บทนำ นอนกับฉันสิ... แล้วเธอจะได้ในสิ่งที่ต้องการ
บทนำ
นอนกับฉันสิ...
แล้วเธอจะได้ในสิ่งที่ต้องการ
เสียงท้องฟ้าคำรามดังกึกก้อง ห่าฝนเม็ดใหญ่เทลงมาอย่างบ้าคลั่งกว่าสองชั่วโมงแล้วโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ด้านนอกหน้าต่างมองเห็นท้องฟ้ามืดสนิททั้งที่เวลานี้เพิ่งห้าโมงเย็นเท่านั้นเอง
ชายร่างสูงใหญ่ใบหน้าดุดันเต็มไปด้วยหนวดเครายืนกอดอกทอดสายตาออกไปที่หน้าประตูรั้วคฤหาสน์ด้วยความว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก ไร้ซึ่งความเห็นใจต่อร่างบอบบางที่ยืนตากแดดตากฝนมากว่าสี่ชั่วโมง
หึ!
เจ้าของดวงตากร้าวกระด้างแค่นเสียงหัวเราะเหยียดในลำคอ ริมฝีปากหนาหยักได้รูปยกยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากราวกับเสือร้ายที่กำลังเล่นสนุกกับเหยื่อที่หามาได้
ค่อยๆ ใช้กรงเล็บตะปบให้ดิ้นทุรนทุราย พอเหยื่อทำท่าจะไม่ไหวก็แสร้งหยุดให้ย่ามใจ เมื่อเหยื่อมีแรงหนีก็ค่อยไล่ล่าสร้างความหวาดผวาอีกครั้ง เพื่อให้เหยื่อได้รับความทุกข์ทรมานให้มากที่สุด นี่แหละคือความสนุกของนักล่า
“นนท์”
“ครับนาย”
“ไปพาตัวผู้หญิงคนนั้นเข้ามาพบฉัน”
“ได้ครับนาย”
นนท์บอดี้การ์ดและเลขาคนสนิทในชุดสูทสากลสีดำค้อมตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวถอยหลังไปสามสี่ก้าวแล้วหมุนตัวเปิดประตูห้องทำงานของเจ้านายออกไปอย่างเงียบเชียบและว่องไว
“ก็แค่ละครฉากใหญ่ เรียกร้องความสนใจ คิดหรือว่าฉันจะให้ค่าผู้หญิงอย่างพวกเธอ”
ริมฝีปากขยับช้า ดวงตาจดจ้องไปยังร่างเล็กที่ถูกบอดี้การ์ดกางร่มให้ ส่วนแม่บ้านยื่นผ้าเช็ดตัวให้เธอเช็ดใบหน้าและห่อร่างกายที่สั่นเทิ้มจากห่าฝนบ้าคลั่งเอาไว้
เขาค่อยๆ สืบเท้าเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะทำงานคล้ายกำลังฆ่าเวลา
“มาแล้วครับนาย”
“ให้เข้ามา”
“ครับนาย”
เมื่อหญิงสาวร่างบอบบางก้าวเข้าไปในห้องทำงานหรู นนท์ก็เดินกลับออกไปแล้วปิดประตูไว้ดังเดิม โดยยืนหันหลังเฝ้าหน้าประตูเอาไว้ ซึ่งด้านนอกนั้นมีบอดี้การ์ดที่เป็นลูกน้องของนนท์อีกสี่นายด้วยกัน
ล้วนเป็นอดีตทหารมือดีและทุกคนล้วนมีปืน!
คนที่ทำธุรกิจสีเทาจำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดประกบเช่นนี้ เพราะชีวิตที่ร่ำรวยบนกองเงินกองทองนั้นแลกมาด้วยความตายแทบทุกย่างก้าว
เจ้าของดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเรือนร่างเปียกปอน กางเกงยีนสีซีดนั้นรัดสะโพกผายให้กลมกลึง เชิ้ตขาวแนบลู่ไปกับไหล่นวลและทรวงอกสล้าง แม้ว่าเธอจะพยายามห่อหุ้มร่างไว้ด้วยผ้าเช็ดตัว ทว่ากลับไม่สามารถรอดพ้นจากดวงตาของคนที่ประกอบธุรกิจสีเทาอย่าง ‘ปรเมศ’ ไปได้
เขาผู้พัวพันกับ สุรา การพนัน และกาม!
ปลายนิ้วมือยังคงขยับเคาะลงบนโต๊ะอย่างช้าๆ ครานี้ไม่ได้เคาะเพื่อฆ่าเวลา แต่เคาะราวกับจะยั่วให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดและกดดัน
“อยากได้เพิ่มเท่าไหร่”
เขาเหลือบมองเช็คเงินสดสามล้านบนโต๊ะที่หญิงสาวให้คนนำมาคืนตนแล้วถึงกับแค่นหัวเราะในลำคอ ลูกไม้ตื้นๆ แสร้งทำเป็นไม่รับเงินก้อนโต เพื่อจะเรียกร้องเงินมากกว่าที่เสนอไป
คงหิวเงินมากเลยสินะ...
“หนูไม่ได้ต้องการเงินของคุณค่ะ หนูบอกคุณไปแล้วว่าหนูต้องการแค่ได้อยู่ใกล้ชิดกับ ‘น้องกานต์’ ขอให้หนูได้ทำงานเป็นพี่เลี้ยงน้องกานต์เถอะนะคะคุณปรเมศ หนูสัญญาค่ะว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด คุณจะไม่ให้เงินเดือนหนูก็ได้ ขอแค่หนูมีที่พักอาศัย มีอาหารครบสามมื้อก็พอ”
หญิงสาวเอ่ยออกไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่หายใจ ริมฝีปากของเธอสั่นด้วยความประหม่า หัวใจของเธอเต้นแผ่วด้วยความคาดหวังและหวาดหวั่นไปพร้อมๆ กัน
“สี่ล้านพอมั้ย”
เขาหยิบสมุดเช็คขึ้นมา จากนั้นจึงเอื้อมไปหยิบปากกาหรูราคาด้ามละหลานแสนราวกับไม่สนใจสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูดเลยสักนิด
แก้มใสเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกเพื่อพยายามเรียกสติและข่มอารมณ์ขุ่นมัว
‘อดทนนะแก้ม เพื่อน้องกานต์เราต้องอดทนนะ’
หญิงสาวค่อยๆ คลายมือที่บีบแน่น จ้องมองใบหน้าของชายตรงหน้าที่กำลังมองเธออย่างประเมินอยู่ก่อนแล้ว สายตาของเขาดุดันราวกับเสือร้าย หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงวิ่งหนีร้องไห้โฮด้วยความหวาดกลัว แต่เวลานี้เธอไม่ใช้แก้มใสคนเดิมอีกต่อไป ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่เธอต้องการปกป้อง ไม่ว่าจะยากลำบากหรือแม้ต้องแลกด้วยชีวิตของเธอ เธอก็พร้อมจะทำ!
“หนูไม่ได้ต้องการเงินของคุณค่ะ หนูอยากเป็นพี่เลี้ยงน้องกานต์ ได้โปรดเถอะนะคะคุณปรเมศ หนูเลี้ยงน้องกานต์มาตั้งแต่แบเบาะ หนูรู้ทุกอย่างว่าน้องกานต์ต้องการอะไร ชอบอะไร น้องกานต์จะมีความสุขถ้า...”
“ห้าล้าน!”
คนตัวเล็กถึงกับชะงักจนริมฝีปากสั่นระริก เขาไม่ฟังสิ่งที่เธอพูดเลย ราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงที่เขาต้องการใช้เงินฟาดเพื่อให้เธอออกไปจากชีวิตเขาให้เร็วที่สุด
“หนูยังยืนยันคำเดิมว่าหนูไม่ได้ต้องการเงินค่ะ”
“หกล้าน หรือว่า... เธออยากได้สิบล้าน”
ดวงตากลมโตปิดสนิทก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ แก้มใสสูดลมหายใจเข้าปอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ดูเหมือนว่าเธอเองก็มีขีดจำกัดของความอดทนเช่นกัน
“ถ้าคุณปรเมศไม่ได้หูตึง คุณก็ควรจะได้ยินนะคะว่าหนูไม่ได้ต้องการเงิน หนูต้องการเป็นพี่เลี้ยงของน้องกานต์ค่ะ”