“แม่ดูดิ อีพี่แป๊วเจ๊พยาบาลมันขัดขวางเตย” ฉันบ่นอุบหลังจากที่กลับมาบ้านแล้ว แม่ฉันรีบกุลีกุจอและจัดประชุมหารือเรื่องลูกเขยในทันทีที่ฉันมาถึง ฉันได้ทีฟ้องเรื่องอีเจ๊พยาบาทที่บังอาจเป็นกอขอคอระหว่างฉันกับหมออย่างเร็ว
“เตยเกือบจะได้เบอร์หมออยู่แล้ว ถ้าไม่มีนาง ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยดีแน่” ฉันตบโต๊ะป๊าปด้วยความอินก่อนที่แม่ฉันจะยกส้มตำปูปลาร้าจานเด็ดมาวางตรงหน้าเพื่อปลอบใจ
ฉันเสียใจมากที่หมอดูไม่ค่อยจะสนใจฉันเท่าที่เป็น ถ้าเขาไม่อยากคุยกับฉัน เขาจะให้ไลน์ฉันไว้ทำไม... หรือหมอกำลังเล่นตัวอยู่กันแน่!
“บอกพ่อให้เอาปืนไปขู่นางเลยดีมั้ยลูก” แม่ฉันเสนอความเห็นพร้อมแววตาน่ากลัวมาก “หรือจะให้แม่คอมเพลนไปที่โรงพยาบาลให้นางนี่โดนไล่ออกเลยดีมั้ย ข้อหามาเจ๊าะแจ๊ะกับลูกเขยของแม่”
“มันไม่โหดไปเหรอแม่ บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะจะเอาปืนไปขู่นางได้ไงเล่า”
“เราต้องทำอะไรสักอย่างนะลูก ไม่งั้นคุณหมอจะไม่ได้เป็นลูกเขยของแม่ แม่ต้องเสียใจแน่เลย” แม่ฉันทำหน้าสลดและดูอยากได้หมอมากกว่าฉันที่เป็นลูกสาวซะอีก นี่ถ้าหมอได้เป็นลูกเขยบ้านฉันจริง ฉันคงกลายเป็นหมาหัวเน่าแหงๆ
“ที่คุณหมอนัดครั้งหน้า เตยเอาอะไรไปฝากดี” ฉันว่าแล้วใช้ส้อมจิ้มเส้นมะละกอเข้าปาก
“เอาตัวเตยไปฝากไงลูก ผูกโบว์ไปเลย”
“โอ๊ย แม่ก็” ฉันกับแม่มองหน้ากันสามวินาทีเท่านั้นก่อนจะระเบิดหัวเราะและกระมิดกระเมี้ยนเพราะแรงจินตนาการ “เตยควรซื้อชุดใหม่มั้ย?”
“เตยจะไปหาหมออีกวันไหน เดี๋ยวแม่จ้างเจ๊แอ๊วมาแต่งหน้าให้เต็มๆ ติดขนตาปลอมไปเลย แม่จะเปลี่ยนเตยให้เป็นเพชรา เยาวราช” แม่ฉันสนับสนุนและอวยเว่อร์เกินไปมาก และอีกอย่าง เพชรา เยาวราชนี่ใครฟะ ฉันคิดว่าฉันเกิดไม่ทันยุคสมัยของนางนะ!
แต่ฉันแต่งหน้าเต็มๆ ไปก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกันนะ เขาว่ากันว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งไง!
หมอจะต้องหลงฉันมากแน่ โฮะๆๆๆๆ
“แหม แม่ มันจะไม่เกินไปเหรอ” ฉันเอียงอาย
“ไม่เกินไปหรอกลูก เชื่อแม่สิ แม่รู้ โฮะๆๆๆ”
“แหม ขนาดนี้ก็ใส่ชุดแต่งงานไปเลยดีมั้ย พอตรวจโรคเสร็จปุ๊ป เตยก็จะได้แต่งเลยไง”
“ไม่ได้นะลูกเตย เราจะออกตัวแรงมากไม่ได้ เราเป็นผู้หญิง เราต้องรู้จักรักนวลเสนอตัว”
เดี๋ยวๆ มันไม่ใช่รักนวลสงวนตัวหรอกเหรอ หรือแบบเรียนภาษาไทยที่ฉันเรียนมาทั้งชีวิตมันผิดเนี่ย!
“ใช่เหรอแม่” ฉันกลอกตาชะงักก่อนจะจิ้มเส้นมะละกอเข้าปากอีกรอบ เพราะมันแอบเผ็ดฉันเลยต้องกินน้ำตามอยู่หลายรอบ
“ใช่สิลูกเตย สมัยนี้นะ นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้กินหร๊อกก” แม่ฉันพูดเสียงสูงพร้อมนัยน์ตามีลับลมคมใน ฉันกับเธอจ้องตากันเล็กน้อย แม่ฉันเริ่มพูดเสียงเบาแล้วกระซิบกระซาบเหมือนกำลังวางแผนชั่วๆ กันอยู่ “แต่ลูกเตยจะต้องเสนอตัวบ้าง เล่นตัวบ้าง สลับกันให้มันดูมีอะไร เข้าใจมั้ยลูก”
ฉันส่ายหัวรัวๆ ไม่เข้าใจสิ่งที่แม่พูดสักนิด ปกติฉันมีแต่พรีเซ้นต์ตัวเองเต็มที่ นี่ถ้าทำสไลด์พาวเวอร์พ้อยพรีเซ้นต์ให้หมอดูได้ ฉันคงทำไปแล้ว
“แล้วเตยควรทำไงดี” ฉันปรึกษาแม่ เพราะเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันอยากได้หมอมาเป็นสามี ส่วนแม่ก็อยากได้หมอมาเป็นลูกเขยของบ้าน นับว่าเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน แม่ลูบคางนิดหน่อยแล้วคิดอยู่ครู่ใหญ่ ในขณะที่ฉันกำลังกินส้มตำแล้วซี๊ดซ๊าดเพราะความเผ็ด
“เตยฟังนะลูก สิ่งที่ลูกต้องทำตอนนี้คือ...”
“คือ?” ฉันย่นคิ้วและรอฟังแม่อย่างใจจดใจจ่อ กลืนน้ำลายแล้วจ้องเธอหากแต่
“ไปบอกเสี่ยหวันว่าน้ำแข็งหมด ให้มาส่งที่ร้านเพิ่มให้หน่อย แล้วบอกให้เขาเอาน้ำอัดลม น้ำเปล่าที่แม่สั่งไว้มาส่งพร้อมน้ำแข็งเลยนะ”
“โหย แม่อ่ะ นี่มันเกี่ยวกับหมอตรงไหนเนี่ย!!”
“ใจเย็นๆ สิลูกเตย ไม่เคยได้ยินเหรอ ช้าๆ ได้ผัวรูปงาม”
“-*-“ ฉันเบะปากเบื่อกับความมั่วของแม่จริงๆ ถ้าใครสักคนจะเป็นต้นเหตุของภาษาวิบัติก็น่าจะเป็นแม่ฉันนะ เพราะเจ๊แกเล่นเปลี่ยนสำนวนไทยให้พิลึกพิลั่นไปซะทุกอัน
“แม่อ้ะ” ฉันเซ็ง ก่อนจะเลื่อนสายตามองส้มตำที่วางไว้ตรงหน้าแล้วถอนหายใจยาวๆ ฉันกำลังอร่อยกับส้มตำปูปลาร้าอยู่แท้ๆ ทำไมแม่ต้องขัดขวางความสุขอันน้อยนิดที่ฉันมีด้วยเนี่ย!
“ไปเลยลูก เดี๋ยวลูกค้ามาจะไม่มีน้ำแข็งให้เค้า เร็วๆ” แม่ฉันว่าก่อนจะดึงแขนฉันให้ลุกขึ้น ฉันจำใจไปตามคำสั่งของนางอย่างอารมณ์เสีย
อะไรของแม่เนี่ย คุยกันเรื่องลูกเขยอยู่ดีๆ วนมาเรื่องเสี่ยหวันได้ไง แม่ก็รู้ว่าฉันเกลียดตาลุงหัวล้านปากหมานั่นจะตายชัก แล้วยังจะให้ฉันเป็นคนไปเจอหน้าเขาอีก!
ฉันอิดออดนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ต้องเดินออกมาจนได้ ฉันเดินมาสักพักก่อนจะชะงักเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงนุ่มทุ้มร้องเรียกจากทางข้างหลัง
“เตย!”
สะ เสียงนี้!!
ฉันหยุดฝีเท้าก่อนจะหมุนตัวกลับไปมองตามต้นเสียง นัยน์ตาสะดุดกับใบหน้าน่ารักที่ยิ้มมาแต่ไกล เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีเรียบกับกางเกงยีนส์สีเข้มดูสุภาพ คนตัวสูงค่อยๆ เดินมาหาฉันเหมือนโอปป้าเกาหลีที่หลุดออกมาจากซีรีส์ แดดอ่อนๆ ที่บ่งบอกเวลาเย็นนั่นไม่ทำให้ฉันเคลิ้มไปมากกว่าออร่าของคนตรงหน้าที่กำลังเดินมาทางฉัน
หมะ หมออออออออออออออ
อ๊ายยยยย หมอเรียกฉัน อยากจะดิ้น!
“จะไปไหนเหรอคะ?” เขายิ้มหวาน ดูจากสภาพการณ์เขาน่าจะออกเวรแล้ว ฉันเผลอยิ้มเพราะความน่ารักของนางหากแต่ก่อนที่ฉันจะขยับปากพูด หมอก็ดันขยับเข้ามาใกล้ในระยะที่มิควร “หมอกำลังจะไปทานข้าวร้านเตยพอดีเลยค่ะ”
“จะ จริง...” ฉันกำลังจะถามว่าจริงเหรอแต่ทันทีที่นึกอะไรขึ้นมาได้ฉันก็รีบปิดปากตัวเองทันทีและขยับห่างออกจากหมอสองก้าว
ฉิบหาย เมื่อกี้ฉันกินส้มตำมา!
ไม่ใช่ส้มตำธรรมดาแต่เป็นส้มตำปูปลาร้าด้วย!!!!
ฉันคิดว่าฉันแค่ไปเจออีเสี่ยหวันที่ฉันไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์กับเขามากเลยไม่ได้สนใจถ้าฉันจะพ่นกลิ่นเน่าๆ นี่ใส่เขา แต่ใครจะไปรู้ว่าสวรรค์จะช่างกลั่นแกล้งฉันด้วยการส่งหมอมาตอนนี้ ตอนที่ปากฉันมีกลิ่นปลาร้าที่ฆ่าคนได้เนี่ย!
โอยๆ เอาไงดี อยากตอบหมอนะ แต่กลัวหมอตาย ฮือ ;_;
“หืม?” หมอย่นคิ้วเมื่อเห็นฉันไม่ตอบและปฏิกิริยาผิดปกติ
ฉันยิ้มแก้เก้อ ทำไมหมอต้องมาตอนนี้ด้วยฟะ ฉันเครียดนะเนี่ย!
“เตย?” เขาเรียกฉันอีกครั้ง และฉันก็ได้แค่ยิ้ม พยายามจะหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อจะตอบคำถามของหมอหากแต่หมอก็ดันหันหน้าตามฉันมา
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมไม่ตอบ?” เขายื่นหน้ามาใกล้กว่าเดิมอีก
ปะ เป็นค่ะ ตอนนี้ไม่มั่นใจกลิ่นปากตัวเองอย่างมาก เลยไม่อยากตอบหมอไงคะ หลังจากความประทับใจครั้งแรกเจอหมอเอาอะไรมาแหกแหวกช่วงล่างแล้ว ฉันก็ไม่อยากมีประสบการณ์เลวร้ายครั้งที่สองด้วยการคุยกับหมอพร้อมกลิ่นไม่พึงประสงค์หรอกนะ!
และเป็นเพราะฉันไม่ได้ตอบนั่นทำให้เรื่องมันเริ่มลามปามไปกันใหญ่ แต่ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง...
“หรือเตยโกรธที่หมอไม่ให้เบอร์เหรอ?”
ถึงจะหยุดความเข้าใจผิดนี้ได้ ฮือๆ