“ เหรอคะเจ๊ แย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” เมษาเอ่ยด้วยความกังวล ตัวเองกับเพื่อนก็มาจากต่างถิ่น เกิดมาเจอเด็กอันธพาล เด็กติดยาหรืออะไรพรรค์อย่างนั้น ใครจะไปรู้ว่าอะไรร้าย ๆ จะเกิดขึ้นบ้าง
เจ๊ดอกไม้หันกลับมาพร้อมพยักเพยิดทันที
“ จริงสิ อยู่กันสองห้อง มันเป็นเพื่อนกันทั้งหมด ห้องฝั่งติดเธอเนี่ยชื่อไอ้ธันวา ไอ้นี่หน้าตาดี ตัวสูงใหญ่ แต่เตือนไว้ก่อนเลยว่าอันตรายที่สุด มันหื่นกาม จิตวิตถารด้วย พาผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้า ไม่รู้ไปฉุดใครหรือออฟหมอนวดที่ไหนมา พ่อล่อไม่เลือก ไอ้นี่เขาอยู่คนเดียวเพราะจะมีผู้หญิงผลัดกันมาเป็นเหยื่ออยู่เรื่อย ๆ ส่วนห้องถัดไปที่ติดเจ๊นั่นมีไอ้แว่นตัวผอม ๆ กับไอ้เตวิทย์ตัวล่ำ ๆ คล้ำ ๆ ที่เป็นนักมวยอยู่ด้วยกัน เห็นว่าใส่แว่นท่าทางเหมือนเด็กเรียนนะ แต่ที่ไหนได้เขาว่ามันทั้งค้าทั้งเสพ วันดีคืนดีเดี๋ยวมันก็พาพรรคพวกมากินเหล้า เล่นยา ดีดกีตาร์ร้องเพลง เราเตือนก็ไม่ได้นะ มันจะกระทืบเอาสิ ไอ้เตวิทย์มันเป็นนักมวยด้วย เจ๊ก็ต้องอยู่ไปอย่างอดทนนี่ละ อาศัยว่าห้องดีราคาถูก ” วินวี่ยกมือขึ้นทาบอก
“ ว้าย ! นี่มันอันธพาล สวะสังคมชัด ๆ เลยนะคะเนี่ย ” เจ๊ดอกไม้พยักหน้าหงึก ๆ
“ ใช่สิ แล้วมีมากกว่านั้นนะจ๊ะ เจ๊จะขอบอกไว้เลย ไอ้ธันวาเนี่ยมันเป็นลูกของเสี่ยธเนศ ตอนน้องเข้ามาน่ะ เห็นบ้านหลังใหญ่ ๆ กลางซอยไหม ” คู่หูเพื่อนรักพยักหน้า
“ เออนั่นล่ะ เป็นพ่อขอไอ้ธันวา เขาลือกันว่า ไอ้ธันวาโดนไล่ออกจากบ้าน เพราะอะไรรู้ไหม ” เจ๊ดอกไม้ลดเสียงลง พร้อมหรี่ตาที่มันแคบอยู่แล้วให้แคบลงกว่าเก่า ทั้งคู่รีบขยับเข้าไปใกล้
“ เพราะอะไรเหรอคะเจ้ ”
“ เพราะมันข่มขืนแม่เลี้ยง เมียใหม่ของพ่อ พ่อมันจับได้ก็เลยโยนมันออกจากบ้านน่ะสิ ”
“ ว้าย ! ตาเถรตกใต้ถุน แม่เลี้ยงก็ไม่เว้นเหรอคะ ” วินวี่ทำตาโต เจ๊ดอกไม้พยักหน้าหงึกหงักรุนแรงคอแทบหัก
“ นี่ เขาลือกันนะว่ามันเป็นโรคติดเซ็กส์ ซาดิสม์ อาศัยว่ามันหน้าตาดี รูปร่างดี ผู้หญิงก็เลยติดกับมันไม่มีหยุดหย่อน หารู้ไม่ว่าเป็นซาตานในคราบเทพบุตร ”
“ หน้าตาดีเหรอคะ ” วินวี่หูผึ่ง
“ ก็... ประมาณหนึ่งแหละ พอไปวัดไปวาได้ ” เจ๊ดอกไม้ว่า
“ ถ้าอย่างนั้นหนูจะลองเสนอตัวเป็นเหยื่อให้นายธันวาคนนี้ดู จะได้ลดอันตรายต่อผู้หญิงคนอื่น หนูยอมเสียสละค่ะ ”
“ อีวินวี่ ! ” ผู้เป็นเพื่อนรีบยกมือขึ้นฟาดแขนดังเพี้ยะ วินวี่ได้แต่คำแขนป้อย ๆ
“ อะไรวะเมษ์ นี่ฉันกำลังจะพลีร่างเพื่อมวลชน เสียสละเพื่อความสงบสุขแห่งมวลมนุษยยชาติเลยนะ ”
“ เจ๊ขอเตือนคุณน้องทั้งสองเลยนะคะว่า อย่าเอาตัวเข้าใกล้ไฟ ถ้าไม่อยากตายอย่างทุกข์ทรมาน อยู่ห่าง ๆ ไว้ดีที่สุด เจ๊ไปนะคะ เชิญคุณน้องทั้งสองพักผ่อนเถอะค่ะ ” แล้วร่างอวบอ้วนของเจ๊ดอกไม้ก็จากไป ประตูห้องถูกปิดลง แต่เจ๊แก เล่นทิ้งระเบิดก่อนไป ใครที่ไหนจะหลับลง
“ เวรกรรมแท้ ๆ เลย ย้ายมาต่างบ้านต่างเมืองครั้งแรกก็มาเจอเด็กโรคจิตข้างห้อง ” เมษาบ่นอุบก่อนจะเดินลงมาทิ้งตัวนอนบนเตียงแล้วก่ายหน้าผาก
