ตอนที่ : 1 แพ้

1000 Words
1 -แพ้-            หญิงสาวในชุดทำงานกระโปรงทรงสอบสีดำ ยาวเลยเข่าผ่าหลังให้เดินสะดวก สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนเสื้อขึ้นไว้ตรงข้อศอก ผมสีดำสนิทถูกมัดรวบแบบเรียบ ๆ ทิ้งปลายลงมากลางหลัง เท้าบนส้นสูงคู่สวยแนบชิดกันอย่างอัตโนมัติ รีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูกไว้ ทันทีที่มีคนเข้ามาอยู่ภายในลิฟต์ตัวเดียวกัน            ‘อดทนไว้ ๆ’            เอรินพนักงานสาวในวัยยี่สิบห้าปี ทั้งขยับแว่นตาทั้งปิดจมูกเอาไว้จนแทบจะหายใจไม่ออก หญิงสาวมีอาการแพ้กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายคนที่เพิ่งเดินเข้าลิฟต์มาอย่างรุนแรง เรียกได้ว่าแทบจะยืนอยู่ต่อไปไม่ไหว ทั้งกลั้นหายใจก็แล้ว ยืนถอยห่างกันก็แล้ว            ตึ๊ง !            ความซวยมาเยือนอีกรอบ เมื่อมีคนกรูเข้ามาใช้บริการในชั้นหนึ่งถึงสิบกว่าคน เอรินซึ่งยืนอยู่ด้านในสุดถึงกับถูกเบียดเข้ามาด้านในสุดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วคนที่ฉีดน้ำหอมกลิ่นนั้นถูกดันมาอยู่ตรงหน้าของเธออีกด้วย ใกล้จนแผ่นหลังเขาแทบจะชนจมูกของเธออยู่แล้ว เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นเต็มขมับ ลมหายใจหอบถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ภาวนาว่าอย่าเป็นลมก่อนถึงชั้นแปดก็แล้วกัน            ตึ๊ง !            หญิงสาวถึงกับโล่งอกเมื่อทุกคนทยอยออกจากชั้นสี่ไปเกือบหมด เหลือแค่เธอกับเจ้าของกลิ่นน้ำหอมที่แทบจะฆ่ากันได้นั่น เอรินเขยิบถอยออกไปจนชิดอีกมุม เหมือนเธอจะได้ยินเสียงจิ๊ปากจากเขา จำต้องเงยหน้าขึ้นไปมองตรง ๆ            เอรินหน้าเหวอเล็กน้อยจากความหล่อเหลาของเขา คนนี้แหละใช่เลย คนที่เธอตามหามานาน ทว่า            “ฮัดชิ้ว !” รีบหันหน้าหนีไปอีกทาง กดผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกเอาไว้แน่น ๆ กลิ่นอบอวลชวนคลื่นไส้จากเขา ไม่สามารถทำให้เธอชื่นชมความหล่อไร้ที่ติของเขาได้อีก ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมเหมือนได้ยินเสียงเขาคำรามในลำคอเบา ๆ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดกว้างออก ใช่แล้ว เขาทำงานอยู่ชั้นเดียวกับเธอ และที่สำคัญเขาดันเป็นเจ้านายคนใหม่ของเธออีกด้วย            “คุณเป็นเลขาผมเหรอ” คริสถามผู้หญิงที่เขาเจอในลิฟต์เมื่อเช้า คนที่ทำท่ารังเกียจเขานักหนา            “ค่ะ”            “งั้นคงต้องคุยกันเยอะหน่อยนะ”            “ค่ะ”            ‘ทำไงดี ๆ ยัยริน เธอจะรอดไหม จะบอกเขาดีไหมนะ’            “ผมคุยกับคุณอยู่นะ มองหน้าผมสิ” เขาดุคนที่เอาแต่เบือนหน้าหนีไปจากเขา            “ค่ะ ฮัดชิ้ว !”            “น่ารำคาญชะมัดไปกลับไปนั่งโต๊ะได้แล้วไป” คริสไล่แบบอารมณ์เสีย เกิดมาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนทำท่ารังเกียจใส่เขาแบบนี้มาก่อน ยัยแว่นตาหนาเตอะหน้าจืด ๆ นี่ทำไมถึงได้กล้าดีมาทำแบบนี้ใส่เขาได้            การเจอกันวันแรกดูเหมือนเจ้านายของเอรินจะไม่ปลื้มเธอเสียแล้ว หญิงสาวนั่งทำงานแบบคอตกไปตลอดทั้งวัน            “รินมีอะไรกับคุณคริสเขาหรือเปล่า เห็นทำหน้าตึง ๆ ใส่กันตั้งแต่ตอนแนะนำตัวในแผนกแล้ว” อันนียาเพื่อนร่วมงานคนสนิทของเอรินเดินมาทักระหว่างพักเที่ยง            “คุณคริสเขาใช้น้ำหอมกลิ่นที่รินแพ้น่ะอ้อ เจอกันตอนอยู่ในลิฟต์ตอนเช้า รินได้กลิ่นแล้วเวียนหัวอยากอ้วก เข้าใจนะแบบมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่”            “ทำไมไม่บอกคุณคริสไปล่ะว่ารินแพ้กลิ่นน้ำหอมของเขา น้ำมูกก็มาดูสิเอ้านี่ทิชชู” อันนียายื่นทิชชูให้เพื่อนด้วยความเป็นห่วง เข้าใจเอรินเป็นอย่างดีในเรื่องนี้ ได้กลิ่นน้ำหอมที่แพ้เมื่อไหร่เพื่อนคนนี้จะต้องจามกับน้ำมูกไหลไปตลอดทั้งวันเลยทีเดียว            “เรื่องนี้มันเป็นปัญหาของรินนะอ้อ จะไปบอกให้เจ้านายเปลี่ยนน้ำหอมมันก็ไม่ใช่เรื่อง รินต้องจัดการที่ตัวรินเอง”            “จัดการยังไงก็คนมันแพ้ เห็นบรรยากาศแล้วน่ากลัวพิลึก ได้ข่าวว่าเจ้านายคนใหม่เรามีแฟนแล้วอ่ะ แว่ว ๆ ว่าจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้ด้วย เสียดายเนอะ” อันนียาทำหน้าเพ้อฝันเล็กน้อย            “งั้นเหรอ” เอรินยอมรับว่าคริสหล่อจริง ๆ แต่ถ้าเขามีคนรักอยู่แล้ว ก็คงต้องทำใจให้แข็งเข้าไว้ เธอจะไม่หวั่นไหวในเสน่ห์อันล้นหลามของเขาเด็ดขาด            “อายุแค่สามสิบห้าเองไม่น่าแต่งเร็วเลยเนอะ” อีกคนก็ยังนึกเสียดายอยู่            “อืม” เอรินกลอกตาใส่เพื่อน ขนาดเจอกันวันแรกอันนียายังไปสืบประวัติคริสมาเสียละเอียดยิบ            “แล้วนี่ใกล้ทำเลสิกยัง”            “ยังเลยเก็บเงินยังได้ไม่ครบเลยอ้อ รินไม่อยากใช้เงินเก็บฉุกเฉินทำน่ะ”            “รีบ ๆ ทำนะ ทำแล้วโลกสดใสขึ้นเป็นกองแน่นอน เห็นเป็นเพื่อนกันนะเนี่ยถึงได้แนะนำให้ทำ ดูสินี่แว่นหนา ๆ นี่มันรั้งจมูกดันใต้ตาจนบวมไปหมดแล้วนี่” อันนียาจิ้มที่กลางแว่นของเอรินเบา ๆ ถอดแว่นตาเมื่อไหร่เอรินก็เหมือนคนตาบอดทุกที เห็นก็เหมือนไม่เห็น แม้แต่ตอนกินข้าวก็ถอดไม่ได้ ตักผิดตักถูกอยู่นั่นแหละ            “ขอบใจจ้ะอ้อ สักพักคงได้ทำไม่นานหรอก”            “รอยลโฉมเลยจ้ะ เธอต้องมีวันได้เห็นความชัดเจนของโลกใบนี้ สู้เขานะริน”            “จ้าสู้ก็สู้” แม้ไม่รู้ว่าจะไปสู้กับอะไร แต่เอรินก็ไม่เคยทำลายน้ำใจของเพื่อนร่วมงานเลยสักครั้ง อันนียาอยู่คุยด้วยแป๊บหนึ่งก็เดินกลับโต๊ะทำงานของตนเองไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD