บทที่5
เยว่เหลียนเดินในจวนตระกูลเยว่ได้อย่างสบายใจอย่างที่ชาติก่อนนางไม่เคยทำได้ แต่ครานี้ไม่มีสิ่งใดติดขัด นั่นก็เพราะความเมตตาจากท่านย่า และภาพวาดที่ได้มาก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางและท่านพ่อดีขึ้นอย่างที่ไม่ได้คาดคิด นางยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย แม้แต่รอยยิ้มของนางก็เปลี่ยนไป จากยิ้มจนเต็มดวงตา ตอนนี้รอยยิ้มของเยว่เหลียนคล้ายจะมีแผนการอยู่ภายใจในตลอดเวลา
“ภาพที่เจ้าเอามาฝากในวันนั้นพ่อได้นำไปให้เหล่าบัณฑิตดูเจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นภาพที่กำลังตามหากันจริง ๆ”
เยว่เหลียนยิ้มจาง ๆ แม้ว่านางจะแสร้งทำเป็นไม่รู้แต่เรื่องนั้นนางย่อมรู้แต่แรกอยู่แล้ว
“เช่นนั้นก็ยินดีกับท่านพ่อด้วยนะเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยออกไป แต่ดูเหมือนที่ผู้นำตระกูลเยว่ลดตัวมาคุยกับบุตรสาวคนโตที่หมางเมินนั่นก็เพราะอยากได้กำไรที่มากกว่านี้ต่างหาก ทั้ง ๆ ที่รูปในมือนั่นก็ได้หลายพันตำลึงแล้วแท้ ๆ แต่คงไม่พอสินะ เป็นเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นไม่เคยเปลี่ยน
ดี! ข้าจะได้ควบคุมพวกท่านง่ายหน่อย
ข้าเคยเต้นตามเสียงดนตรีที่พวกท่านบรรเลง ครานี้ถึงคราวข้าเป็นผู้กำหนดบ้างแล้วว่าจะเล่นเพลงใด แน่นอนว่าบทเพลงนั้นย่อมไม่ใช่บทเพลงรัก
“เจ้าซื้อจากที่ใดหรือ”
เยว่เหลียนยิ้มคล้ายจะยินดี เพราะนางรู้อยู่แล้วว่าท่านพ่อจะต้องมาถาม “ร้านค้าไร้ชื่อในเมืองเจ้าค่ะ ให้คนที่เดินทางมากับข้าพาไปก็ได้”
คนเป็นพ่อยิ้มอย่างพอใจ
“เช่นนั้นหรือ เจ้าเองว่าง ๆ ก็ไปซื้อหาของใช้สอยเอาตามสะดวกนะ” ถุงเงินถุงหนึ่งถูกส่งให้กับบุตรสาวคนโต การได้เจอกับเยว่เหลียนทำให้คนมีอายุอดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันวานของเขาและมารดาของอีกฝ่าย น่าเสียดายยิ่งนักที่นางจากไปเร็วเสียเหลือเกิน หากนางยังอยู่และได้เห็นบุตรสาวโตมาเหมือนกับนางไม่ผิดเพี้ยน นางคงจะดีใจไม่ใช่น้อย ความคิดนั้นคนเป็นพ่อมิได้เก็บเอาไว้เพียงแค่ในใจ
“เจ้ารู้หรือไม่ใบหน้าของเจ้าช่างเหมือนมารดาของเจ้ายิ่งนัก” เยว่เหลียนอยากจะบอกไปว่าเพราะเหตุนั้นมิใช่หรือท่านพ่อจึงให้นางกลับไป(เพิ่ม ไป ค่ะ)อยู่กับท่านตา แต่ยังไม่ทันที่จะตอบอะไรกลับอีกฝ่ายก็พูดต่อ คำพูดที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าบางทีท่านพ่อของนางอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิดก็เป็นได้
“หากมารดาของเจ้ายังอยู่ นางจะต้องดีใจแน่ ๆ ที่เห็นเจ้างดงามเหมือนนางเช่นนี้” พูดจบบิดาของนางก็เดินจากไป คงจะไปจัดการเรื่องรูปภาพเป็นแน่ เยว่เหลียนส่ายหน้าให้กับบิดา ช่างเป็นคนที่ดูได้ง่ายจริง ๆ
ว่าแต่ในใจท่านก็ยังคงมีท่านแม่ของข้าอยู่บ้างสินะ เยว่เหลียนอดคิดเช่นนั้นไม่ได้เมื่อได้ยินคำที่เอ่ยออกมาจากปากของอีกฝ่าย
เยว่เหลียนหายใจเข้าลึกอย่างปลงตก บางทีบิดาของนางอาจจะเป็นเพียงแค่คนที่เห็นแก่ตัวมากไปหน่อย และยึดติดในบางเรื่อง แต่โดยรวมแล้วก็ยังเป็นเพียงคนธรรมดา แม้จะบอกไม่ได้จากเรื่องในครั้งนี้ แต่อย่างน้อยการเริ่มต้นระหว่างท่านพ่อและนางก็ไม่ได้ย่ำแย่อย่างเช่นคราก่อน ที่อีกฝ่ายทำราวกับอยากจะฆ่านาง ฆ่าลูกในไส้ของตน แม้จะคิดเช่นนั้น นางก็ไม่ได้คิดจะให้อภัยผู้ใด
“เยว่เหลียนเจ้ามาอยู่นี่เอง แม่ก็ตามหาเสียทั่วจวน” เสียงเยว่ฮูหยินดังมาแต่ไกล
หญิงสาวมองหน้าแม่เลี้ยงของนาง รอยยิ้มจอมปลอมแบบที่สองแม่ลูกชอบทำปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเยว่เหลียนเช่นเดียวกัน พวกท่านเสแสร้งได้ข้าก็ทำได้ ข้าใช้หนึ่งวิญญาณของข้าเพื่อเรียนรู้มัน
“ท่านมีธุระอะไรกับข้าหรือเจ้าคะ”
“ธุระอะไรกัน พูดจาห่างเหินราวกับคนไม่รู้จักกัน แม่ก็แค่มาดูแลความเป็นอยู่ให้เจ้า เรือนนี้เป็นเช่นไรบ้างอยู่ได้ใช่หรือไม่”
เยว่เหลียนปั้นยิ้มสวยและบริสุทธิ์ให้แม่เลี้ยงอย่างที่ควรจะเป็น
“ได้เจ้าค่ะ เรือนนี้ใหญ่และกว้างขวางกว่าที่ข้าเคยอยู่อีก” ทั้ง ๆ ที่เรือนนี้ค่อนข้างหนาวเย็นอีกฝ่ายคงจัดการให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่เรื่องแค่นี้เยว่เหลียนไม่สนใจหรอก
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว เช่นนั้นก็ดี แม่กับน้องของเจ้าจะไปไหว้พระบนเขา เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่”
เยว่เหลียนหมายใจจะอ้างความเหนื่อยที่นางเพิ่งเดินทางกลับมา เพราะนางไม่อยากไปกับสองแม่ลูกนี่ แต่ที่ไม่อยากไปอีกอย่างก็เพราะนางรู้ว่าคนทั้งสองกำลังจะทำอะไรกับนาง
ที่นางไม่ได้กลับมาที่นี่ ก็ล้วนเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงนางทั้งนั้น ไปไหว้พระหรือ ไปบอกว่านางมีดวงชะตาไม่ดีมากกว่า แล้วพระหรือนักพรตกันแน่ที่อีกฝ่ายไปหา จ้างวานให้หลอกลวงว่านางนั้นดวงชะตาไม่ดี
เชอะอย่ามาหลอกข้าให้โง่เลย
“ข้าคงต้องขอตัวเจ้าค่ะ เพิ่งเดินทางมายังไม่หายเหนื่อยหายเพลียจะให้เดินทางอีกครั้ง ร่างกายของข้างคงยังไม่ไหวเป็นแน่ พวกท่านไปกันก็เดินทางปลอดภัยกลับมาด้วยนะเจ้าคะ”
ใบหน้าของคนมีอายุกระตุกยิ้มอย่างไม่เต็มใจ นางตั้งใจจะหาเรื่องพาเยว่เหลียนไปเจอท่านนักพรตแล้วแกล้งเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย จะได้นำคำทำนายอัปมงคลจากท่านนักพรตมาบอกกับสามี แต่ในเมื่อเด็กดื้อด้านนี่ไม่ไปนางจะอ้างอะไรได้
ทั้ง ๆ ที่เรื่องคำทำนายนี่ใช้ได้ผลมาตลอดหลายปีเพื่อดึงให้สามีไม่รับตัวเยว่เหลียนกลับเมืองหลวง ไม่คิดว่ายามนี้ เพียงแค่ภาพวาดภาพเดียวถึงกับทำให้สามีของนางเมินต่อถ้อยคำทำนายพวกนั้น
“เช่นนั้นก็ไม่เป็นอะไรหรอก แม่จะบังคับจิตใจเจ้าได้อย่างไร ยิ่งเดินทางมาเหนื่อย ๆ แม่ก็ลืมคิด คิดแต่อยากจะพาเจ้าไปไหว้ขอพร เช่นนั้นเจ้าก็พักเถอะแม่ไม่กวนแล้ว”
เยว่เหลียนมองแม่เลี้ยงของตนที่เดินไปด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ คำก็แม่ สองคำก็แม่ นางอยากจะบอกออกไปจริง ๆ ว่าแม่ของนางมีเพียงแค่คนเดียว และนางก็สิ้นใจไปแล้ว เพราะอีกฝ่ายนั่นแหละ แม้จะยังไม่มีหลักฐาน แต่คำพูดของเยว่เม่ยที่บอกนางก่อนตายเชื่อถือได้แน่ ๆ คอยดูเถอะ นางจะกระชากหน้ากากของคนเหล่านี้ออกมาเอง