หลายวันถัดมาฉู่หยางกลับมากินข้าวกับเธอตามเดิม และเขาไม่ได้บังคับให้เธอไปออกกำลังกายด้วยอีก
“เที่ยงนี้พี่ไม่ได้กลับมานะ…เธอกินข้าวก่อนได้เลย” เขาพูดกับเธอก่อนออกไปจากบ้าน “วันนี้จะไปที่ชายหาดกับพี่สะใภ้หวังใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ” จางหนิงพยักหน้า
“อย่าตากแดดให้มาก ไปเดินเล่นก็พอไม่จำเป็นต้องจริงจังกับการหาของทะเลมากนักหรอก” เขากำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายกลับมาแล้วจะไม่สบาย
“ได้ค่ะ” จางหนิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินออกจากบ้านไป
จางหนิงกลับเข้าไปที่ครัวหลังบ้านเพื่อเตรียมอุปกรณ์ไปเก็บหอยกับพี่สะใภ้หวัง เธอเตรียมถังไม้และมีดปลายแหลมสำหรับแงะหอยนางรมออกจากโขดหิน
นอกจากนั้นหญิงสาวยังอยากจะทดลองหาหอยหลอดตามหาดทรายด้วยตัวเอง โดยเตรียมแก้วใส่ปูนขาวจากเปลือกหอยที่เธอเผาและละลายน้ำจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
ช่วงสาย ๆ ใกล้เที่ยง พี่สะใภ้หวังก็มาหาและชวนเธอออกไปยังชายหาดด้วยกันเพราะตอนนี้เป็นเวลาช่วงน้ำลดพอดี
เมื่อเดินไปถึงชายหาดก็พบกับภรรยาทหารที่รุ่นราวคราวเดียวกับเธออีกคนหนึ่งที่ชื่อว่าพี่สะใภ้เจียง อีกฝ่ายก็พาลูกสาวของตัวเอง ‘เจียงหนี’ มาด้วยเช่นกัน
กลุ่มของพวกเธอพากันเดินไปที่ชายหาด น้ำทะเลลดลงจนทำให้เห็นหาดทราย มีเด็ก ๆ หลายคนกำลังขุดทรายอยู่บนชายหาด
หวังฉีและเจียงหนีก็วิ่งเข้าไปหาพวกเด็ก ๆ เหล่านั้นเช่นกัน และพบว่ากลุ่มเด็กน้อยสามารถขุดหอยหลอดขึ้นมาได้หนึ่งตัว
หวังฉีเห็นแล้วก็ตื่นเต้นยิ่งนัก เขาพูดกับเด็กกลุ่มนั้น "พวกเราขอขุดด้วยได้ไหม"
"ไม่ได้หรอก…พวกนายไม่มีสิทธิ์ขุดเพราะตรงนี้พวกเราจองแล้ว" เด็กคนหนึ่งพูดขัดขวางขึ้น
ทั้งหวังฉีและเจียงหนีต่างเม้มปากเล็กน้อยอย่างไม่มีความสุข
จางหนิงอยากทำให้เด็ก ๆ ดีใจ เธอจึงใช้ไม้ยาวจุ่มปูนขาวลงไปบริเวณพื้นทรายที่มีรู เพียงไม่นานหอยหลอดก็ดันตัวขึ้นมาตามรูที่ถูกปูนขาวหยอดลงไป
เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งเช่นนี้ จางหนิงก็เรียกเด็กทั้งสองเข้ามาดู “ฉีฉี เสี่ยวหนี มาขุดหอยตรงนี้เถอะ”
หวังฉีและเสี่ยวหนีวิ่งมาหาเธอ ดวงตาของเด็กน้อยทั้งคู่เบิกกว้างเมื่อเห็นว่า มีหอยหลอดโผล่ขึ้นมาหลายตัว เด็กน้อยทั้งสองจึงช่วยกันหยิบขึ้นมาใส่ถัง
“เธอทำได้อย่างไร” พี่สะใภ้เจียงถามด้วยความสงสัย
“ฉันเคยอ่านหนังสือวิชาเคมีของคุณพ่อ มีข้อมูลบอกว่าปูนขาวช่วยทำให้หอยหลอดระคายเคืองจนมันอยู่ในรูไม่ได้ก็เลยทดลองทำดูค่ะ”
“หนิงหนิงฉลาดจริง ๆ” พี่สะใภ้หวังกล่าวชมอย่างจริงใจ พี่สะใภ้เจียงที่ยืนอยู่ข้าง ๆพยักหน้าเห็นด้วย
พวกเด็ก ๆ ในกลุ่มเดิมเมื่อเห็นว่าหวังฉีและเจียงหนีต่างเก็บหอยกันจนมือแทบไม่ว่างพวกเขาก็วิ่งเข้ามาดู
หวังฉีเห็นแล้วก็เงยหน้าพูดกับพวกเขา "พวกนายขุดไม่ได้ ตรงนี้พวกเราจองแล้วเหมือนกัน"
เด็กกลุ่มนั้นแสดงสีหน้าอิจฉา หวังฉีเห็นแล้วก็รู้สึกพอใจมาก
หลังจากจับหอยหลอดได้ในจำนวนที่พอกิน เธอก็มองไปยังโขดหินข้างชายหาดโดยปกติหอยนางรมจะเกาะตัวอยู่แถวบริเวณนั้น “พวกเราไปดูตรงโขดหินกันไหมคะ เผื่อบริเวณนั้นจะมีหอยนางรม"
เพราะตอนนี้เป็นช่วงน้ำลดจึงมีหินโผล่ขึ้นมาจากน้ำ เธอเดินลงไปตรงก้อนหินใหญ่ที่ยังคงเปียกชุ่ม และพบว่าตรงนี้มีหอยนางรมเกาะอยู่เต็มไปหมดซึ่งพวกมันติดแน่นอยู่กับโขดหิน
จางหนิงรีบตะโกนเรียกพี่สะใภ้ทั้งสองด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "ดูสิ ตรงนี้มีหอยนางรมเต็มไปหมดเลยค่ะ"
"อยู่ที่ไหนหรือ" พี่สะใภ้หวังและพี่สะใภ้เจียงรีบเดินเข้ามาถาม
หลังจากดูอยู่เป็นเวลานาน พี่สะใภ้เจียงก็ถอนหายใจ "มิน่าเล่าปกติฉันไม่เคยเก็บหอยนางรมได้เลย พวกมันติดแน่นจนแทบจะเป็นสีเดียวกับก้อนหินอยู่แล้ว"
หลังจากนั้นพวกเธอทั้งสามคน ต่างก็ใช้มีดปลายแหลมค่อย ๆ แคะหอยนางรมออกมาจากโขดหิน ใช้เวลานานทีเดียวกว่าเก็บมันจนเต็มตะกร้า
“ครั้งนี้โชคดีจริง ๆ ที่ได้หนิงหนิงมาช่วย ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงไม่ได้กินหอยนางรมเยอะแบบนี้” พี่สะใภ้หวังพูดอย่างดีใจมองของทะเลในตะกร้าอย่างอารมณ์ดี
“หอยนางรมเป็นของดี…หนิงหนิงอย่าลืมให้สามีของเธอกินเยอะ ๆ ล่ะ” พี่สะใภ้เจียงกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะจูงมือพาลูกสาวจากไป
จางหนิงพยักหน้าให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
พี่สะใภ้หวังเองก็แนะนำให้เธอลองเจียวไข่ใส่หอยนางรม “ที่บ้านเธอยังไม่ได้เลี้ยงไก่…พี่จะแบ่งไข่ไก่ให้เธอก่อนแล้วกัน” จากนั้นอีกฝ่ายก็พูดขึ้นว่า "หนิงหนิง อยากเลี้ยงไก่หรือเปล่า พี่จะรอให้ไข่ฟักเป็นลูกเจี๊ยบแล้วจะเอาไปแบ่งให้”
จางหนิงรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว "ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่สะใภ้หวังมากเกินไป ฉันก็อยากจะเลี้ยงค่ะ"
พี่สะใภ้หวังพยักหน้า "ได้สิ…ถ้าลูกเจี๊ยบของพี่ฟักออกมาเมื่อไหร่พี่จะเอาไปให้เธอเอง”
จางหนิงแวะไปเอาไข่ไก่ของบ้านพี่สะใภ้หวัง ครั้งนี้หญิงสาวจึงขอเมล็ดผักจากอีกฝ่ายเพื่อนำไปปลูกด้วย เมื่อกลับมาที่บ้านแต่ก็ไปชำระร่างกายและนอนพักเอาแรงสักครู่จนถึงเวลาทำอาหารเย็นจึงเกิดขึ้นมา
วันนี้เธอตั้งใจทำเมนูจากหอยนางรมเพื่อบำรุงเขามากเป็นพิเศษ
ดังนั้นอาหารมื้อค่ำฉู่หยางจึงกินหอยนางรมเข้าไปจานใหญ่…ตกกลางคืนเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา
ฉู่หยางนอนมองเพดานในห้องสักพักก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูออกมานั่งโต๊ะข้างนอก และมองดูประตูห้องฝั่งตรงข้ามของอีกฝ่าย
ในขณะที่เขากำลังตัดสินใจว่าจะเคาะห้องเพื่อพูดคุยตกลงความสัมพันธ์กับเธอใหม่ดีหรือไม่…. ประตูห้องฝั่งตรงข้ามก็ถูกเปิดออกพร้อมกับจางหนิงที่มีสีหน้าซีดเซียว!
จางหนิงวางแผนบำรุงเขาด้วยหอยนางรมและคิดว่าคืนนี้อยากจะลองอ่อยเหยื่อ แต่ว่าโชคชะตาก็ไม่เอื้ออำนวยเพราะอยู่ ๆ ประจำเดือนของเธอก็มาพอดี
ในยุคสมัยนี้ผ้าอนามัยเป็นแบบสายรัด หลังจากใส่อย่างทุลักทุเล เธอก็เดินออกจากห้องเพื่อไปหาผ้าชุบน้ำร้อนมาห่อหลาย ๆ ชั้นเพื่อประคบท้อง แต่เมื่อเปิดประตูออกไปก็เห็นว่าฉู่หยางนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องนั่งเล่นพอดี
เมื่อเขาเห็นเธอหน้าซีดกว่าปกติก็ถามด้วยความตกใจ “เธอเป็นอะไร…ไม่สบายอย่างนั้นเหรอ!”
“ฉันเป็นประจำเดือนก็เลยปวดท้องนิดหน่อยค่ะ” จางหนิงบอกเขาด้วยท่าทางที่ดูขัดเขินยิ่งนัก