เช้าวันใหม่ซุนเยว่ตื่นจากที่นอนหลังจากได้กลิ่นควันไฟลอดเข้ามาในห้องนอนของเธอ หญิงสาวรีบลุกออกไปล้างหน้าเพื่อจะเดินออกไปดูแปลงผักที่อยู่หลังบ้าน
เมื่อวานหลังจากที่ทุกคนเลิกงานกลับมา บนโต๊ะกินข้าวมื้อค่ำแม่และพ่อของเธอได้เตือนเธอว่าอย่านำอาหารไปที่แปลงนาอีก พวกเขากลัวว่าซุนเยว่จะกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคน รวมทั้งเมื่อวานสาวน้อยพึ่งไปมีเรื่องกับลูกสาวของผู้นำหมู่บ้าน ทุกคนจึงกลัวว่าเธอจะโดนหาเรื่องจนเดือดร้อน
"ไม่นะ! มะ..แม่!"
ซุนเยว่ยืนอยู่หน้าแปลงผักด้วยท่าทางที่อ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น เธอไม่รู้จะทำยังไงกับผักตรงหน้าต่อ ผักทั้งสามแปลงโตจนพร้อมเก็บกินได้ภายในคืนเดียว ตอนนี้ซุนเยว่รู้แล้วว่าเธอไม่ควรใช้ปุ๋ยมากขนาดนั้น โชคดีที่ตอนนี้ท้องฟ้ายังมืดอยู่
สาวน้อยรีบวิ่งหน้าตั้งเข้าบ้านไปเรียกผู้เป็นแม่ออกมาช่วยคิดว่าจะทำอย่างไรกับผักพวกนี้ต่อ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่
ตึก ตึก ตึก ตึก
"อาเยว่เป็นอะไรลูก ทำไมวิ่งหน้าตั้งมาแบบนี้"
ซุนเยียนรีบเอ่ยถามลูกสาวในระหว่างที่ซุนชางกับซุนอี้ก็รีบเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"แม่! หนูใส่ปุ๋ยเยอะเกินไป ตอนนี้ผักที่ปลูกเมื่อวานโตหมดแล้ว หนูกลัวคนอื่นสงสัย!" หญิงสาวรีบเล่าเรื่องคร่าว ๆ ให้ผู้เป็นแม่ฟังก่อนจะจูงมือแม่ออกจากห้องครัวเดินตรงไปที่สวน ส่วนพ่อและพี่ชายของเธอก็เดินตามไปติด ๆ
"มันจะโตสักเท่าไหร่กันลูก~ กึก นะ..นี่ เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน!"
ซุนเยียนเดินมาก็ลูบหลังลูกสาวเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย แต่พอมาถึงแปลงผัก นางก็ต้องหยุดชะงักนิ่งอึ้งกับภาพตรงหน้าโดนไม่ทันได้สังเกตอะไร ต่างจากลูกชายของนางที่เห็นเพื่อนสนิทยืนอยู่ที่มุมรั้ว และกำลังเดินมาที่แปลงผักเช่นกัน
"อาหลุน! นายเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้ไหม ฉันขอร้อง" ซุนอี้ร้องขอกับสหายของตนด้วยแววตาจริงจัง
"ฉันไม่ใช่คนพูดมาก รีบเก็บผักพวกนี้ออกจากแปลงก่อนเถอะ ถ้าฟ้าสางมีคนมาเห็นเรื่องมันจะยุ่ง"
จ้าวหลุนรีบก้มลงถอนผักออกจากแปลงช่วยทุกคนทันที จะว่าไม่แปลกใจก็ไม่ใช่ แต่ 2 วันที่ผ่านมาเขาเห็นเรื่องแปลก ๆ ที่สาวน้อยทำมาหลายอย่างแล้ว เขาจึงไม่เอ่ยถามอะไรอีก
"จริงอย่างที่อาหลุนว่า พวกเรารีบเก็บผักเข้าบ้านก่อนเถอะ"
ซุนชางพูดจบก็รีบลงมือถอนผักออกจากแปลงอย่างรวดเร็ว เดิมทีพื้นที่ในอำเภอนี้แห้งแล้งมานาน ชาวบ้านพยายามปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น แม้แต่ข้าวในแปลงนาของหมู่บ้านก็แทบจะไม่รอด แม้ฝนตกลงมาชั่วข้ามคืนก็ไม่อาจทำให้ผักโตเร็วและสวยงามได้ขนาดนี้
ทุกคนช่วยกันถอนผักไม่นานก็เสร็จ พวกเขารีบช่วยกันหอบผักเข้าไปวางไว้ในลานบ้านเพื่อจะได้ช่วยกันคิดต่อว่าจะทำอย่างไรกับผักกองนี้
"หมดธุระแล้วผมขอตัวก่อนนะครับคุณน้า" จ้าวหลุนหันมาเอ่ยกับพ่อแม่ของสาวน้อยเมื่อเขาวางผักลงเรียบร้อยแล้ว
"ขอบใจมากอาหลุน เอาผักนี่กลับไปไว้ทำกับข้าวด้วยนะ" ซุนเยียนรีบหยิบผักทุกอย่างให้จ้าวหลุนไปไว้ทำอาหาร ผักตรงหน้าลำต้นอวบใหญ่ยากนักที่จะหากินได้ในสถานการณ์เช่นนี้
"ไม่ดีกว่าครับคุณน้า หลายวันมานี้ก็ได้อาหารจากบ้านซุนไปหลายถ้วยแล้ว ผมไม่กล้ารบกวนครับ"
"ไม่รบกวนหรอกลูก อย่างวันนี้ถ้าไม่ใช่อาหลุนมาเห็น อาจจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้ก็ได้"
ซุนเยียนรู้สึกกลัดกลุ้มในใจหากคนอื่นมาเห็นคงแย่ ถ้าเรื่องที่ซุนเยว่ปลูกผักเพียงข้ามคืนก็โตจนเก็บกินได้กระจายออกไป ลูกสาวของเธอคงถูกพวกทหารแดงจับตัวไปแน่ ๆ ยุคนี้เรื่องพ่อมดหมอผีเรื่องอัศจรรย์เหล่านี้ถือเป็นความผิดที่ค่อนข้างร้ายแรง พอ ๆ กับความผิดฐานคบชู้ที่ถูกแห่ประจานรอบหมู่บ้าน
"ผมไม่รู้ว่าเรื่องอัศจรรย์เหล่านี้เกิดขึ้นได้ยังไง แต่ถ้าจะให้ดีควรทำให้มิดชิดกว่านี้นะครับ ตัดไม้ไผ่มาทำระแนงบังสายตาชาวบ้านไว้สักหน่อยก็ยังดี"
จ้าวหลุนแสดงความคิดเห็นในมุมมองของตนเอง สายตาของเขาปราดมองสาวน้อยที่กำลังก้มหน้าก้มตาคิดหนักกับว่าจะทำอย่างไรกับผักกองนี้
"น้าก็เห็นด้วยกับสิ่งที่อาหลุนพูดนะ งั้นวันนี้เราหยุดงานไปตัดไม่ลงมาทำระแนงให้ลูกดีไหมอาเยียน" ซุนชางหันไปถามผู้เป็นภรรยาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
"เอาอย่างนั้นก็ได้จ้ะพี่ ว่าแต่ผักกองนี่เราจะทำยังไงดีจ๊ะ เฮ้อ" ผู้เป็นแม่เริ่มคิดหนักเพราะเสียดายผัก หากจะนำไปแจกจ่ายชาวบ้านก็ไม่รู้จะตอบคำถามทุกคนยังไง
"มีอยู่วิธีนึงครับ แต่อาจจะอันตรายหน่อย แล้วก็ต้องรีบตัดสินใจก่อนจะไม่ทันเวลา"
ทุกคนหันมามองหน้าจ้าวหลุนเป็นตาเดียว เพื่อรอฟังวิธีการที่ชายหนุ่มกำลังจะเสนอออกมา
"..." "..."
"..." "..."
"เอาไปขายที่ตลาดมืด ผักสวย ๆ แบบนี้น่าจะขายได้หลายหยวน สถานการณ์แห้งแล้งแบบนี้หาผักสวย ๆ กินยากมาก รับรองได้ว่าขายไม่ทันแน่นอนครับ"
นายทหารเก่าอ่านความคิดของคนมีเงินได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เดิมทีจ้าวหลุนเป็นทหารอยู่ต่างเมือง กระทั่งพ่อของเขาเสียชีวิตไปเหลือเพียงแม่ที่อยู่บ้านตามลำพัง สุดท้ายชายหนุ่มจึงขอปลดประจำการมาอยู่ดูแลแม่ แม้หลายคนจะมองว่าเขาโง่ที่ทำแบบนี้ แต่ชายหนุ่มไม่เคยสนใจคำพูดเหล่านั้น (เพราะสิ่งที่ทุกคนเห็นเป็นเพียงฉากที่เขาสร้างขึ้น)
"ไป ๆ หนูอยากไปขายผักค่ะแม่ พ่อ พี่ใหญ่~"
ซุนอี้โยกหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดูเมื่อคนตัวเล็กทำท่าทางออดอ้อนกะพริบตาปริบ ๆ
"อยากไปก็ไปจัดผักใส่ตะกร้าเร็วเข้า หาผ้าห่อให้ดีแล้วปิดฝาให้มิดชิด"
