ซุนเยว่เดินขึ้นไปบนรถสองแถวคันเก่าที่อัดแน่นไปด้วยลมฝุ่นก็หมุนวนรอบตัวเธอ ตลอดเส้นทางคดเคี้ยวที่รถแล่นผ่านทำให้เธอได้เห็นการใช้ชีวิตที่ยากลำบากของผู้คน พื้นดินในละแวกนี้ยังคงเป็นสีน้ำตาลแดงแม้จะมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว
ผักสดในตะกร้าของพวกเธอส่งกลิ่นหอมอ่อนโชยไปตามกระแสลม ทำให้ชาวบ้านหลายคนที่อยู่บนรถหันมามองอยู่บ่อยครั้ง แม้จะไม่มีใครเอ่ยถามแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลิ่นนั้นเป็นกลิ่นที่พวกเขาโหยหามานาน บางคนที่ได้กลิ่นผักสดใหม่ เมื่อนึกถึงข้าวสวยร้อน ๆ ราดด้วยผัดผักสักหลายชิ้นก็ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่
"เราใกล้จะลงรถแล้ว อาเยว่เตรียมตัวให้ดีนะ" ซุนอี้มองดูสถานที่ที่คุ้นตา เมื่อรถสองแถวกำลังเคลื่อนตัวมาจอดหน้าที่ว่าการเพราะมีพื้นที่ให้จอดรอรับผู้โดยสารที่นี่ได้
"ค่ะพี่ใหญ่ แล้วตอนกลับเราต้องมาขึ้นรถที่นี่เหมือนเดิมใช่ไหม?"
"ใช่ รถคันนี้จะรอผู้โดยสารอยู่ที่นี่ถึง 11 โมง"
ซุนอี้ชี้ไปทางหอนาฬิกาขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ ส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านต่างก็ดูเวลาจากที่นี่เป็นหลัก มีเพียงคนที่ฐานะดีเท่านั้นถึงจะมีเงินซื้อนาฬิกาข้อมือเรือนละ 200 หยวนมาใส่ ขนาดพนักงานของรัฐที่มีเดือน เดือนละ 40 หยวนยังคิดแล้วคิดอีกหากจะซื้อสักเรือน
พอรถสองแถวจอดสนิทจ้าวหลุนกับซุนอี้ก็รีบสะพายตะกร้าขึ้นหลังเหลือเพียงสาวน้อยที่กำลังตั้งหลักอยู่
"จับรถดี ๆ เดี๋ยวพี่ถือให้เอง"
จ้าวหลุนพูดจบก็ถือตะกร้าของสาวน้อยขึ้นมาสะพายไว้ที่ด้านหน้าของตัวเองแล้วเดินนำหน้าลงจากรถก่อน ตามด้วยซุนเยว่ที่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้ชายหนุ่มก่อนจะเดินตามลงไป ปิดท้ายด้วยซุนอี้ที่มองทุกการกระทำของสหายสนิทที่ดูจะใส่ใจน้องสาวของเขามากเป็นพิเศษ
จ้าวหลุนรีบเดินไปจ่ายค่าโดยสารก่อนจะเดินกลับมาที่ท้ายรถเพื่อจะเดินไปยังจุดหมาย
"อาหลุนนี่เป็นค่ารถของฉันกับน้องเล็ก" ซุนอี้รีบยื่นเงินคืนให้สหายแต่ชายหนุ่มก็ไม่รับ
"เอาไว้จ่ายขากลับก็ได้ พวกเรามีเวลาแค่ 4 ชั่วโมงรีบไปกันเถอะ"
"เอาอย่างนั้นก็ได้"
เมื่อคุยกันเสร็จแล้วพวกเขาก็เร่งฝีเท้าเพราะกลัวว่าจะขายผักไม่ทันเวลา ทุกคนไม่เคยเข้าไปขายจึงไม่มีลูกค้าเก่าที่รู้จัก หากชักช้าอาจจะไม่ทันการเอาได้
ซุนเยว่อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ระหว่างบ้านเรือนในอดีตที่เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ แต่สิ่งตรงหน้าตอนนี้ ดูว่างเปล่าและขาดแคลน ราวกับว่าเวลาลืมที่จะมอบความเจริญรุ่งเรืองให้กับผู้คน
ทั้งสามคนเคลื่อนตัวผ่านฝูงชนที่พลุกพล่านไปยังตลาดมืด ที่นี่เป็นศูนย์กลางกิจกรรมลับ ๆ สถานที่ที่ทำการแลกเปลี่ยนสินค้าเพื่อความอยู่รอด ที่มีความสำคัญเหนือกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของยุคปฏิวัติ แม้ว่าตลาดมืดจะผิดกฎหมาย แต่ก็ยังคงเป็นเส้นทางชีวิตของหลาย ๆ คน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทุกจิตวิญญาณที่หิวโหยสามารถพบสิ่งปลอบใจเมื่อเผชิญกับความขาดแคลน
พอมาถึงหน้าทางเข้า จ้าวหลุนกับซุนอี้พูดคุยกับผู้คุมไม่นานทั้งสาวคนก็ได้เข้าไปขายของตามที่ตั้งใจเอาไว้ เมื่อผ่านประตูเข้ามาด้านในของตลาด ซุนเยว่ตาเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ ผู้คนมากหน้าหลายตานำของมาวางขายตามแผงลอยเต็มไปหมด แตกต่างจากทางเดินด้านนอกที่ไม่มีร้านค้าเลย นอกจากร้านสหกรณ์ของรัฐ
ภายในตลาดคึกคักด้วยเสียงอึกทึก การเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ทรัพยากรที่มีอยู่น้อยเป็นไปอย่างเข้มขึ้นดุเดือด หลายคนพร้อมจะจ่ายเงินซื้อสิ่งของที่ต้องการ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มาครอบครอง
ซุนเยว่มองไปรอบ ๆ เธอก็พบว่าไม่มีใครเอาผักสวย ๆ มาขายเลยสักเจ้า เนื้อหมูเนื้อไก่ที่มีขายอยู่ก็ดูไม่สดใหม่สักเท่าไหร่ สาวน้อยไม่รอช้ารีบวางตะกร้าลงแผงที่ว่างอยู่แล้วหยิบผักขึ้นมาจัดเรียงอย่างรวดเร็ว
"อาเยว่จัดผักไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปหาน้ำมาพรมผักก่อน ฝากดูน้องฉันด้วยนะอาหลุน"
ประโยคหลังซุนอี้หันไปบอกสหายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
"ไปเถอะ ตัวแค่นี้จะดื้อสักเท่าไหร่กันเชียว หึ หึ"
สาวน้อยเมื่อได้ยินพี่ชายกับสหายพูดถึงเธอซึ่งหน้าแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหันมาย่นจมูกใส่พี่ชายข้างบ้านที่มีเป้าหน้าฟ้าประทาน ติดอย่างเดียวคือพูดน้อยแล้วก็ยิ้มยากไปหน่อก็เท่านั้น
เมื่อซุนอี้เดินออกไปซุนเยว่จึงตั้งหน้าตั้งตาจัดเรียงผักต่อ ทางด้านจ้าวหลุนเองก็หยิบผักคะน้าและผักชีออกจากตะกร้าของตนเองส่งมาให้สาวน้อยได้จัดเรียง
"น้องสาว เธอปลูกผักยังไงทำไมสวยขนาดนี้ ว่าแต่เธอขายยังไงเหรอ"
ยังไม่ทันที่ซุนเยว่จะจัดผักเสร็จก็มีลูกค้ารายแรกเอ่ยทักขึ้น หญิงสูงวัยจับดูผักมัดใหญ่อย่างพินิจพิจารณา เหตุใดเด็กสาวตรงหน้าถึงปลูกผักได้สวยงามขนาดนี้ ทั้งที่พื้นที่รอบ ๆ อำเภอนี้แห้งแล้งกันดาร
ซุนเยว่ลืมเรื่องราคาขายผัก เธอไม่รู้ว่าต้องขายเท่าไหร่เพราะพึ่งมาอยู่ในยุคนี้ได้ไม่นาน จ้าวหลุนเห็นท่าทีอึกอักของน้องสาวข้างบ้านจึงถือวิสาสะเอ่ยตอบขึ้นแทน
"กำละ 4 เหมาครับ" จ้าวหลุนคิดว่าราคานี้เหมาะสมที่สุดแล้ว แม้ผักที่ร้านสหกรณ์จะขายอยู่ที่กำละ 3 เหมา แต่ด้วยความงามของผัก ทั้งยังกำใหญ่มาก จึงถือว่าราคานี้ไม่แพงเลยสักนิด
"กำละ 4 เหมาเองเหรอ มีผักอะไรบ้าง" หญิงสูงวัยพอใจกับราคาผักมาก ผักสวย ๆ แบบนี้หาซื้อไม่ได้ง่าย ๆ ราคานี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับเธอ
"มีผักบุ้ง คะน้า แล้วก็ผักชีค่ะ พี่สาวรับกี่กำดีคะ" ซุนเยว่ตอบกลับลูกค้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำเอาจ้าวหลุนไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่เห็นผู้ชายในละแวกนั้นหันมามองสาวน้อย
"ฉันเอา คะน้า 4 ผักบุ้ง 2 ผักชี 2 รวมเป็นเท่าไหร่จ๊ะ"
หญิงสูงวัยรีบแยกผักที่ตนเองเลือกมากองไว้ด้านข้างเพื่อจะได้นำใส่ตะกร้าของเธอ หากช้ากว่านี้คงจะโดนคนอื่นหยิบไปก่อน ระหว่างที่เธอกำลังเลือกก็เริ่มมีชาวบ้านคนอื่นเดินเข้าเลือกซื้อบ้างแล้ว
" 3 หยวน 2 เหมาค่ะ แต่หนูลดให้เหลือ 3 หยวนก็พอ"
"นี่จ้ะ 3 หยวน ขอบใจมากนะน้องสาว ว่าแต่มาขายวันไหนบ้าง รอบหน้าฉันจะได้มาซื้ออีก ผักสวยขนาดนี้หากินยากนะ"
"หนูก็ยังไม่แน่ใจค่ะ น่าจะอีก 7 วันถึงจะมาอีก"
"อื้อ เดี๋ยวฉันจะแวะมาดูอีกแล้วกัน ไปก่อนนะรีบไปช่วยสามีของเธอขายของเถอะ"
พูดจบหญิงสูงวัยก็เดินออกไปทันที ทิ้งซุนเยว่ที่ยืนแก้มขึ้นสีแดงเรื่ออ้าปากค้างกับสถานะใหม่ที่ได้มา
"หึ อึ้งอะไรอาเยว่ เป็นภรรยาพี่ไม่ดีเหรอ" ชายหน้านิ่งเอ่ยเย้าเด็กสาวทีเล่นทีจริงระหว่างที่กำลังรับเงินจากลูกค้าอีกคน
"พี่จ้าวหลุนก็พูดเป็นเล่น ถ้าหนูคิดจริงจังขึ้นมาพี่จ้าวหลุนจะเสียใจทีหลังไม่ได้นะ ซื้อผักสวย ๆ ไหมคะคุณลุง กำละ 4 หยวนเองนะคะ พึ่งเก็บจากสวนมาใหม่ ๆ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ"
สาวน้อยรีบเปลี่ยนเรื่องหลังจากเห็นว่าจ้าวหลุนมองเธอราวกับจะจับเธอกลืนลงท้องเสียให้รู้แล้วรู้รอด
"โอ้ผักสวยจริง ๆ แม่หนู เอาคะน้ากับผักบุ้งมาให้ลุงอย่างละ 10 มัดเลยนะ แล้วก็ผักชี 5 มัด เรียงใส่ตะกร้านี้เลย"
ชายร่างท้วมพิจารณาผักไม่นานก็ตัดสินใจสั่งทุกอย่างโดยไม่ลังเล
"ได้ค่ะคุณลุง เดี๋ยวหนูเรียงใส่ในตะกร้าให้นะคะ"
"ดี ๆ เร่งมือหน่อย พ่อหนุ่มนี่ก็ขยันนะ รู้จักพาเมียทำมาหากิน ว่าแต่วันหลังจะมาอีกไหม ถ้าลุงจะสั่งประจำจะได้รึเปล่า?"
หัวหน้าพ่อครัวภัตตาคารหรูรู้สึกเสียดายหากจะได้ผักสวย ๆ เหล่านี้ไปแค่ครั้งเดียว หาเขาสามารถรับผักเหล่านี้ไปทำขายเป็นประจำได้คงเป็นผลดีต่อภัตตาคารเฟิ่งหวงเป็นแน่
เป็นอีกครั้งที่สาวน้อยต้องหน้าแดงเพราะถูกทักว่าเป็นสามีภรรยากับจ้าวหลุน ทางด้านชายหนุ่มก็ยิ้มอย่างพอใจที่ได้ยินแบบนี้เป็นครั้งที่สองของวัน
"ตอนนี้ผักที่บ้านหมดแล้วค่ะคุณลุง ว่าแต่คุณลุงใช้ผักอะไรเป็นประจำบ้างคะ เผื่อหนูจะปลูกมาขายให้"
ซุนเยว่รีบตั้งสติแล้วเอ่ยถามชายสูงวัยตรงหน้าทันที เธอต้องเก็บข้อมูลทั้งหมดเพื่อจะได้หาลู่ทางทำเงินต่อ
"ช่วงนี้ผักมันหายากแม่หนู ลุงก็บอกไม่ถูกว่าต้องการผักอะไรบ้าง ที่ร้านส่วนใหญ่ก็ดัดแปลงรายการไปตามผักที่หาได้ ถ้าแม่หนูมีก็เอาไปขายให้ลุงได้นะ ภัตตาคารเฟิ่งหวงอยู่ตรงหัวมุมถนนน่ะ ไปถึงก็บอกคนงานว่ามาหาลุงเฟิ่ง เดี๋ยวเขาก็ไปตามลุงออกมาเอง"
ชายสูงวัยชี้ไม้ชี้มือไปตามทิศทางของตน แต่สาวน้อยที่มาใหม่ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอยู่ตรงไหน
"ได้ค่ะ ถ้าผักโตแล้วหนูจะเก็บมาขายให้นะคะ วันนี้ค่าผักทั้งหมด 10 หยวนค่ะคุณลุง"
"อ่ะ นี่ค่าผัก อย่าลืมพาเมียเอาผักไปขายให้ลุงนะพ่อหนุ่ม"
ลุงเฟิ่งยืนเงิน 10 หยวนให้กับซุนเยว่ก่อนจะหันไปรับตะกร้าจากจ้าวหลุนที่กำลังยื่นให้เขา
"ไม่ลืมแน่นอนครับคุณลุง" หลังจากที่ลูกค้าเดินออกไปแล้วจ้าวหลุนจึงหันมากระซิบเบา ๆ ข้างหูสาวน้อยอีกครั้ง "ถ้าหนูคิดจริงจัง พี่ก็เอาจริงนะ"
"..."
ซุนเยว่ยืนตัวแข็งทื่อพูดอะไรไม่ออก หัวใจของเธอแอบเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ใครจะไปคิดว่าพ่อคนซึนจะมีมุมแบบนี้ด้วย
"มาแล้ว ๆ พี่ต้องออกไปเอาน้ำข้างนอกเลยนานหน่อย เป็นไงบ้างขายได้ไหม"
ซุนอี้กลับมาพร้อมกับน้ำในขวด ชายหนุ่มได้แต่แปลกใจว่าทำไมสหายของตนจึงดูยิ้มแย้มอารมณ์ดีผิดหูผิดตาเช่นนี้ ส่วนน้องสาวของเขาก็ดูแก้มแดงขึ้นจนเห็นได้ชัด 'เอ๊ะ สองคนนี้มันยังไง ๆ อยู่น๊า~'
"อะ..อื้อ ขายได้ค่ะ นั่นไงลูกค้ามาอีกแล้ว เชิญเลือกดูตามสบายเลยจ้ะพี่สาว ผักเก็บจากสวนใหม่ ๆ สด ๆ เลยนะคะ กำละ 4 เหมาเท่านั้นค่า"
สิ้นเสียงสดใสของสาวน้อยก็มีผู้คนทยอยเข้ามาซื้อไม่ขาดช่วง ทั้งสามคนต้องรีบช่วยกันคิดเงินทั้งจัดเรียงผัดใส่ตะกร้าให้ลูกค้า ไม้ถึง 1 ชั่วโมงผักที่เตรียมมา 3 ตะกร้าก็ถูกขายจนหมด วันนี้ซุนเยว่ทำเงินได้มากถึง 30 กว่าหยวน ซุนอี้บอกน้องสาวว่า เธอขายผัก 1 วันเท่ากับคนทำงานเกือบ 1 เดือน
ได้ยินเช่นนั้นซุนเยว่ก็มีกำลังใจในการหาเงิน เธอต้องการที่จะปลูกผักมาขายเช่นนี้บ่อย ๆ ยิ่งมีลูกค้าที่ต้องการผักของเธออยู่แล้วสาวน้อยยิ่งฮึกเหิมมีแรงสู้ต่อ