ณ บ้านของศศิญาภรณ์ ตอนนี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสุข ว่าที่ลูกเขย พ่อตาและแม่ยายพูดคุยกันสนุกสนานอย่างสนิทสนมจนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาถึงเวลาสองทุ่มแล้ว ได้เวลากลับบ้านแล้ว พรุ่งนี้วันเสาร์วันหยุด ชนาธรณ์ลังเลในใจว่าควรไปนอนค้างที่คอนโดหรือที่บ้านดี แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้ที่บ้านมีคนที่ตนฉวยโอกาสไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนอนอยู่ก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
“วันหลังมาทานมื้อเย็นด้วยกันใหม่นะพ่อธร” อเนกเอ่ยกับว่าที่ลูกเขยที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถที่จอดที่โรงจอดรถของบ้านตน
“ครับ คุณน้า” แม้ว่าอีกไม่นานเขาจะแต่งงานกับลูกสาวอีกฝ่าย แต่ก็ยังไม่ชินที่จะเรียกอเนกว่า ‘พ่อ’ เขาเรียกท่านว่าคุณน้าคุ้นชินปากกว่า แต่งงานค่อยเรียก ‘พ่อ’ ก็ยังไม่สาย และศศิญาภรณ์เองก็ยังคงเรียกแม่เขาว่า ‘ป้า’ อยู่ แม้แม่ของเขาจะอยากให้หล่อนเรียก ‘แม่’ ก็ตามที
“ขับรถดีๆ นะพ่อธร” ศศิภาเอ่ยกับว่าที่ลูกเขยของตน
“ครับ คุณน้า”
“พี่ธรขับรถดีๆ นะคะ ถึงบ้านแล้วโทรบอกแป้งด้วยนะคะ ว่าแต่วันนี้ค้างที่บ้านหรือคอนโดคะ” เธอถามว่าที่คู่หมั้นหนุ่ม
“พี่ว่าจะกลับไปค้างบ้านระหว่างที่คุณแม่อยู่ฝรั่งเศสกับธิป” เขาบอกคู่หมั้นสาวแล้วหันไปยกมือไหว้พ่อแม่ของเธอแล้วหมุนตัวเดินไปยังรถยนต์คันหรูของตนเอง
ส่วนครอบครัวของศศิญาภรณ์ก็พากันยืนมองคนตัวสูงที่เดินไปเปิดประตูรถจนติดเครื่องยนต์แล้วบังคับรถออกจากประตูรั้วบ้านใหญ่ตัวเองแล้วค่อยพากันหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน ครอบครัวของศศิญาภรณ์เป็นครอบครัวที่ค้าขายอะไหล่รถยนต์นำเข้า ถือว่าร่ำรวยไม่ต่างจากครอบครัวของชนาธรณ์
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทำให้คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำต้องยกคิ้วขมวดเป็นปมอย่างสงสัยว่าใครกันมาเคาะประตูห้องตัวเองเวลานี้ มองดูนาฬิกาที่ติดผนังห้องก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ใครกัน พ่อกับแม่ก็ไปมุกดาหารกันแล้ว แล้วใครกัน และเสียงก็ดังขึ้นติดต่อกันอีกครั้ง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
มือเล็กกุมปมผ้าเช็ดตัวที่พันรอบอกแน่นแล้วตะโกนถามคนที่อยู่หน้าห้องทันที
“พี่นาง พี่น้อยรึเปล่าคะ”
เงียบ!
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา มีเพียงเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นรัวๆ และแรงกว่าเดิม จากที่เคาะก็เป็นเสียงทุบ
ปัง! ปัง! ปัง!
“ใครคะ? ดาถามว่าใครคะ?”
เธอร้องตะโกนถามอีกครั้ง และมันก็เงียบเหมือนเดิมไม่มีเสียงตอบกลับมานอกจากเสียงทุบตีประตูจนเธอรู้สึกได้ว่าหากทุบตีแบบนี้ต่อไปคงได้พังแน่นอน
ปัง! ปัง! ปัง!
“ใคร! ฉันถามว่าใคร” เธอกุมผ้าเช็ดตัวที่พันอกแน่นแล้วมองหาสิ่งป้องกันตัว และรีบเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ แต่แล้วประตูที่ถูกทุบแรงๆ นั้นก็ถูกผลักเข้ามา
ปัง!
เท้าใหญ่ถีบยันเต็มแรงเมื่อใช้กุญแจสำรองที่นำติดมือมาด้วยเปิดไขเข้าไปในห้องของอลิลดาทันที
มือเล็กที่กำลังสาละวนกับการสวมใส่เสื้อผ้าหยุดค้างทั้งๆ ที่กำลังยกเท้าจะใส่กางเกงแล้วหันกลับไปมองผู้บุกรุกแล้วก็ต้องเบิกตาโตมองอย่างตกใจ ไม่อยากเชื่อสายตาว่าคือชนาธรณ์ เจ้านายหนุ่ม เธอเห็นเขาใช้มือดันปิดประตูพร้อมกับเสียงล็อกกลอนของประตู
แก๊ก!
“คุณธร!”
“ทำไมไม่เปิดประตูให้ฉัน”
“แล้วทำไมคุณไม่ตอบล่ะ ตอนที่ดาถาม แล้วเข้ามาในห้องของดาทำไมคะ”
เธอถามเขาพร้อมกับปล่อยกางเกงที่ถือในมือทิ้งแล้วเดินไปหลบข้างตู้เสื้อผ้าและกำปมผ้าเช็ดตัวแน่นด้วยกลัวว่ามันจะหลุด และกลัวว่าคนตัวโตจะกระชากมันออกไป ตอนนี้ในหัวของอลิลดาเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ แล้วทำไมเขาถึงเข้ามาในห้องเธอในยามดึกดื่นแบบนี้
“ฉันแค่...” เขานิ่งเงียบไปเมื่อตอบไม่ได้ว่ามาที่นี่ทำไม และสายตาของเขามันก็จ้องมองแต่เนินอกอวบอิ่มที่ดุนดันเป็นเนินสวยงามโผล่พ้นจากผ้าเช็ดตัวที่เธอจับกำแน่นอยู่ในตอนนี้ แล้วเสียงกลืนน้ำลายเหนียวๆ ก็ดังขึ้น
อึก!
“แค่อะไรคะ คุณธรเข้ามาทำไมคะ” เธอถามเขาพร้อมก้มลงคว้าหยิบกางเกงที่ทิ้งก่อนหน้านี้ขึ้นมาปิดเนินอกอวบอึ๋มของตัวเองให้พ้นสายตาคมเข้มที่กำลังจดจ้องมองมายังเนินอกของตน เธอรู้ว่าตอนนี้อันตรายมากแค่ไหน แต่จะหนีไปไหนได้ เมื่อเขายืนขวางอยู่ตรงหน้า และประตูห้องก็อยู่ด้านหลังของเขา
“นั่นสินะ ฉันมาทำไม” เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พอมาถึงบ้านจะขึ้นไปยังบ้าน เท้าของเขามันก็พาเดินมาที่หน้าห้องเธอ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อยู่หน้าห้องของอลิลดาแล้ว จะหมุนตัวกลับไปก็ไม่ทันแล้ว เมื่อสมองของเขาสั่งให้ยกมือเคาะประตูห้องนอนเธอ
“นั่นสิคะ คุณธรมาทำไม ออกไปจากห้องดาได้แล้วค่ะ ดาจะนอนแล้ว” เธอบอกไล่เขา
“อือ” เขาพยักหน้าครางรับรู้ แต่เท้าเขาไม่ได้ก้าวเดินถอยหนีหรือหมุนตัวเดินออกจากห้องเธอ แต่เขากำลังก้าวย่างเข้ามาหาเธอที่หลบอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กของห้องแคบๆ ของเธอ
“เดินมาทำไม หยุดเลยนะ แล้วออกไปจากห้องของดาด้วยค่ะ เดี๋ยวพี่นาง พี่น้อยก็มาเห็นหรอก” เธอบอกไล่เขา
