"หัวหน้า นี่ถึงเวลาแล้วนะครับ ทำไมเด็กคนนี้ไม่ตายซักทีล่ะ"
ยมทูตชั้นผู้น้อยเอ่ยถามหัวหน้าของเขา วันนี้ยังมีดวงวิญญาณอีกหลายดวงที่พวกเขาต้องไปเก็บ หากยังชักช้าอยู่ตรงนี้คงไม่เสร็จงานกันพอดี
"นั่นสิ เอาแบบนี้เลยแล้วกัน ไหน ๆ ก็ถึงเวลาแล้ว"
เปาะ~ เสียงดีดนิ้วของหัวหน้ายมทูตดังขึ้นก็ส่งผลกับหญิงสาวตรงหน้าของพวกเขาทันที
แค่ก แค่ก
"อื้ออ~"
ปึก ปึก ปึก
ชุนเยว่นักศึกษาสาววัย 19 ปี กำลังนั่งกินขนมดูทีวีอยู่เพลิน ๆ แต่ขนมเจ้ากรรมดันไหลลงไปติดคอจนเธอต้องทุบอกก่อนจะรีบวิ่งหาน้ำมากินให้วุ่น ความซวยยังไม่หมด เมื่อน้ำดื่มของเธอก็หมด!
กว่าหญิงสาวจะนึกขึ้นได้ว่าจะไปดื่มน้ำประปาเวลาของเธอก็หมดลงแล้ว ร่างตุ้ยนุ้ยล้มลงกลางห้องและสิ้นใจทันที
พรึบ
วิญญาณของชุนเยว่ยืนมองร่างของตัวเองด้วยความสงสัย สายตาของเธอมองเห็นชายชุดดำสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
"นะ..นี่หมายความว่ายังไงกัน นี่เราตายแล้วเหรอ ลุง! ลุงสองคนเป็นใคร คงไม่ได้มารับวิญญาณหนูหรอกใช่ไหม?"
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างร้อนรน เห็นสภาพของตัวเองที่มัวแต่ห่วงกินก็รู้สึกอนาถใจอยู่ไม่น้อย
"ไม่ผิดจากที่เจ้าคิดหรอกสาวน้อย ไปกันได้แล้ว เวลาของเจ้าหมดลงแล้ว"
ชายชุดดำไม่ให้เธอตั้งหลักเลยแม้แต่น้อย วิญญาณของเธอถูกแรงดึงดูดมหาศาลพัดพาให้ล่องลอยไปยังสถานที่ที่เป็นเขตแดนแบ่งแยกดวงวิญญาณ
ชุนเยว่ไม่อาจรู้ได้ว่าเธอออกจากร่างของตนเองมานานแค่ไหนแล้ว กระทั่งถึงจุดคัดกรองดวงวิญญาณเธอจึงถูกพาตัวไปเข้าแถวรอเรียกขานชื่อ
"ดวงวิญญาณนามว่า ซุนเยว่ เดินออกมา"
ชุนเยว่เดินออกไปตามที่ถูกเรียกชื่อ เธอยืนอยู่หน้าแท่นหินที่มีเทพเซียนชุดขาวผมยาวเฟื้อยคอยตัดสินดวงวิญญาณแต่ละดวงว่าต้องไปชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้ในสถานที่แห่งใดต่อ
"หนูชุนเยว่ค่ะ"
"หืออ~ ซุนเยว่ มิใช่รึ!" ชายชราถามย้ำอีกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
"ชุน-เยว่ ค่ะ ไม่ใช่ ซุน-เยว่" ชุนเย่วเอ่ยตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำจนยมทูตทั้งสองที่เก็บดวงวิญญาณของเธอมาเริ่มหน้าเสียมองตากันเลิ่กลั่ก
"อั๊ยหยา~นี่พวกเจ้าไปเอาดวงวิญญาณของใครมา!" ชายชราหันไปถามยมทูตทั้งสองด้วยสายตาคาดโทษ
"กะ..กระผมคิดว่าเอามาถูกแล้วครับท่าน เด็กคนนี้ก็อายุ 19 ปีเหมือนกันนะครับ" หัวหน้ายมทูตรีบเอ่ยตอบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ บัดนี้เขารู้ตัวแล้วว่าตัวเองทำผิดพลาดอย่างมหันต์
"เพ้ยย! ทำไมไม่ตรวจสอบในบัญชีให้ดี! รีบดูซิ ว่าร่างของแม่หนูคนนี้ยังอยู่ไหม?"
ชายชราผู้รับหน้าที่ตัดสินดวงวิญญาณรู้ดีว่ากว่าเด็กสาวจะเดินทางมาถึงสถานที่แห่งนี้ต้องให้เวลานานหลายวัน ป่านนี้ร่างของเด็กคนนี้ไม่รู้จะอยู่ในสภาพใด
"คะ..ครับ ๆ "
เพียงแค่หัวหน้ายมทูตสะบัดมือเบา ๆ ภาพขนาดใหญ่ก็ฉายชัดอยู่ข้างกำแพง ร่างของชุนเยว่ถูกญาติ ๆ นำไปฌาปนกิจจนเสร็จสิ้นแล้ว เพราะระยะทางจากโลกมนุษย์มาถึงสถานที่คัดแยกดวงวิญญาณแห่งนี้ต้องใช้เวลามากกว่า 7 วัน สภาพร่างกายของเธอเปื่อยเน่าไปตามกาลเวลา
"ไม่จริงนะ! ฮื๊อออออ~ ปะ..เป็นอย่างนี้แล้วหนูจะทำยังไง หนูต้องตายทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาอย่างนั้นเหรอ ฮื้ออออ บ้าที่สุด ทำงานกันยังไง! มีที่ไหนให้หนูร้องเรียนยมทูตได้ไหมคะท่าน ฮื้อออ~"
ชุนเยว่ตวาดลั่นไม่สนว่าชายตรงหน้าต่างเป็นที่เกรงขามของดวงวิญญาณดวงอื่น ๆ แต่คงไม่ใช่เธอ
"เอาล่ะ ๆ เงียบก่อน มันยังพอจะมีวิธี"
ชายชราเห็นว่าเหตุการณ์กำลังชุลมุนไปกันใหญ่ หากยมทูตทั้งสองถูกส่งเรื่องร้องเรียนในความผิดพลาดครั้งนี้คงไม่มีโอกาสได้ไปผุดไปเกิดง่าย ๆ แน่
"ยะ..ยังไงคะ อึก!"
"..." "..."
"สตรีนามว่าซุนเยว่ นางได้หมดเวลาบนโลกมนุษย์แล้ว เจ้าจงเข้าไปใช้ชีวิตในร่างของนาง ข้าจะให้ความทรงจำของนางแก่เจ้า จะได้ไม่เป็นที่สงสัยของทุกคนในครอบครัวมากเกินไป หากวันนึงเจ้าพร้อม อยากจะบอกความจริงกับครอบครัวของนางหรือไม่ก็สุดแล้วแต่เจ้า"
ชุนเยว่ลองนึกภาพตามที่ชายชราบอก ลึก ๆ แล้วเธอก็ไม่อยากไปใช้ชีวิตในร่างของคนอื่น แต่จะทำยังไงได้เมื่อร่างของเธอก็หมดสภาพไปแล้ว
"มีแค่วิธีนี้เหรอคะ?"
"หรือเจ้าจะรออยู่ที่นี่ ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วยข้าไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัยของเจ้า แล้วค่อยไต่สวนบาปเพื่อจะไปเกิดใหม่"
"..." "..."
"โห! งั้นหนูก็เสียเวลาทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำเลยสิคะ เพราะพวกคุณสองคน!"
ชุนเยว่มองค้อนอย่างไม่พอใจไปยังยมทูตทั้งสอง ส่วนทั้งคู่ก็ทำได้เพียงก้มหน้ารับชะตากรรมในความผิดพลาดครั้งนี้
"เอาละ ๆ เจ้าลองดูภาพบนผนัง นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดของซุนเยว่ สตรีที่เจ้าต้องไปใช้ชีวิตในร่างของนาง"
สิ้นเสียงของชายชรา ชุนเยว่ก็จ้องมองดูภาพบนฝาผนัง แต่บรรยากาศบ้านเรือน ของใช้และการแต่ตัวของคนในภาพกลับทำให้เธอต้องตั้งคำถามกับชายชราอีกครั้ง อีกทั้งซุนเยว่ที่เธอเห็นในภาพ ดูเหมือนเจ้าตัวจะเหม่อลอยเหมือนคนสติไม่ดีและเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเสียส่วนใหญ่
"นั่นคือที่ไหนคะ ทำไมถึงดูล้าหลังไม่มีอะไรจะกินขนาดนั้นล่ะคะ? แล้วเธอเป็นอะไร ทำไมดูไม่ค่อยปกติแบบนั้น"
"บ้านซุนอยู่ในยุคที่บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง ช่วงเวลาที่เจ้าต้องไปอยู่เป็นช่วงปลายของยุคนั้นแล้ว อาจจะต้องลำบากนิดหน่อย แต่เจ้าจะได้รับความรักจากทุกคน ตกลงหรือไม่?"
ชายชราตอบคำถามเพียงบางอย่าง ชุนเยว่จึงมีสีหน้าอึกอักไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ ยิ่งเธอเป็นคนกินเก่ง สถานที่ที่เธอเห็นดูเหมือนจะแห้งแล้ง หากเธอตกลงว่าจะไปที่นั่น ไม่เท่ากับว่าเธอไปทรมานตัวเองอย่างนั้นหรือ หญิงสาวมัวแต่ห่วงเรื่องปากท้องจนลืมถามเรื่องอาการของซุนเยว่ที่ชายชราผู้เฒ่าตั้งในเบี่ยงประเด็น
"คึ..คือว่า~"
"หึ เจ้ากลัวจะต้องอดอยากอย่างนั้นรึ" ชายชรายิ้มแล้วเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน ทุกดวงวิญญาณที่อยู่เบื้องหน้าที่ต้องรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นอย่างไร
"ใช่ค่ะ"
"เอาเถอะ ไหน ๆ ก็เป็นความผิดพลาดของพวกเรา เราจะให้พรแก่เจ้า 3 ข้อดีหรือไม่"
"ดีค่ะดี ข้อแรกขอข้าวปลาอาหารไม่ให้อดอยากนะคะ" หญิงสาวที่เป็นกังวลเรื่องปากท้องรีบร้องขอสิ่งที่เป็นกังวลที่สุด
"ได้ เจ้าจะมีแหวนมิติติดตัวไป แหวนวงนี้จะมีเพียงเจ้าที่มองเห็น สวมเข้าไปสิ เมื่อไหร่ที่อยากได้สิ่งของในนั้นให้เจ้าโบกสะบัดมือเบา ๆ แล้วนึกถึงมิติ ประตูมิติจะเปิดออกตามที่เจ้าต้องการ ข้าวของในนั้นใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด แต่แหวนวงนี้จะอยู่กับเจ้าเพียง 5 ปีเท่านั้น จงใช้สิ่งของในนั้นให้เกิดประโยชน์เพื่อเป็นทุนรอนต่อไปหลังจาก 5 ปีผ่านไป เจ้าจะกลายเป็นคนธรรมดาเฉกเช่นคนอื่น ๆ ทั่วไปและใช้ชีวิตดำรงอยู่ในยุคสมัยนั้นจนสิ้นอายุขัย มีเรื่องหนึ่งที่เราต้องเตือนเจ้า อย่าให้ผู้ใดเห็นในตอนที่เจ้าเอาสิ่งของออกมา เพราะในช่วงเวลานั้นค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องพ่อมดหมอผีเหล่านี้ เจ้าอาจจะเป็นอันตรายได้"
"ค่ะ" ชุนเยว่ลองสวมแหวนที่ชายชรามอบให้แล้วโบกสะบัดมือเบา ๆ พร้อมกับนึกถึงมิติที่ไม่รู้ว่าหน้าตาจะเป็นยังไง
พริบตาเดียวห้องที่เต็มไปด้วยข้าวปลาอาหาร เนื้อสัตว์ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งอาหารที่ทำสำเร็จก็มีพร้อม นม น้ำ เครื่องปรุง แป้ง ธัญพืชต่าง ๆ มีแม้กระทั่งหม้อ กระทะ เครื่องครัว ชุดเครื่องนอน ของใช้ส่วนตัวและผ้าอีกหลายม้วน รวมทั้งยาสามัญประจำบ้านที่เธอรู้จักวิธีใช้เป็นอย่างดี
"ของพวกนี้เป็นพรข้อแรกเท่านั้น ส่วนพรข้อสองอยู่ในถังใบนั้น"
"อะไรเหรอคะ?"
ชุนเยว่รีบเดินไปดูที่ถังใหญ่ หากบรรจุข้าวสารก็ได้มากถึง 200 กิโลกรัม เธอหยิบฝาเปิดออกดูสิ่งที่อยู่ด้านใน ขณะเดียวกันชายชราก็เอ่ยอธิบายวิธีใช้งานให้เธอรู้ในเวลาเดียวกัน
"สิ่งนี้คือปุ๋ยเร่งสูตรพิเศษของเราเอง ที่ที่เจ้าต้องไปอยู่ค่อนข้างแห้งแล้ง ถ้าได้ปุ๋ยสูตรพิเศษของเราช่วยรับรองว่าผลผลิตของเจ้าต้องงอกเงยในพริบตา ทั้งรสชาติก็หวานกรอบหาใครเทียบไม่ได้แน่นอน แต่ตอนใช้ต้องระวังหน่อย ใส่เพียงเล็กน้อยผักก็โตภายในพริบตาแล้ว"
ชุนเยว่ยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินชายชราบอก หากปลูกผักผลไม้ไปขายได้ก็เท่ากับเธอมีทางรอดแล้ว ใช่ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องราวในประวัติศาสตร์ชาติของตัวเอง เธอพอจะรู้ว่ายุคนั้นต้องเอาตัวรอดดิ้นรนมากแค่ไหน
"ขอบคุณค่ะคุณตา"
หญิงสาวปิดมิติเอาไว้แล้วเดินกลับมาที่แท่นตัดสินพร้อมชายชราที่กำลังจะเอ่ยถึงพรข้อสาม
"พรข้อสุดท้าย เจ้าจะเป็นที่รักของครอบครัว มีสามีที่ดี มีลูกที่กตัญญู ความสุขของคนเราจะมีอะไรมากไปกว่านี้ สุดท้ายข้าขอให้เจ้าโชคดี"
"ขอบคุณค่ะคุณตา"
ชุนเยว่สุขใจไม่น้อยที่จะได้มีครอบครัวที่อบอุ่น เดิมทีพ่อแม่ของเธอตายจากไปตั้งแต่เธอมีอายุเพียง 15 ปี มีเพียงญาติห่าง ๆ ที่เธอไปอาศัยอยู่ด้วยได้ปีกว่า ๆ หลังจากนั้นเธอก็ออกมาทำงานหาเลี้ยงตัวเองและเรียนไปด้วย
"หลับตาเถิด ถึงเวลาที่เจ้าต้องไปแล้ว"
ชุนเยว่ทำตามที่ชายชราบอก เพียงครู่เดียวเธอก็รู้สึกเหมือนถูกแรงดึงดูดมหาศาลพัดพาไปยังดินแดนแห้งแล้งแห่งหนึ่ง
"เฮ้ออ~ จบสักทีนะครับลูกพี่ อลเวงวุ่น ลุ้นที่ไปอยู่ตั้งนาน" ยมทูตผู้เป็นลูกน้องเอ่ยขึ้นอย่างโล่งอก เมื่อความผิดพลาดของตนเองถูกสะสางเรียบร้อยแล้ว
"หึ เจ้าคิดว่ามันคือความผิดพลาดอย่างนั้นเหรอ วิญญาณบางดวงอาจจะอยู่ผิดที่ผิดเวลา หน้าที่ของเราคือการนำส่งดวงวิญญาณนั้นกลับสู่ที่เดิม"
พูดจบหัวหน้ายมทูตก็โค้งศีรษะทำความเคารพชายชราบนแท่นตัดสินแล้วเดินออกไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ ปล่อยให้ลูกน้องยืนทบทวนคำพูดของเขาต่อด้วยใบหน้าที่งุนงง