“ตกลงกันตามนี้ เจ้าลำเลียงสินค้าของเจ้าไปที่บ้านพักของเราด้วย”
ฮาริย่าสั่งเสียงเข้มตัดบทการสนทนา ที่จะทำให้เธอเสียเปรียบบุรุษหนุ่มผู้นี้อีกหลายยก
อานีสต์หัวเราะฮึๆ กับคำสั่งราวกับนางพญาของหญิงสาว และก่อนที่ร่างอวบอิ่มจะเดินจากไป เขาก็ได้เอ่ยถามลอยไปตามคลื่นลมด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“น้ำตกที่นี่ท่าทางจะเย็นสบาย ชื่นฉ่ำปอดน่าดู...ว่าไหม? นายหญิงฮาริย่า”
ฮาริย่าหันขวับมาทางคนถาม ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขม็ง จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินตรงเข้าหาร่างสูงใหญ่ พร้อมกับกระชากกริชออกจากซอกเอว หวังจะเอามาจู่ที่คอหอยเพื่อเป็นการขู่บุรุษหนุ่ม
อานีสต์รออยู่แล้ว และเห็นการเคลื่อนไหวของหญิงสาวทุกอิริยาบถ พอฮาริย่าเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับชักกริชออกมา เขาก็เอื้อมมือไปจับข้อมือเล็กไว้ แล้วออกแรงดึงร่างบางระหงให้ปลิวเข้ามาปะทะกับอกกว้าง พร้อมกับกระซิบข้างๆ พวงแก้มแดงปลั่งอย่างยั่วยวน
“เรายอมให้เจ้าชักกริช ขู่เราได้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นางฟ้าจำแลง”
“นางฟ้าจำแลง? เจ้าหมายถึงอะไร”
ฮาริย่าทวนคำเสียงสูง พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนร้อนผ่าว ที่กระตุ้นให้เลือดอุ่นๆ ในกายเธอได้แล่นซ่าน จวนเจียนจะคลั่ง ยิ่งมือใหญ่ดันแผ่นหลังเธอไว้แน่น ทำให้ปทุมอิ่มบดเบียดเข้าไปกับแผงอกกว้าง ยิ่งทำให้มึนงงสับสน ไม่รู้ว่าตนเองอยากดันกายออกห่าง หรืออยากบดเบียดความอวบอิ่มไปกับความแข็งแกร่งกันแน่
อานีสต์ยิ้มกริ่ม หากไม่ติดที่มีคนสนิทร่างใหญ่ยักษ์ของฮาริย่ายืนอยู่ใกล้ๆ เขาคงได้ทำตามที่ใจปรารถนาด้วยการกดจุมพิตลงไปบนเรียวปากอิ่มสีกุหลาบ
“ไม่มีอะไรไปมากกว่าสิ่งที่เราพูด นางฟ้าจำแลงก็คือนางฟ้าจำแลง”
องครักษ์เอ่ยอย่างเล่นลิ้น ก่อนจะปล่อยร่างอวบอิ่มให้ถอยห่าง เขาได้หยิบกริชมาจากมือของหญิงสาว แล้วนำไปเสียบไว้ตรงซอกเอวเหมือนเดิม โดยมือใหญ่ปัดไปโดยตรงปทุมอิ่มอย่างจงใจ พอเห็นปลายถันตั้งชูชันดุนดันเสื้อผ้าเนื้อบางสีเข้ม กอปรกับกริยาที่เจ้าตัวสะดุ้งเฮือกผงะถอยหลัง พร้อมกับขบฟันแน่นก็ลอบอมยิ้มออกมาด้วยความถูกใจ
“ฮาริย่าคนงาม เจ้าเป็นผู้หญิงที่เร่าร้อนที่สุด เมื่อได้อยู่ภายใต้เรือนร่างของเรา”
อานีสต์ ผู้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเร่จำเป็น ได้เดินเยี่ยมราษฎรพูดคุย ให้ความช่วยเหลือกับคนในเผ่าอัยรีน อย่างต้องการผูกมิตรกับทุกคนที่นี่ นอกจากจะเป็นการช่วยให้คำปรึกษากับคนในเผ่า ที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องความเป็นอยู่อาหารการกินแล้ว เขายังได้แอบสอบถามถึงกระโจมลึกลับที่ตั้งอยู่ห่างจากบ้านเรือนของราษฎรด้วย
แต่ทุกคำตอบที่เขาได้รับจากทุกหลังคาเรือนคือ ไม่มีใครรู้ว่าคนที่มาพักในกระโจมสองหลังนั้นเป็นใครมาจากไหน เพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนลึกลับกลุ่มนั้น
“ขอบใจเจ้ามากน่ะ แล้วเราจะมาเยี่ยมใหม่อีกครั้ง”
อานีสต์เอ่ยบอกติดเหนื่อยล้า แต่หาใช่เหนื่อยจากการเดินเยี่ยมพูดคุยกับราษฎรตาดำๆ ที่น่าสงสารไม่ แต่เป็นอาการล้าทางจิตใจที่ตนเองไม่สามารถควานหาข้อมูลของจิ้งจอกเฒ่าได้สักที
ตี๊ด...ตี๊ด...
อานีสต์มีสีหน้าเคร่งเครียดทันทีที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่เรียกเข้า ไม่จำเป็นต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็รู้ว่าใครที่โทรมาหาตนเอง องครักษ์หนุ่มหันซ้ายแลขวา เพื่อหาที่ปลอดผู้คน ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วรีบกดรับทันที เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีบุคคลอื่นมาได้ยินการสนทนาของตนเข้า
“เจ้าชาย”
อานีสต์ทักทายเสียงแผ่วเบา แต่กระนั้นก็ทำให้ผู้ที่กำลังสอดสายตาควานหาตัวเขาได้ยินเข้าด้วยความบังเอิญ
ฮาริย่าชะงักฝีเท้าที่จะเดินผ่านบ้านของราษฎรคนหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยพูดเบาๆ ที่เธอจำได้ไม่เคยลืม กำลังทักทายกับใครสักคน ที่เธอเดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นประมุขแห่งแผ่นดินอย่างแน่นอน แต่จะเป็นประมุขของประเทศใดนั้นเธอไม่อาจทราบได้
“ขอเป็นคนเสียมารยามสักครั้งเถอะ”
ฮาริย่าพึมพำกับตนเองเบาๆ พลางขยับกายเข้าไปอยู่ในวงรัศมีที่ตนเองจะสามารถได้ยินคำพูดของพ่อค้าเร่ ที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ยาพิษงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
อานีสต์กรอกเสียงถามประมุขของแผ่นดินเสียงสูงด้วยความตกใจ และลืมตัวไปว่าอาจจะมีใครสักคนบังเอิญเข้ามาได้ยินเสียงการสนทนาของตนเองเข้า
“ใช่ เป็นยาพิษร้ายแรงที่ไม่ทราบชนิดและยังไม่มียารักษา ตอนนี้วาอีน์กำลังระดมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วมุมโลกให้เดินทางมาที่อัลนูรีน”
ประมุขแผ่นผืนทะเลทรายที่ได้โทรติดต่อกับองครักษ์เอก บอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลจนองครักษ์เอกพลอยเป็นกังวลมีสีหน้าไม่ดีไปด้วย
“เจ้าชายกับพระชายาได้รับอันตรายจากยาพิษหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
อานีสต์เริ่มเข้าข่ายที่ว่าห่วงหน้าพะวงหลัง ใจหนึ่งอยากกลับไปอารักขาความปลอดภัยให้เจ้าเหนือหัว แต่ด้วยงานที่ได้รับมอบหมายยังไม่เสร็จสิ้น จึงไม่อาจกลับเมืองหลวงได้ตามที่ใจต้องการ
“เราปล่อยภัยดี ขอบใจเจ้ามากที่เป็นห่วง จัดการงานที่สั่งให้เรียบร้อย ทางนี้มีวาอีน์และองครักษ์คนอื่นคอยอารักขาเราอยู่แล้ว”
แม้องครักษ์เอกจะไม่ได้เอ่ยพูดออกมา แต่เจ้าชายฮารีฟร์ก็เดาใจของคู่สนทนาได้อย่างถูกต้อง พร้อมกันนั้นพระองค์ได้เอ่ยขอบอกขอบใจกับความซื่อสัตย์จงรักภักดีที่องครักษ์หนุ่มได้มอบให้เสมอ
“เจ้าชายทั้งสองพระองค์กับพระชายา ทรงปลอดภัยหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”
ความห่วงใยในสวัสดิภาพ ไม่ได้มีแค่กับประมุขแห่งแผ่นดินเท่านั้น แต่องครักษ์หนุ่มเป็นห่วงเจ้าเหนือหัวทุกพระองค์ที่ตนเคารพรักเทิดทูนเหนือชีวิต
ประมุขหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงติดกังวล
“ทุกคนปลอดภัยแต่...น้ำค้างเป็นผู้เดียวที่ได้รับยาพิษร้ายจากอาดีบ เราอยากให้เจ้าเร่งมือตามหาแหล่งซ่องสุมของจิ้งจอกอาดีบให้พบโดยเร็ว เราเกรงว่าทีมแพทย์ที่เชิญมาจะคิดค้นสกัดยาต้านพิษได้ไม่ทันการณ์”
อานีสต์เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มใจทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ได้ยิน “กระหม่อมจะจัดการให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”