“น้อยกับนางคงดูละครที่ห้องของนาง คงไม่มาเห็นฉันหรอก” เขาตอบกลับ เพราะทางจะเดินมาถึงห้องพักเธอที่อยู่สุดมุมของตึกพักคนรับใช้นั้น เขาได้ยินเสียงของนางและน้อยหัวเราะคิกคักกับละครอยู่
“แต่คุณธรก็ไม่ควรมาอยู่ในห้องของดาแบบนี้ ออกไปเลยนะ”
เธอบอกเขาแม้ว่าตอนนี้ตัวเองจะหดตัวเข้าหาผนังที่พิงอยู่ แต่เหมือนว่าคนตัวโตจอมเผด็จการจะเดินเข้ามาใกล้ทุกที และตอนนี้ก็มาหยุดยืนตรงหน้าเธอ เธอหายใจติดขัดก้มมองเท้าตัวเองพร้อมมือเล็กกำปมผ้าเช็ดตัวที่อกแน่นด้วยกลัวว่ามันจะหลุด ถ้าหลุดไปคือเขาได้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าเธอแน่นอน
“นี่ก็บ้านฉัน จะไล่ฉันไปน่ะคิดก่อนสิดา”
เขาไม่ยอมถอยห่างหรือยอมทำตามที่หล่อนบอกสั่ง เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ นำพากลิ่นสบู่อ่อนๆ ของอลิลดาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำเข้าปอด มันสดชื่นเหลือเกิน และเขาก็ต้องการมากกว่าที่จะได้แค่หายใจแบบนี้ เขาโน้มหน้าโงตัวที่สูงสง่าของตนเองลงไปหาคนตัวเล็กที่หดตัวพิงผนังห้องแล้วก็น่าขันสิ้นดี
หึหึ
“กลัวฉันเหรอ” เขาถามพร้อมยื่นมือมาเชยคางมนที่ก้มหน้าของเธอให้แหงนเงยขึ้นมองสบตาตนเอง ทันทีที่ได้มองจ้องริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เคยบดจูบมาแล้วครั้งหนึ่งก็อดใจเต้นแรงสั่นไหวไม่ได้ ชนาธรณ์จำได้ดีว่าปากอวบอิ่มช่างพูดของหล่อนนั้นหวานแค่ไหน และไม่รอช้าที่จะได้ลิ้มรสมันอีกครั้ง เขาโน้มลงไปบดจูบทาบทับบดแนบริมฝีปากหนาตัวเองกับกลีบปากอวบอิ่มของอลิลดาทันที
“อ่ะ...อื้อ” เป็นอีกครั้งที่เธอโดนเขาฉวยโอกาสบังคับจูบ ดวงตาเล็กกลมโตเบิกกว้างตกใจ มือที่กำปมผ้ารีบยกขึ้นมาทุบตีดันมือเขาออกห่างจากคางตัวเอง แต่เขาก็จับล็อกคางเธอแน่นเหลือเกิน และการที่พยายามดิ้นหนีนั้นทำให้ผ้าที่รัดอกแน่นหนาหลุดลุ่ยร่วงไปกองที่พื้นทันที
“อ่ะ...อื้อ” มือใหญ่ข้างที่ว่างของเขาก็เคลื่อนมากอบกุมเต้าอวบอูมของหล่อนพร้อมกับเคล้าคลึงหนักหน่วงเป็นจังหวะพร้อมเรียวลิ้นหนาพยายามดุนดันกอดเกี่ยวตวัดรัดคลึงเรียวลิ้นเล็กของเจ้าหล่อนผูกรั้งไว้กับลิ้นสากของตนเอง
“อ่า...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดเร่าคลึงจูบกันของทั้งสอง แม้อีกคนจะไม่ปรารถนา แต่ก็เผลอจูบตอบยามเขาสอดลิ้นเร่าร้อนไปควานกินความหวานในโพรงปาก เรียวลิ้นของชนาธรณ์ดุนดันกระพุ้งแก้มของเธอหยอกเย้า ก่อนจะมาคลอเคลียตวัดเกี่ยวรั้งเรียวลิ้นเล็กของหล่อนอีกครั้ง ส่วนมือที่ล็อกคางสวยก็เปลี่ยนมากอบกุมหน้าอกอีกข้างที่ว่างของเธอแล้วเพิ่มแรงบีบเร่าคลึงเฟ้นเอาแต่ใจ