“ ยังไม่ทันเจอของจริงเลย คิดไปถึงไหน ๆ แล้ว ระดับอีเจ๊ดอกนั่นน่ะนะ วินวี่มองก็รู้แล้วว่าบอร์นทูบีเสือก เกิดมาเพื่อเสือกและเม้าท์เท่านั้น ไม่รู้เชื่อได้หรือเปล่า ”
“ แกก็อย่าบ้าผู้ชายให้มากนักวินวี่ มันไม่ใช่เด็กธรรมดา มันทั้งค้า ทั้งเสพ ทั้งโรคจิต ระวังจะตายแบบศพไม่สวย ”
“ เออ ฉันรู้แล้วน่า ไปนอน ๆ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ดูสถานการณ์ไปก่อน ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ก็ค่อยขยับขยายละกัน อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้เลยแก นอน ๆ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าหน้าสวย ๆ เผลอ ๆ ฉันอาจจะเจอเนื้อคู่ที่นี่ก็ได้ ”
พูดจบวินวี่ก็ทิ้งตัวลงนอน เมษาจึงทำตามเพื่อนรักบ้าง ไม่ถึงห้านาที สองสหายก็หลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลีย
ขณะกำลังอยู่ในห้วงแห่งภวังค์นิทราอันแสนสุขอยู่ พลันนั้นเมษาก็ต้องสะดุ้งเฮือกตื่นจากฝันอันแสนหวานทันที เนื่องด้วยมีเสียงบางอย่างกระทบโสตประสาท
“ โอ๊ย อย่า อย่าทำแบบนั้น ได้โปรด... ”
เมษาตาลุกโพลง ใจหายวาบ ถ้อยคำของเจ๊ดอกไม้ที่สาธยายให้ฟังเกี่ยวกับไอ้เด็กข้างบ้านติดยาแถมยังโรคจิตพุ่งเข้ามาในหัวทันที
“ หรือว่ามันกำลังจับผู้หญิงมาทรมานวะน่ะ ”
“ อ๊า ! ” เสียงกรีดร้องดังขึ้น หญิงสาวสะดุ้งเฮือก สายตาตวัดไปมองนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนครึ่ง ห้องเช่าอยู่แถบชานเมืองแบบนี้ คงไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงคนนั้นเป็นแน่แท้ ไวเท่าความคิด เมษารีบเขย่าแขนเพื่อนสาวที่นอนกรนเอาเป็นเอาตายราวกับเสียงเรือหางยาวก็ไม่ปาน
“ วินวี่ ลุกเร็ว ไอ้เด็กข้างบ้านมันเอาผู้หญิงมาทรมานร้องเสียงโหยหวนเหมือนใกล้ตายเลย ” ร่างกำยำของเพื่อนรัก ทำเพียงขมวดคิ้วแล้วพลิกตัวเอาผ้าห่มมาคลุมโปงก่อนจะกรนต่อ
“ อีเทวินทร์ ! ” เธอเรียกดังขึ้น หากแต่กะเทยไทยนางนั้นยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง
“ นี่มึงนอนหรือมึงซ้อมตายเนี่ย ชักช้าอยู่นั่น ผู้หญิงคนนั้นตายพอดี ไปดูลาดเลาก่อนแล้วกันเว้ย ” เมษาตัดสินใจ ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังที่มาของเสียง ไม่ลืมที่จะหยิบมีดหนึ่งเล่มที่ปอกมังคุดกินกับเพื่อนสาวก่อนเข้านอนมากระชับไว้ในอุ้งมือ
เสียงมันดังมาจากทางด้านหลังที่ต้องเปิดประตูครัวออกไป ซึ่งทางบ้านเช่าต่อออกไปเป็นพื้นที่สำหรับตากผ้าหรือ ซักล้าง ดังนั้นระหว่างห้องจึงโบกปูนปิดทึบไว้เฉพาะด้านล่างขึ้นมาราวหนึ่งเมตร ส่วนด้านบนใช้ไม้ฝาเฌอร่ากว้างราวฝ่ามือตีห่างกันราวสองนิ้วในแนวตั้งเพื่อให้ลมพัดผ่านเข้าได้ ดังนั้น เมษาจึงสามารถมองลอดจากระเบียงหลังห้องของตัวเองไปยังห้องติดกันได้ และภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็ทำเอาเมษาแทบช็อค