5

1237 Words
“เจ้าทำตัวนอกลู่เช่นนี้ได้อย่างไร” มี่ฮวนพูดคำใดไม่ออก เกิดเรื่องอัปยศขึ้นในถ้ำนั่นแล้ว นางออกมาพูดกับใคร หาได้มีใครเชื่อนางไม่ ทุกคนเอาแต่สนใจเจ้าต้นสมุนไพรโม่วยีนั่น ท่านผู้เฒ่าเหตุใดจึงฝันเห็นแต่ต้นโม่วยี ท่านไม่เห็นด้วยเล่าว่ามีตัวประหลาดอยู่ในนั้นด้วย หากรู้เช่นนี้แล้วนางไม่มีทางเอาตัวเองเสี่ยงตาย ด้วยการอาสาเข้าไปในถ้ำนั้นเป็นอันขาด “ว่าอย่างไร เจ้าไปนอนง่ายๆ ให้กับชายคนใดมา พูดเดี๋ยวนี้นะมี่ฮวน” เสียงของอาจารย์ยังคงเอ่ยถามคาดคั้นนาง มี่ฮวนก้มหน้านิ่ง ก่อนเงยขึ้นตอบ “ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าในถ้ำนั่นมี...” “จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนถูกล่ามไว้ในนั้น ขนาดเจ้าตัวเพียงเท่านี้ยังมุดเข้าไปแทบไม่รอดเลย” ท่านอาจารย์ร้องขัดด้วยคำตอบที่มี่ฮวนเคยบอกไว้ตอนออกมาจากถ้ำ แต่เพราะใจของอาจารย์ไม่เคยนึกเชื่อในตัวนาง คนไม่เชื่อย่อมไมเชื่อ ไม่ว่าจะพูดความจริงล้วนเพียงใดก็ไม่เชื่อ ท่านหันไปมองพวกผู้ชายในโรงหมอพร้อมกับวาดมือไปมา “หากเป็นเช่นนี้แล้ว มี่ฮวนไม่ยอมพูด ข้าจะถามพวกเจ้าในนี้เอง ผู้ใดนอนกับมี่ฮวนจงก้าวขาออกมาหนึ่งก้าว รับสารภาพมาโดยดี” ชายหนุ่มและไม่หนุ่มรวมถึงศิษย์ที่ยังเด็กนักเป็นเพศชายที่อยู่ในโรงหมอล้วนส่ายหน้าว่าไม่ใช่ตน แล้วพากันก้าวถอยหลังหนี จนมีเพียงอาจารย์ผู้เดียวที่ยืนล้ำมาด้านหน้า ศิษย์เนรคุณพวกนี้น่าเบื่อยาให้ตายนัก! ท่านอาจารย์คิดอย่างเคียดแค้นแล้วทำทีก้าวขาเดินถอยไปให้ทัดเทียมกับศิษย์นรกพวกนั้น “เจ้าบอกข้ามาดีๆ หรือจะออกไปจากที่นี่ มี่ฮวน” “อาจารย์ ข้าบอกท่านไปแล้วว่าข้าถูกเจ้าที่อยู่ในถ้ำนั่น...” “ในนั้นยังจะมีผู้ใดอีก เลิกพูดจาโป้ปดได้แล้ว” มี่ฮวนนึกถึงวันนั้นแล้วก็ปวดแปลบไปทั้งหัวใจ หากนางไม่หนีออกมา คงเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่ในนั้น เจ้าตัวใหญ่นั่นเป็นคนหรือเปล่าก็ไม่รู้ หลังจากที่นางเด็ดต้นโม่วยีออกมาได้โซ่ที่ล่ามมันไว้พลันหลุดออกมา จากนั้นนางก็ถูกเจ้านั่นจับกด เมื่อเห็นว่านางยืนเงียบไม่ปริปากกล่าวคำใด อาจารย์ก็เอ่ยเสียงเด็ดขาดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ข้าไม่เลี้ยงผู้ที่ชอบโกหกเป็นนิสัย” พูดออกมาแบบนี้แล้วก็เงียบไปเพียงลมหายใจเข้าออกเดียวแล้วเอ่ยขึ้นต่อจากนั้นว่า “เจ้าไปเสียเถิดมี่ฮวน ออกไปจากโรงหมออันทรงเกียรติของข้า” “อาจารย์” มี่ฮวนเรียกอาจารย์ท่านนั้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด นางมิได้โป้ปด แต่เหตุใดไม่มีใครเชื่อนางบ้างเลย นางถูกขับไล่ออกไปจากโรงหมอที่นางโซซัดโซเซมาที่นี่ตั้งแต่จำความได้ ได้ที่อยู่ที่กิน ได้มีพี่มีน้อง มีเพื่อนก็มากมายที่นี่ แต่แล้วกลับไล่นางให้ออกไป เพียงเพราะนางรับเคราะห์กรรมจากการเข้าไปหาสมุนไพรต้นนั้นออกมาให้ มี่ฮวนเก็บของที่มีไม่มากแล้วเดินออกจากโรงหมอไป ไปได้ไม่ไกลหูของนางพลันได้ยินเสียงวิ่งตามหลังมา ด้วยความดีใจจึงหันไปพร้อมปาดน้ำตา “อาจารย์ใจอ่อนแล้วใช่หรือไม่อาหลาน” “เปล่าหรอก ท่านลืมถุงใส่เสื้ออีกถุง อาจารย์ให้ข้านำมาส่ง” น้องผู้นั้นน่าตายนัก มี่ฮวนรับมาแล้วก็หันหน้าจะจากไปด้วยหัวใจอ่อนล้า นี่นางต้องระเห็จเร่ร่อนไปอยู่ที่อื่นทั้งๆ ที่ตั้งท้องเช่นนี้หรือ ตอนนั้นเองที่เสียงของเจ้าน้องคนนั้นเอ่ยขึ้น “พี่มี่ฮวน” “มีอันใดอีก” “เนื้อแห้งกับแผ่นแป้งนี้ ข้าให้ท่าน คงพอกินได้อีกหลายวัน” “ขอบใจเจ้ามาก” “ข้างหน้าเป็นอำเภอกางจู้ ท่านเดินไปอีกไม่กี่หลี่ก็ถึงแล้วล่ะ” “ขอบใจ” “ข้าไปนะ” มี่ฮวนมองตามแผ่นหลังของศิษย์น้องผู้นั้นแล้วมุ่งหน้าเดินทางไปเรื่อยๆ นางเดินมาไกลแล้ว แต่ไม่พบอำเภอกางจู้อย่างที่น้องผู้นั้นว่ามา คาดว่านางมาผิดทางแล้ว อีกทั้งท้องของนางก็โตขึ้นมาก นางจึงได้มองหาที่พำนักตรงที่นางมาถึง ที่นั่นเป็นที่ราบกลางป่า ตรงนั้นมีแหล่งน้ำไหลผ่านเป็นลำธารเล็ก อีกทั้งดินก็ยังพอจะเพาะปลูกพืชปลูกผักอะไรได้บ้าง พบว่าเป็นเช่นนั้นแล้ว มี่ฮวนจึงปักหลักอยู่ที่นั่น จนครบกำหนดคลอด ท้องของนางโตจนน่ากลัวว่ามันจะปริแตกผ่านหน้าท้องออกมาสักวัน เจ้าตัวที่อยู่ในท้องก็ไม่เห็นว่าจะคลอดออกมาเสียที เกิดสิ่งใดขึ้น นางอุ้มท้องอยู่เช่นนี้สองเหมันต์ จึงพบว่าเลือดไหลออกเป็นทางตามขา นางเบ่งอยู่อย่างนั้นจนเกือบหมดแรงจนสลบไป ฟื้นสติขึ้นมาใหม่ก็ออกแรงเบ่งเช่นนั้นอยู่อีกหกวันหกคืน เจ้าตัวที่ทรมานนางทั้งกายและใจก็หลุดไหลออกมาตามหนทางของสตรีเพศ รูปร่างใหญ่โตผิดธรรมดาของเด็ก ผิวสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีดำเหลือบแดงทั้งยังมีจุดแดงเข้มที่กลางดวงตา ไม่มีแม้แต่เสียงร้องไห้แบบเด็กแรกเกิดทั่วไป “เจ้าลิ่ว” มี่ฮวนเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาตอนที่พบหน้าลูกครั้งแรก นางมิได้เตรียมตั้งชื่อลูกอย่างแม่คนอื่น เพราะไม่รู้ว่าตนจะคลอดออกมารอดเป็นตัวเป็นตนหรือไม่ และเมื่อคลอดออกมาแล้วนั้นจะเป็นหญิงหรือชาย แต่พอเห็นลูกแล้วนางก็พูดชื่อนี้ขึ้นมาทันที “เจ้าเก่งมาก เจ้าลิ่ว เป็นเด็กดีของแม่ล่ะ” เสียงเด็กร้องงอแงเสียงนั้นมิใช่เสียงของลูกนางอย่างแน่นอน มี่ฮวนบอกตัวเอง แล้วจึงเอี้ยวคอไปมองที่ลูก เจ้าลิ่วของนางกำลังช่วยทำงานอยู่ตรงด้านหลังนี่เอง มี่ฮวนละสายตาจากลูกแล้วลงมือปอกเปลือกผลไม้ของนายจ้างออกอย่างเบามือที่สุด มี่ฮวนนั้นหลังคลอดลูก นางได้พบกับท่านป้าผู้อารี ท่านป้ามาเจอนางเข้าก็ชักชวนให้มาทำงานด้วย ทั้งยังให้ที่กินที่อยู่กับนางและเจ้าลิ่วอีกด้วย แต่ท่านป้าอายุไม่ยืน มาวันนี้ท่านป้าที่เป็นนายจ้างแต่เดิมได้จากไปแล้ว จึงเหลือเพียงบุตรชายและบุตรสาวจอมเขี้ยวที่คุมกิจการแทน “ได้ยินหรือไม่ว่าให้ปอกเอาแต่เปลือกออก อย่าให้ติดเนื้อจนมากเกินไปนัก” เสียงถามเหน็บแนมก็ดังข้ามฟากมายังนาง “เจ้าค่ะนายท่าน ข้าก็ทำเช่นนั้นอยู่” มี่ฮวนตอบแล้วบรรจงปอกเปลือกผลไม้ราคาสูงเนื่องจากเป็นผลไม้ต่างเมืองตามคำสั่งไปพลาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD