! ผู้เยาว์อย่างนั้นหรือ”
หรงจือหยางเงยหน้าขึ้นมาแววตาสับสน จริงอยู่ที่เธอมีใบหน้าอ่อนเยาว์ไม่ขัดกับความเป็นผู้เยาว์ ทว่าแววตาของเด็กสาวมุ่งมั่นคู่นั้นทำให้เธอต่างจากเด็กสาวทั่วไปและด้วยเทคโนโลยียุคสมัยใหม่ จึงทำให้เขาไม่ฉุดคิดว่าเธอยังเด็กอยู่
ชายหนุ่มเปิดม่านมูลี่ดูเด็กสาวที่กำลังรอสอบสวนในห้องรับรอง
อ่า...เป็นเด็ก เป็นผู้เยาว์จริง ๆ ด้วย
“สอบถามผู้ปกครองว่ายินยอมหรือไม่หากไม่ก็ล้มเลิกแผน”
“ครับผม”
นายตำรวจรีบออกไปทันที เขาเดินเข้าไปนั่งหน้าเด็กสาวพร้อมทั้งเริ่มสอบสวน รายการไม่มีอะไรสำคัญเพียงแค่เป็นการให้ปากคำให้คดีสมบูรณ์เท่านั้น
ทว่าไป๋หลันที่นั่งฟังอยู่แทบจะเป็นลมจับ
แย่งปืนคนร้าย
เป็นเรื่องจริงตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเป็นพยาน เด็กน้อยของเธอไปเอาความกล้าหาญมาจากไหนกัน
เมื่อตำรวจสอบสวนเสร็จก็หันมาพูดคุยกับไป๋หลัน
“ผมมีเรื่องจะเรียนให้ผู้ปกครองของคุณหนูม่านเวยอิงพิจารณาครับ”
“คะ เรื่องอะไรคะ”
“คืออย่างนี้ครับ เหตุการณ์ในครั้งนี้นับว่าคุณหนูม่านเวยอิงได้แสดงความกล้าหาญในฐานะพลเมืองดี ทำให้การจับกุมคนร้ายในครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทางกรมตำรวจต้องการจะเกียรติบัตรชื่นชม ซึ่งจะต้องมีสื่อมวลชนเข้าร่วมมีการถ่ายภาพเปิดเผยใบหน้า ไม่ทราบว่าผู้ปกครองจะยินดีหรือไม่”
ไป๋หลันได้ยินเช่นนั้นก็รีบพูดสิ่งที่ตนเองกังวล
“คือ ความจริงแล้วน้องเป็นนักแสดงค่ะ การเปิดเผยตนไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่ว่า ฉันค่อนข้างเป็นห่วงความปลอดภัยค่ะ”
ม่านเวยอิงที่กำลังดีใจจะอยู่อยู่ในแสงได้ยินที่ไป๋หลันเอ่ยก็ตั้งใจจะขัดขึ้น ทว่านายตำรวจรีบกล่าวก่อน
“ไม่แน่นอนครับ เรื่องความปลอดภัยของพลเมืองดีย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผู้ร้ายกลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มก่อการร้ายพวกเขาไม่มีโอกาสได้ไปทำร้ายคุณหนูม่ายเวยอิงแน่นอนครับ”
การมีชื่อเสียงที่ดีย่อมเป็นผลดีต่อม่านเวยอิง ไป๋หลันพยักหน้ายอมรับทันที
ทว่าก่อนที่จะทำพิธีมอบนายตำรวจได้พาม่านเวยอิงไปพบกับคนผู้หนึ่ง เมื่อมองเห็นม่านเวยอิงก็จำได้ทันที
“คุณป้านั่นเอง ฉันนึกว่าใคร”
ม่านเวยอิงยิ้มกว้างอย่างยินดี ต้องเป็นเพราะคนคนนี้ที่ทำให้เธอได้พลังลมปราณมากกว่าปกติ
“ฉันพาลูกสาวมาขอบใจหนูนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำไปเพราะสัญชาตญาณปลอดภัยก็ดีแล้วค่ะ”
สตรีผู้นั้นหันไปหาไป๋หลันมาพูดขึ้น
“เธอเป็นคนดีจริง ๆ ค่ะ”
“ค่ะ”
ไป๋หลันพอคาดเดาเหตุการณ์ได้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยเพราะดูจากการดูแลเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตรีวัยกลางคนตรงหน้าดูแล้วน่าจะมีที่มาไม่ธรรมดา ม่านเวยอิงได้รับของขอบคุณเป็นกระเป๋าใบหนึ่งเธอกล่าวขอบคุณอย่างเกรงใจ จากนั้นก็ฝากให้ไป๋หลันถือโดยที่ไม่รู้มูลค่า ทำให้สตรีผู้นั้นยิ้มที่มุมปาก
หรงจือหยางจ้องมองพวกเขาพูดคุยอย่างเกรงอกเกรงใจ แม้ว่าจะใจอยากจะเข้าไปทักทาย ทว่าพอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เยาว์ใจก็หยุดชะงักทันที
“ทำไมเล่า อีกไม่กี่เดือนเธอก็ 18 แล้ว”
ฉีเจ๋อเอ่ยพูดขึ้น พลางปรายตามองม่านเวยอิง เมื่อสักครู่เขาแอบไปดูประวัติแล้ว ช่างเป็นเด็กสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะใจกล้าขนาดนั้น
หรงจือหยางแววตาของสหายแล้วรู้สึกไม่พอใจ จึงพูดขึ้น
“รู้มาก”
“ทำเป็นปากแข็ง แล้วจะคอยดู”
ชายหนุ่มเดินออกไปยังห้องรับรองด้านหน้าเพื่อเข้าร่วมพิธีมอบเกียรติบัตร พวกเขากล่าวคำยกย่อยอย่องกันหลายคำ จากนั้นก็ไปยืนถ่ายรูปทำข่าวรับเกียรติบัตรคุณงามความดี
ไม่น่าใช่นะ เด็กสาวตัวเล็กขนาดนั้น //งูเขียว
ในข่าวก็ไม่ใช่บอกหรือว่าเด็กสาวตัวเล็ก ๆ //กระต่ายฟันใหญ่
นักข่าวหลายคนก็จดจำม่านเวยอิงได้ จึงได้กระซิบคุยกัน
“นี่ใช่ดาราสังกัดฝูหัวไม่ใช่หรือ”
“น่าจะใช่ เด็กคนนี้ชื่อม่านเวยอิงใช่ไหม”
“ใช่ ๆ”
สื่อต่าง ๆ เริ่มตีข่าวม่านเวยอิง เด็กสาวได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากสื่อออนไลน์ ผู้คนเริ่มเสาะหาผลงานของเธอ ในเช้าวันต่อมา ม่านเวยอิงถูกนักข่าวรอทำข่าวอยู่หน้าสำนักงานฝูหัว
นางมารน้อยรู้สึกตื่นเต้นเป็นที่สุด
แสงมาแล้ว แสงมาแล้ว
“ขอสัมภาษณ์สักครู่ได้ไหมคะ” //นักข่าวช่องone
“ได้ค่ะ ๆ ขอเวลาให้น้องได้เตรียมตัวสักพักครู่นะคะ”
แม้จะฉุกละหุกทุกอย่างก็จัดแจงได้อย่างรวดเร็ว ม่ายเวยอิงยิ้มระรื่นพร้อมให้สัมภาษณ์ไม่มีเก็บอาการเคอะเขิน
“จะข่าวน้องม่านเวยอิง ได้แย่งปืนจากคนร้ายด้วยทักษะนี้ไม่ทราบว่าน้องม่ายเวยอิงได้เรียนศิลปะการต่อสู้มาก่อนหรือเปล่าคะ” //นักข่าวหมายเลข 2
คำถามนักข่าวเหล่านี้ไป๋หลันล้วนคาดเดาเอาไว้แล้ว เธอได้เตรียมคำตอบให้ม่านเวยอิงไว้ล่วงหน้าเมื่อได้ยินคำถามเธอก็ถอดใจโล่งอก
เสียงใสกระจ่างของม่านเวยอิงดังขึ้น
“ก่อนหน้าฉันพึ่งได้รับบทที่ต้องการใช้การทักษะการต่อสู้ จึงได้ฝึกมาบ้างเล็กน้อยค่ะ”
“แสดงว่าฝีมือการต่อสู้ของคุณม่านเวยอิงเกินจากเรียนไม่กี่ครั้งหรือคะ” //นักข่าวหมายเลขสาม
“น่าอายจังค่ะ ฉันทำไปด้วยสัณชาตญาณอ่ะค่ะ หลังจากเหตุการณ์สงบลงฉันก็ตกใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป หากไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่เตรียมเข้าจู่โจมคนร้ายอยู่แล้ว อาจจะมีเหตุการณ์ที่เลวร้ายเกิดขึ้นได้ค่ะ”
“ทั้งที่ตัวเองไม่เก่งแต่กล้าปกป้องคนอื่นคุณม่านเวยอิงช่างกล้าหาญจริง ๆ ค่ะ” //นักข่าวหมายเลขสอง
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าทุกคนหากอยู่ใกล้ๆ เจอเหตุการณ์เหมือนกับฉันย่อมหาวิธีปกป้องไม่ให้เด็กโดยทำร้ายเช่นกันค่ะ”
ม่ายเวยอิงกล่าวจบอย่างสวยงาม ไป๋หลันจึงพูดขึ้น
“ต้องขอโทษพี่ ๆ นักข่าวทุกท่านด้วยนะคะ น้องต้องเข้าเรียนแล้วค่ะ ต้องขอตัวก่อนนะคะ”
พอเข้ามาในอาคารสำนักงาน ม่านเวยอิงก็เดินไปเคียงข้างไป๋หลันกระซิบถาม
“พี่แบบนี้นับว่าฉันเริ่มโด่งดังแล้วหรือยัง”
ไป๋หลันพยักหน้ายอมรับ ตอนนี้ทั้งเกมโชว์และสินค้าหลายตัวก็เข้ามาติดต่อเข้ามาจำนวนมาก
ทว่าเธอเองก็ปรึกษาผู้บริหารเสียก่อนเพราะตอนนี้ม่านเวยอิงอาจจะต้องปรับแผนการการดูแลศิลปินเป็นระดับ B