บทที่ 03 คนใจร้าย

1440 Words
"ช่วงบ่ายวันนี้มีประชุมเปิดตัวกับบอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้นทุกคนเวลาสองนาฬิกานะคะ แล้วก็มีเซ็นเอกสารอนุมัติโครงการของแผนก…" พี่นุ่นที่อยู่หน้าห้องของฉันเปิดประตูเข้ามาบอกรายละเอียดงานต่างๆ ที่ต้องทำในช่วงบ่าย "ขอบคุณค่ะพี่นุ่น" ฉันเอ่ยขอบคุณพร้อมกับจดจ่อกับเอกสารรายละเอียดต่างๆ ที่ต้องศึกษาของบริษัท "น้องพายให้พี่สั่งข้าวให้ไหมคะ?" พี่นุ่นเอ่ยถาม ฉันจึงละเอกสารไปดูนาฬิกาที่ข้อมือ บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว "ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพายออกไปซื้อเอง ขอบคุณนะคะ" ฉันเอ่ยขอบคุณพี่นุ่นอีกครั้ง พร้อมกับปิดเอกสารแล้วหยิบของเพื่อออกไปทานข้าว ขับรถออกมากินข้าวร้านที่ฉันเคยกินเมื่อคืน จะว่าถูกใจอาหารร้านนั้นก็ได้ เพราะฉันตั้งใจมาโดยเฉพาะเลยแหละ "รับอะไรดีครับ" วันนี้พนักงานที่มารับเมนูไม่ใช่คนนั้นแล้ว การแต่งตัวแตกต่างไปจากคนเมื่อคืนเลย คนนี้ดูเหมาที่จะเป็นพนักงานเสิร์ฟมากกว่า "เอา....ค่ะ" ฉันเปิดดูเมนูอาหารแล้วสั่งกับพนักงาน "ครับ รอสักครู่นะครับ" แล้วพนักงานก็เดินออกไปหลังร้าน ฉันก็นั่งเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลารออาหาร "ได้แล้วครับ ส่วนนี้สิทธิพิเศษสำหรับทางร้าน มอบให้คุณครับ" พนักงานคนเดิมที่รับออเดอร์เมื่อกี้เดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารให้ฉันพร้อมกับน้ำแตงโมปั่นเพิ่มมาอีกแก้ว "เอ่อ…ทางร้านเขาให้สิทธิพิเศษนี้ทุกคนแล้วทุกวันเลยเหรอคะ" ฉันถามพนักงานคนนั้นเพราะฉันว่าร้านเขาจะให้สิทธิพิเศษเยอะเกินไป ฉันมาตั้งสองรอบก็ได้ทั้งสองรอบเลย ร้านเขาเอากำไรจากไหน?? "แค่กับคุณครับ" พนักงานตอบแล้วเดินออกไป ทิ้งให้ฉันนั่งงงอยู่คนเดียวเลย แค่ฉันคนเดียวงั้นเหรอ ทำไมต้องฉันด้วยล่ะ ฉันเก็บความงงไว้ในใจแล้วรีบลงมือทานข้าว อีกไม่กี่นาทีถึงเวลาทำงานต่อแล้ว ไม่มีเวลามานั่งสงสัยเกี่ยวกับอะไรที่ไม่ใช่เรื่องของฉัน ดีซะอีก…ฉันจะได้กินฟรี "อาหารถูกปากไหมครับ" ฉันที่ทานอาหารเสร็จแล้วเช็คบิลพร้อมกับจะเดินออกจากร้าน แต่เท้าเล็กก็ต้องชะงักเมื่อมีคนเดินมาดักหน้าฉันเสียก่อน "อ้าว…คุณพนักงานคนเมื่อคืนนี่ อาหารอร่อยมากเลยค่ะ" ฉันบอกเขา เขาคือพนักงานที่แต่งตัวดีๆ เมื่อคืนที่ฉันมากิน ฉันจำเขาได้ "ครับ ผมนนท์ครับ เป็นเจ้าของร้านนี้" เขายิ้มให้ฉันแล้วเอ่ยปากบอกชื่อตัวเองพร้อมกับบอกว่าเป็นเจ้าของร้านนี้ น่าอายไหมล่ะฉัน ดันไปทักว่าเขาเป็นพนักงานซะแล้วสิ "เอ่อ…ขอโทษค่ะ ฉันชื่อพะพายค่ะ" ฉันก้มหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอโทษที่เข้าใจเขาผิด ก็เมื่อคืนเขาเล่นเดินมาหาฉันอย่างไม่มีอิดออด ฉันก็นึกว่าเขาเป็นพนักงานปกติทั่วไป "ไม่เป็นไรครับ" ยิ้มอีกแล้ว… "ว่าแต่ทำไมฉันถึงได้สิทธิพิเศษจากทางร้านล่ะคะ?" ไหนบอกว่าไม่มีเวลาจะถามไง แต่สุดท้ายก็ทนต่อความอยากรู้ไม่ได้ ถามออกไปเพราะคิดว่าเขาเป็นเจ้าของร้าน ยังไงเขาก็ต้องรู้ "อยากรู้จักมั้งครับ" เขาตอบฉัน ประโยคนี้หมายความว่ายังไงกัน เขาจะจีบฉันเหรอ? "..." ฉันเงียบไม่ตอบอะไรเขาแต่ยิ้มให้เขาเล็ก จะว่าสตั๊นกับคำตอบที่โคตรตรงของเขาก็ได้ "ผมของไลน์คุณพะพายหน่อยได้ไหมครับ" โทรศัพท์เครื่องหรูถูกยื่นมาตรงหน้า ฉันชั่งใจอยู่นานว่าจะรับโทรศัพท์นั้นมาดีไหม เพราะปกติฉันจะปฏิเสธทุกคนที่เข้ามา ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังจีบฉันอยู่ หรือฉันไม่ควรปิดกั้นตัวเอง? "นี่ค่ะ" สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจรับโทรศัพท์เขาแล้วกดไอดีไลน์ให้ ฉันว่าลองเปิดใจก็ไม่เสียหายหนิ บางทีเขาอาจจะทำให้ฉันลืมคนใจร้ายคนนั้นก็ได้ "ขอบคุณครับ" คุณนนท์เอ่ยขอบคุณแล้วยิ้มให้ฉัน "ค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ" ฉันตอบแล้วเดินออกมาจากร้านของเขา พร้อมกับขึ้นรถหรูแล้วเข้าไปบริษัทต่อ "เชิญทางนี้ค่ะ ตอนนี้บอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้นเข้ามาจะครบแล้วค่ะ" พี่นุ่นผายมือให้ฉันเข้าไปยังห้องประชุมใหญ่ห้องหนึ่งของบริษัท ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วผ่อนออกมาเพื่อทำลายความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกของการประชุมใหญ่สำหรับฉันเลย แถมยังประชุมเพื่อเปิดตัวประธานคนใหม่อย่างฉันอีก ตื่นเต้นมาก "สวัสดีค่ะ เชิญนั่งค่ะ" ฉันเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ตรงกลางของโต๊ะ แล้วบอกบอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้นทุกคนให้นั่งลงได้พร้อมกัน "งั้นเราเริ่มกันเลยนะคะ" "อย่างที่ทราบกันดีนะคะ ว่าคุณพ่อได้ให้ฉันเข้ามาบริหารบริษัทนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณพร้อมพงศ์ได้เข้ามาบริหารแทนฉันเพื่อรอให้ฉันจบมาบริหารต่อ ยังไงฉันก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" ฉันพูดอย่างฉะฉานเพื่อเพิ่มความมั่นใจในความสามารถให้แก่บอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้นทุกคน เพราะฉันเป็นเด็กจบใหม่แถมยังเป็นผู้หญิง ฉันจึงต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองให้มากขึ้นว่าฉันสามารถดำรบตำแหน่งนี้ได้ดีไม่ต่างจากคนอื่นๆ เลย ก็อก ๆ บทสนทนาของฉันถูกหยุดลงเมื่ออยู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องประชุมก็ดังขึ้น ทุกคนละสายตาจากฉัน ก่อนที่จะหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่ "ขอโทษทีครับ พอดีผมติดธุระจากที่อื่น" แล้วคนเคาะประตูก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเกรงขาม ก่อนที่มองฉันแวบเดียวแล้วเดินเข้ามานั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่หนึ่งตัวตรงข้ามฉัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น…ตอนนี้ฉันกำลังใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งเพราะคนตรงหน้าฉัน เขาคือคนนั้น… คนที่ฉันพยายามหนีเขามาตลอดหลายปี คนที่ทำให้ฉันตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ คนใจร้ายคนนั้น "คุณพายคะ…" พี่นุ่นสะกิดฉันให้หลุดจากภวังค์ ฉันรีบดึงสติที่มีอยู่น้อยนิดผละใบหน้าออกจากเขา ก่อนที่จะเริ่มวาระการประชุมต่อด้วยหัวใจที่ไม่เป็นสุข "งะ งั้นเริ่มประชุมต่อกันเลยนะคะ" ฉันบอกบอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้นทุกคนแล้วเริ่มประชุมกันต่อ ระยะเวลาสองชั่วโมงในห้องประชุมฉันไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลย การประชุมที่สุดแสนยาวนานสุดท้ายก็จบลง ฉันรีบปิดวาระการประชุมอย่างรีบเร่ง ไม่ได้พูดคุยกับใครหลังประชุมเสร็จฉันก็รีบสับเท้าเดินกลับเข้าไปในห้องตัวเองทันที เขามาได้ยังไง!? เขานั่งเก้าอี้ในตำแหน่งของผู้ถือหุ้น แต่ที่ผ่านมาฉันไม่เคยรู้เลยว่าบริษัทมีเขาเป็นผู้ถือหุ้นด้วย โอ้ย…แล้วฉันต้องเจอแบบนี้ทุกครั้งเลยเหรอเนี่ย ฉันได้แต่เดินวนไปวนมาในห้องพร้อมกับทึ้งหัวตัว นี่ฉันต้องเจอเขาแบบนี้ตลอดไปงั้นเหรอ ที่ผ่านมาฉันคิดว่าฉันลืมเขาได้แล้วนะ แต่วันนี้มันทำให้ฉันรู้เลยว่าฉันไม่ได้ลืมเขาได้เลย หัวใจยังเต้นแรงเหมือนวันแรกที่ฉันเจอเขา เต้นแทบบ้าคลั่งทำให้รู้ว่ายังไงฉันก็ไม่ลืมเขา "เอกสารสรุปการประชุมค่ะคุณพาย" "คุณพายคะ…" "คะ คะพี่นุ่น?" ฉันนั่งเหม่อลอยมาหลายนาทีจนพี่นุ่นเพิ่มเสียงในการเรียก จนฉันสะดุ้งแล้วเงยหน้ามองพี่นุ่นที่ยื่นแฟ้มส่งให้ฉัน "สรุปการประชุมค่ะ คุณพายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ท่าทางไม่ดีตั้งแต่ปนะชุมเสร็จแล้ว" "เอ่อ…พะ พายตื่นเต้นกับการประชุมนิดหน่อยค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่นุ่น" ฉันต้องรีบดึงสติตัวเองมาจดจ่อกับงานเสียแล้ว ตั้งแต่เจอเขาฉันมือสั่นทำอะไรไม่ได้เลย ยัยพายจะรอดกับการใช้ชีวิตทำงานนี่ไหม?…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD