เมษาและวินวี่

1246 Words
        “ โอ๊ย ทำไมมันทุลักทุเลขนาดนี้วะ ถ้าไม่นึกถึงเบี้ยเลี้ยงพิเศษวันละแปดร้อยห้าสิบค่าสกิลที่จะได้รับนะ วินวี่จะไม่ทน ไอ้รถบ้าของฉันก็ดันมาเข้าอู่ได้จังหวะพอดิบพอดี ”           เสียงบ่นกะปอดกะแปดออกมาจากริมฝีปากหนาที่เคลือบลิปสติกสีชมพูโอรสแปร๊ดตัดกับสีผิวคล้ำของนางเสียเหลือเกิน ใบหน้าโบกด้วยรองพื้นและเครื่องสำอางหนาเตอะ ดวงตาที่กระพือขึ้นลงไม่ยอมหยุดนั้นติดขนตาชนิดหนายาวงอนเป็นพิเศษเพื่อให้ดูกลมโตและอ่อนหวาน แต่แทนที่มันจะดูสวยแบ๊วอย่างที่นางตั้งใจ มันกลับดูเหมือนมีนกอินทรีย์ไปกระพือปีกแทนขนตาเพราะมันหนาและยาวจนเกินควรสวยแบบแปลก ๆ สวยแหวกมนุษย์มนา         ร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแน่นแกร่งไปทั้งตัวแบบฉบับชายชาตรีทั้งแท่ง  แต่การแต่งกายและจิตใจของนางล้ำอิสตรีที่แท้ทรูไปเสียสิ้น เดินบิดสะโพกไปมาราวกับเยื้องย่างอยู่บนเวทีประกวดมิสทิฟฟานี่           นางคือ วินวี่ สาวประเภทสองที่คิดว่าตนเองงามเลิศเจิดจรัสที่สุดในปฐพี           “ หุบปากสักทีอีเทวินทร์ ทน ๆ เอาหน่อยเถอะวะ ” อีกคนที่เดินเคียงข้างเอ่ยสวนเพื่อตัดความรำคาญ                     ตากลมโตภายใต้คิ้วโก่งได้รูป จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากอวบอิ่ม เครื่องหน้าเหล่านั้นอยู่ภายใต้กรอบใบหน้ารูปไข่ มันคงจะงดงามหากเจ้าหล่อนแย้มยิ้มบ่อย ๆ เสียแต่ว่าชอบทำหน้ายักษ์จนคนที่ไม่รู้จักเธอดีไม่อยากเข้าใกล้ เพราะใบหน้าไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย           ร่างอวบอัดเดินขึ้นรถตุ๊ก ๆ ที่เหมาไว้แล้วทิ้งตัวลงบนเบาะ โดยมีร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสาวกระแทกสะโพกนั่งลงด้านข้าง ส่งสายตาปะหลับปะเหลือกมาให้             “ อีเมษา ฉันบอกแกเป็นครั้งที่สามร้อยแปดสิบสองแล้วว่าห้ามเรียกชื่อนั้นอีก ฉันชื่อวินวี่ ”          “ เออ ๆ ชื่ออะไรก็เหมือนกันแหละ หุบปากสักที รำคาญ ”           ไม่พูดเปล่า ยกมือขึ้นไปตะปบปากเพื่อนหนึ่งที นางรีบปัดออกพัลวัน คนทำหัวเราะหึ ๆ ก่อนเอนหลังพิงเบาะรถแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า           เธอชื่อ เมษา เป็นแม่หม้ายวัยสามสิบที่มีลูกติดอายุแปดขวบเศษ เพราะความผิดพลาดในวัยเรียนครั้งอยู่มหาวิทยาลัย ความเชื่อมั่นในรักด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ ทำให้เธอพลาดท่าเสียสาวให้กับชายคนรักด้วยความเต็มอกเต็มใจ และในวันที่เธอเดินไปบอกเขาว่าเธอตั้งครรภ์ เขาก็หายไปจากมหาวิทยาลัย หายไปจากชีวิตเธอกับลูก และไม่เคยส่งข่าวมาอีกเลย           หัวใจอันบริสุทธิ์ของเด็กสาวคนหนึ่งแตกสลาย อนาคตดับวูบ เธอกลับบ้านไปบอกข่าวแม่ด้วยน้ำตานองหน้า แต่ความรักอันงดงาม อ้อมกอดอันอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ เฝ้าปลอบประโลม เยียวยาหัวใจจนเธอแข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง เพื่อแม่เท่านั้น แต่เพื่ออีกชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลก อีกหนึ่งชีวิตที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา             เหตุการณ์อันโหดร้ายหล่อหลอมให้ผู้หญิงอ่อนแอไม่ทันโลกกลับกลายเป็นคนเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมรอบด้าน เพื่อนบ้าน หรือแม้กระทั่งญาติพี่น้องก็รุมนินทาว่าร้ายเธอต่าง ๆ นานา เธอจึงสร้างเกราะกำบังฉาบไว้ด้วยการเป็นคนเคร่งเครียด หน้าดุ พูดจาห้วนห้าวจนถึงบัดนี้           เธอเข้าทำงานที่ห้างสรรพสินค้าจำหน่ายของตกแต่งบ้านแห่งหนึ่ง มีหลายสาขาทั่วประเทศ และได้พบกับเพื่อนร่วมงานสาวประเภทสองอย่างวินวี่ หรือชื่อในบัตรประชาชนที่บุพการีตั้งให้ว่า เทวิน นิสัยปากร้ายแต่ใจดีของทั้งคู่ทำให้เข้ากันได้ดี เป็นปี่เป็นขลุ่ย จากเพื่อนร่วมงานก็กลายมาเป็นเพื่อนรักจนถึงบัดนี้             ทางบริษัทมีการเปิดสาขาใหม่ที่นี่ราวหนึ่งปี และตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงระบบฐานข้อมูลที่ใช้บริหารการจัดส่งและสินค้าคงคลัง ทั้งสองในฐานะที่อยู่มานาน เป็นผู้เชี่ยวชาญในระบบที่สุด เพราะหนึ่งเป็นผู้จัดการแผนกคอมพิวเตอร์และฐานข้อมูลคือวินวี่ อีกหนึ่งคือเมษา เป็นผู้จัดการแผนกสินค้าคงคลัง ทางบริษัทจึงส่งทั้งคู่มาสอนการใช้ระบบที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กกว่าที่เคยทำอยู่ จึงหาบ้านเช่ายากเย็นเหลือเกิน นี่ก็ตระเวนถามมาเกือบสิบที่แล้วยังไม่มีที่ว่าง เพราะมันฉุกละหุกเหลือหลาย อากาศก็ร้อนแสนร้อน หลังจากบ้านเช่าที่ไม่ห่างไกลตลาดนั้นเต็มหมด ตอนนี้ไม่มีตัวเลือกมากนัก จึงกลายเป็นว่าที่ไหนก็ได้ ขอให้มีที่ซุกหัวนอนเป็นพอ           คุณลุงวัยหกสิบเศษ โชเฟอร์รถตุ๊กตุ๊ก พาทั้งสองมุ่งหน้าไปยังบ้านเช่าที่อยู่ห่างจากตัวตลาดมาไกลพอสมควร ปากซอยมีร้านขายของชำเล็ก ๆ และร้านอาหารตามสั่งอยู่ติดกัน มีบ้านอยู่สองสามหลังห่างกันพอสมควร           มีสิ่งเดียวที่ดูเจริญตาเจริญใจมากที่สุดในซอยหรือจะเรียกว่าที่สุดในบริเวณนี้ก็ว่าได้ สิ่งนั้นคือ บ้านหลังงามสไตล์โมเดิร์นที่รายล้อมไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณ  แถมยังมีหลังเล็กเป็นปูนเปลือยอยู่ด้านซ้ายของหลังใหญ่ เรียบหรูดูดีนักเชียว           “ คุณลุงคะ บ้านหลังใหญ่ ๆ นี้ของใครอะ เจ้าของเป็นผู้ชายหรือเปล่า ” วินวี่เอ่ยถามขึ้น            “ ทำไมวะนังวินวี่ ถ้าใช่แกจะทำไม ” เพื่อนชะนีชิงเอ่ยถาม           “ ก็ถ้าใช่ วินวี่ก็จะใช้ความสวยเข้ายวนยั่วเสนอตัวให้ใหลหลง แล้วเข้าไปนั่งกุมบังเ**ยนเป็นนางพญาเหนือบัลลังก์  คุมสมบัติไงล่ะยะนังเมษา ชะนีหน้าเ**ยกและมันสมองเท่าไข่จิ้งจกอย่างแกน่ะ ไม่มีทางมีไหวพริบเท่าฉันหรอก ” เมษาหัวเราะแล้วส่ายศีรษะด้วยความระอาเพื่อน คุณลุงโชเฟอร์พลอยขำไปด้วย           “ ถ้าแม่หนูคิดจะใช้ความสวยเข้าว่าก็คงจะช้าไป เพราะเจ้าของบ้านคือเสี่ยธเนศ อายุอานามแกก็ราว ๆ สี่สิบต้น ๆ หล่อทีเดียวละ เจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้างร้านใหญ่ในอำเภอเป็นพ่อหม้ายเมียตาย พึ่งจะแต่งงานใหม่เมื่อปีที่ผ่านมานี่แหละ ”           “ โอ๊ย มาช้าไปอีกแล้ว แล้วเมียน่ะใคร สวยได้ครึ่งหนู หรือเปล่าคะ ” วินวี่ยังไม่ลดละความตั้งใจ คุณลุงหัวเราะลงลูกคอเอิ๊กอ๊าก           “ ลุงก็ว่าเขาสวยนะ แต่สู้หนูไม่ได้หรอกจ้ะ ”           “ ที่สู้ไม่ได้เนี่ย ความสวยหรือความแปลกคะลุง ” เมษาเอ่ยแทรกขึ้นมา วินวี่ฟาดขาเพื่อนดังเพี้ยะที่คอยขัดอยู่ร่ำไป แต่ยังไม่ทันได้ประคารมกันอีก เสียงคุณลุงโชเฟอร์ก็ขัดจังหวะขึ้นมาพอดี           “ เอ้า ถึงแล้ว บ้านเช่าท้ายซอยนี่ละจ้ะ ”           เมื่อลุงตุ๊กตุ๊กจอดรถเสร็จสรรพ สองสหายก็ลงจากรถเพื่อจะได้เห็นที่ซุกหัวนอนแห่งใหม่ได้อย่างชัดเจน           บ้านเช่ากลางเก่ากลางใหม่ทาสีฟ้าตัดขอบด้วยสีน้ำเงิน   สี่ห้องติดกันเรียงรายอยู่เบื้องหน้า มีบริเวณหน้าบ้านและ ที่จอดรถเสร็จสรรพ      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD