ทว่าบุรุษตรงหน้ากลับปิดหน้าปิดตาตามเครื่องแบบ ยากที่จะมองออกว่าเป็นผู้ใด
มีเพียงนัยต์ตาที่ส่งผ่านออกมา แววตาที่ทอประกายอบอุ่นและห่วงใย เธอมองสบตาดวงตาสีดำคมอยู่ครู่หนึ่งม่านเวยอิงจึงได้ถอนหายใจ โล่งอก
ไม่มีทางที่คนต่ำช้าอย่างหรงจือหยาง จะใช้สายตาเช่นนี้มองนางเด็ดขาด
ในขณะที่ม่านเวยอิงเงยหน้าขึ้นมา หรงจือหยางตกตะลึงกับใบหน้าจิ้มลิ้ม น่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาวตรงหน้า ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจ และเมื่อพินิจดูอีกครั้งก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เด็กสาวแต่เป็นสาวงามผู้หนึ่ง และช่างเป็นหญิงที่มีจิตใจมั่นคง ประกายแวบแรกที่สบตา หญิงสาวยังมีความหวาดกลัว ทว่าเมื่อเห็นว่าเขาเป็นตำรวจก็มีสติได้อย่างรวดเร็ว
“คุณได้รับบาดเจ็บหรือไม่” เขาเอ่ยถามอีกครั้งอย่างใจเย็น
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากจะกลับบ้าน”
“ได้ครับ หากคุณไม่สะดวกให้ข้อมูลวันนี้ ผมจะให้เจ้าหน้าที่ไปส่ง วันหลังอาจจะเชิญคุณมาให้ข้อมูลนะครับ”
“อ่อค่ะ..”
เมื่อลงรถตำรวจ ม่านเวยอิงรีบขึ้นห้องพัก ประตูปิดสนิทเธอก็กระโดดลงบนเตียงนอนอย่างยินดี
“สักวันเราก็จะเป็นหนึ่งในใต้หล้า ฮ่า ฮ่า”
ในขณะเดียวกัน ที่สถานีตำรวจ
“เรียนหัวหน้า กระผมส่งคุณหนูม่านกลับคอนโดเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ฮืม ดีมาก อาการของเธอเป็นอย่างไรบ้าง”
“ปกติขอรับ”
“ฮืม”
ขณะนั้นประตูบานหนึ่งถูกเปิดออก
“ทำไม ข้าได้กลิ่นความห่วงใยอยู่จาง ๆ แถวนี้นะ”
ฉีเจ๋อทำจมูกฟุดฟิดไปรอบ ๆ ตัวของหรงจือหยาง
“เป็นบ้าอะไรของแก” หรงจือหยางผลักสหายออกจากตัว
“ไม่ใช่หรือ คำถาม ถามไถ่เมื่อสักครู่ไม่ใช่ว่าห่วงใยหรือ ...ทำไมเล่า ทำไมต้องร้อนตัว ฮ่า ฮ่า”
หรงจือหยางมีอาการเลิ่กลักเล็กน้อย ไม่เข้าใจตนเอง เป็นจริงที่ว่าคำถามเมื่อสักครู่ ก็เป็นคำถามปกติ เขาห่วงใยพลเมืองดีคนนั้นก็เป็นเรื่องที่สมควร
“เริ่มได้กลิ่นแปลก ๆ อีกแล้ว”
ฉีเจ๋อยังคงทำท่าทางเช่นเดิม หรงจือหยางจึงเดินหนีปิดประตูบ่งบอกว่าไม่ต้องการจะพูดคุยต่อ
เมื่อคนหนีไปแล้ว ฉีเจ๋อก็หยุดท่าทียียวน หันไปถามตำรวจคนเมื่อสักครู่
“เธอสวยมากเลยหรือ”
“น่ารักน่าเอ็นดูเลยขอรับท่าน...ท่านไม่เห็นตอนที่เธอแย่งปืนจากคนร้าย ผมแทบจะหยุดหายใจ”
ตำรวจคนนั้นหยุดพูดแล้วเดินเข้ามาใกล้ฉีเจ๋อ สายตาพลางมองไปยังประตูบานที่หรงจือหยางเดินเข้าไป พลางกระซิบพูดต่อ
“หลังจากที่พวกเราคุมสถานการณ์เรียบร้อย หัวหน้าเดินไปดูเธอเป็นคนแรก สอบถามและพูดคุยกับเธอด้วยเสียงอ่อนโยน น่าน้อยใจเหลือเกินขอรับ กระผมทำงานกับหัวหน้ามาตั้งนานยังไม่เคยได้ยินเสียงเอ่ยถามอ่อนโยนสักครั้งเลยนะขอรับ”
ฉีเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เขาได้ข้อมูลก่อนหน้าแล้ว ว่าพลเมืองดีเป็นหญิงงามบอบบางคนหนึ่ง มันน่าสนใจตรงที่น้ำเสียงของหรงจือหยางที่พูดถึงหญิงงามเมื่อสักครู่แตกต่างจากเดิมอยู่บ้าง
รู้สึกว่ามีบางอย่าง
หากใครได้ข่าวนี้ก็ล้วนแต่ตื่นเต้น สหายของเขาคนนี้แทบจะเป็นพระพุทธรูปทองคำแล้ว ไม่เคยสนใจสตรีคนใด บ้าระห่ำอยู่กับงาน จนคนตระกูลหรงเริ่มกังวลใจกลัวว่าบุตรชายไม่สนใจสตรีแล้วชื่นชอบบุรุษแทน
ส่วนหรงจือหยางที่อยู่ในห้อง เหม่อมองไปยังหน้าต่าง พลางคิดถึงฉากเหตุการณ์ในการปล้นธนาคารในครั้งนี้ ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าท่วงท่า ในขณะที่แย่งมือจากคนร้ายนั้น
ทั้งสีหน้าของหญิงสาว แววตาอันคมกริบคู่นั้นเต็มไปด้วยพลังที่ดึงดูดเขา คล้ายเกิดความรู้สึกพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้ฉากนั้นยังคงฉายหมุนเวียนขึ้นมาในขณะที่เขาเผลอเป็นประจำ
กริ้ง กริ้ง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้หรงจือหยางตื่นจากภวังค์
“จือหยาง ป้ากับน้อง เขาอยากจะขอบคุณเด็กสาวคนนั้น ได้กำหนดวันที่จะนัดมาสอบสวนเพิ่มเติมหรือยัง”
หรงจือหยางไม่ได้ปฏิเสธให้ข้อมูล
“ผมจะไปขอข้อมูลจากพนักงานสอบสวนแล้วจะแจ้งให้คุณลุงทราบอีกครั้งนะครับ”
“ขอบใจมาก”
หรงจือหยางยิ้มที่มุมปากอย่างไม่รู้ตัว
ยังมีโอกาสที่จะได้เจอกันอีกครั้ง
เรื่องเสี่ยงตายในเมื่อวาน ม่านเวยอิงไม่ได้ใส่ใจสักนิด มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยในสายตานางมารน้อย ทว่าสิ่งที่ดึงดูดเธอคือพลังลมปราณจำนวนมากมันเริ่มไหลเวียนอยู่ภายในต่างหากที่ทำให้เธอตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นมีชีวิตชีวามากกว่าปกติ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ค่ะพี่...ฉันอยู่คอนโดค่ะ...ได้ค่ะ”
นักแสดงในสังกัดได้รับบทเด่นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ไป๋หลันจึงได้โทรตามอีกฝ่ายมาเรียนการแสดงและฝึกท่วงท่าไปพร้อมศิลปะป้องกันตัว
บริษัทฝูหัวเป็นบริษัทขนาดใหญ่ จึงมีสเตริโอและอาจารย์สอนการแสดงประจำอยู่ หากเป็นเมื่อก่อนไป๋หลันไม่เคยมีโอกาสได้จองคิวการบริการเหล่านี้ ทว่าหลังจากที่ม่านเวยอิงสามารถแคสบทนางมารมาได้ เธอจึงถือโอกาสนี้ให้เด็กสาวได้พัฒนาตนเอง
“ลองใหม่”
“น้ำเสียงต้องกดต่ำกว่านี้”
“ดวงตาต้องหม่น ไหล่ต้องห่อเหี่ยวลู่ลงต่ำ”
เสียงสั่งสอนซ้ำ ๆ อย่างใจเย็นของอาจารย์ผู้สอนดังแว่วมาไม่ขาดสาย ไป๋หลันส่ายศรีษะเบา ๆ ม่านเวยอิงก็คือม่านเวยอิง แม้จะมีการพัฒนามาบ้างแต่ยังต้องปรับปรุงอีกมาก
“ฉันเหนื่อยเหลือเกิน”
ม่านเวยอิงทิ้งร่างนอนลงโซฟาตัวอ่อนปวกเปียกหมดแรงหมดพลัง ไป๋หลันก้มมองดูแล้วพูดขึ้น
“ลุกขึ้นไปทานข้าวได้แล้ว”
น้ำเสียงที่แฝงความห่วงใย ทำให้ม่านเวยอิงชะงักเล็กน้อย ตอนนางฟื้นขึ้นมาครั้งแรกก็เจอกับคนๆ นี้ แม้ว่าเธอไม่ถึงกับเหมือนลูกไก่ออกจากไข่แล้วนับทุกอย่างที่เห็นครั้งแรกเป็นแม่ แต่เธอก็รู้สึกถึงความห่วงใยของอีกฝ่ายจริง หากเป็นคนอ่อนแอแล้วจะมีคนปกป้องหรือ
เห็นเด็กสาวยังคงไม่กระดิกตัว ไป๋หลันกำลังพูดอีกครั้ง
“อย่าขี้เกียจลุกขึ้นได้แล้ว”
“อืม ไปกันเถอะฉันหิวเหลือเกิน”
ม่านเวยอิงรีบปัดความรู้สึกรักผูกพันธ์นั้นออก ความละมุนอบอุ่นอะไรแบบนี้เธอไม่ชิน เธอรู้สึกคันหยุบหยิบในหัวใจด้วยซ้ำ
ในขณะที่กำลังทานข้าวเที่ยง เสียงโทรศัพธ์ของม่านเวยอิงก็ดังขึ้น
ทั้งสองสาวชะงักเล็กน้อย ใช่แล้วตลอดเวลาที่ผ่านคนที่โทรหาม่านเวยอิงนั้นมีเพียงไป๋หลัน ในเมื่อเจ้าตัวยังอยู่ตรงนี้จึงทำให้ทั้งสองงงงวย
“รับสิ”
ม่านเวยอิงหยิบมือถือขึ้นมากดรับ
“สวัสดีครับ ขอสายคุณผู้หญิงม่านเวยอิงครับ / คุณผู้หญิงรับสายเองนะครับ ผมพนักงานสอบสวนประจำเมือง A เขต 01 โทรมาเพื่อขอให้คุณผู้หญิงเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเหตุการณ์ปล้นธนาคาร GNY เมื่อวานครับ ไม่ทราบคุณจะสะดวกมาที่สถานีหรือไม่ครับ ../ภายใน 3 วันครับ”
ม่านเวยอิงเงยหน้าขึ้น
“พี่ไป๋หลัน บ่ายนี้ฉันว่างหรือเปล่า”
ไป๋หลันพยักหน้า
“เอ่อ ถ้าเป็นตอนบ่ายนี้ได้ไหมคะ / ค่ะ /ได้ค่ะ/ ยินดีค่ะ”
ม่านเวยอิงรู้สึกตื่นเต้นจะได้ไปสถานีตำรวจอาจจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอได้สะสมพลังได้
สีหน้าของเด็กสาวดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ไป๋หลันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่เธอพลาดไป
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกคะ พอดีเมื่อวานธนาคารที่ฉันไปเกิดคดี โจรปล้นธนาคารค่ะ”
ม่านเวยอิงพูดไปกินไป สีหน้าเรียบเฉย
“ข่าวโจรปล้นธนาคาร ข่าวเมื่อเช้า...ธนาคาร GNY หรือ ห๊า...แล้ว แล้วเธอได้รับปาดเจ็บรึเปล่า” ไป๋หลันตื่นตระหนกขึ้นทันที
ม่านเวยอิงส่ายหน้า ไป๋หลันถึงได้ถอนหายใจยาว ก่อนจะข่มอารมณ์ปั่นป่วนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก ให้โทรบอกพี่ด้วยแล้วเมื่อวานเราไปโรงพักคนเดียวใช่หรือไม่”
“ใช่ค่ะและเมื่อสักครู่ฉันรับปากตำรวจไปแล้วว่าจะเข้าไปให้ปากคำเพิ่ม เอ่อ พอดีเมื่อวานเขาปล่อยฉันกลับมาก่อน”
ม่านเวยอิงพูดพลางคิดไป แบบนี้ถือว่าได้บอกแล้วใช่หรือไม่
ไป๋หลันพูดขึ้นมา
“พี่จะไปด้วย”
ม่านเวยอิงไม่ได้ขัดข้องอะไร ไปก็ไป
เมื่อไปถึงโรงพักทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะในออนไลน์ต่างมีการพูดคุยถึงเด็กสาวน่ารักคนหนึ่งที่แย่งปืนจากคนร้ายทำให้ตำรวจได้โอกาสยิงและจับกุม
เมื่อสอบถามมายังสถานีทว่าตำรวจต่างปกปิดเป็นความลับ
เริ่มข้อสงสัยจากชุมชนชาวเน็ตบนโลกออนไลน์
ทำไมต้องปกปิดด้วย //หมูบิน
นั่นสิ //หมาเห่ายามเช้า
หรือว่าจะมีโจรผู้ร้ายที่อยู่ในเงามืดจึงต้องปกปิด //ไก่กุ๊กๆ
อย่างไรพวกมันก็สืบได้อยู่ดี //ดอกไม้ขาว
นั่นสิ ข่าวอื่นก็เห็นออกสื่อยกย่องพลเมืองดีนะ //หมาเห่ายามเช้า
ให้เวลานักข่าวกับตำรวจบ้าง //งูเขียว
เห็นว่าเด็กสาวอาจจะเป็นเยาวชนก็ได้ แบบผู้ปกครองสั่งห้ามงี้ //กระต่ายฟันใหญ่
ไป๋หลันปิดหน้าจอมือถือลง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แบ่งเป็นกรณี