สิ่งไหนที่น้องสาวต้องการ มีหรือที่ซุนอี้จะปฏิเสธ ซุนเยว่ได้ยินแบบนี้ก็โล่งอกขึ้นมากที่ผักสวย ๆ เหล่านี้จะได้ออกสู่ท้องตลาด เป็นเรื่องดีที่หญิงสาวจะได้ออกไปมองหาลู่ทางในการทำเงิน
"เดี๋ยวแม่ช่วยเองลูก เดี๋ยวจะไม่ทันรถโดยสารของหมู่บ้าน พี่ไปหาตะกร้ามาให้ลูกเร็วเข้า" ประโยคหลังซุนเยียนหันไปบอกสามีให้เร่งฝีเท้าไปหยิบตะกร้ามาให้
"จ้ะ ๆ "
"ใส่ 3 ตะกร้าก็ได้นะครับ 2 ตะกร้าน่าจะไม่หมด ผมจะเข้าไปซื้อยาให้แม่พอดี"
"ขอบใจนายมากอาหลุน นายไปเตรียมตัวเถอะ นางนี้ช่วยกันอีกไม่นานก็เสร็จ"
จ้าวหลุนพยักหน้ารับตอบสิ่งที่สหายบอก ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปที่บ้านของตนเองพร้อมกับผักในมือ
สองสาวแม่ลูกช่วยกันจับผักทำเป็นกำ ๆ เอาไว้ ไม่นานผู้เป็นพ่อก็กลับมาพร้อมกับตอกไม้ไผ่และตะกร้าสะพายหลัง 3 ใบ ซุนอี้ใช้ตอกจุ่มน้ำก่อนจะนำผักมามัดแล้วส่งต่อให้พ่อจัดเรียงลงในห่อผ้าก่อนจะใส่ในตะกร้าแล้วปิดฝาจนมิดชิด
"ตอนไปถึงตลาดหาน้ำพรมผักสักหน่อยนะอาอี้"
"ครับพ่อ"
"อย่าลืมดูแลน้องให้ดีรู้ไหมลูก"
"ไม่ลืมอยู่แล้วครับพ่อ"
สองชายหนุ่มของบ้านบอกย้ำเรื่องสำคัญไม่นานผักทั้งหมดก็ถูกจัดเรียงจนเสร็จ สองพี่น้องจึงแยกกันไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะออกมารวมกันอีกครั้ง
"เอาเงินติดตัวไป 20 หยวนนะอาอี้ อยากกินอะไรก็พากันซื้อกินไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่"
"ครับแม่" ในสายตาของซุนเยียน ลูก ๆ ของนางยังคงเป็นเด็กเสมอ กว่าลูกจะออกจากบ้านได้ไม่ต่างจากเมื่อครั้งยังเป็นเด็กเลยสักนิด
"แม่คะ เอาไว้ทำกับข้าว เผื่อหนูกลับมาไม่ทันเที่ยง" ซุนเยว่ยื่นกะละมังเหล็กใบเล็ก ๆ ที่ใส่เนื้อหมูไว้ในนั้นประมาณ 1 กิโล ให้ผู้เป็นแม่
"..." "..." "..."
"ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอกค่ะ กลับมาหนูจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว"
"จ้ะลูก ไปกันได้แล้ว อาหลุนมาโน้นแล้ว อย่าเดินห่างพี่ ๆ นะลูกอาเยว่~"
"ค่า~"
ทั้งสามคนสะพายตะกร้าสานไว้บนหลังคนละใบแล้วเร่งฝีเท้าไปที่กลางหมู่บ้านให้ทันขึ้นรถ อีกทั้งซุนอี้และจ้าวหลุนยังต้องแวะแจ้งหยุดงานที่บ้านของผู้นำหมู่บ้านอีกด้วย
.
.
"ท่านผู้นำครับ อยู่ไหมครับ" ซุนอี้ร้องเรียกเจ้าของบ้านทันทีที่มาถึง
"มาแล้ว ๆ ว่าไงอาอี้ แล้วนั่นจะไปไหนกันล่ะ" ชายสูงวัยท่าทางใจดีเอ่ยถามลูกบ้านอย่างเป็นกันเอง
"ผมว่าจะมาแจ้งหยุดงานครับ รวมทั้งพ่อแม่แล้วก็อาหลุนด้วย"
"ได้สิ เดี๋ยวลุงลงชื่อเอาไว้ให้ ว่าแต่จะไปไหนกัน"
"ผมจะเข้าเมืองไปซื้อของสักหน่อยครับ พอดีฝนตกหลังคารั่วเลยต้องซ่อมบ้านกันใหม่ ส่วนอาหลุนก็จะเข้าไปซื้อยาให้ป้าจ้าวครับ"
"อย่างนั้นเองหรอกเรอะ ไป ๆ เดี๋ยวจะไม่ทันรถ ทางแปลงนาไม่มีปัญหาหรอก"
"ขอบคุณครับ/ขอบคุณครับ"
สองหนุ่มรีบกล่าวขอบคุณผู้ที่อาวุโสกว่ามีเพียงซุนเยว่ที่โค้งหัวคำนับอยู่ด้านหลังเงียบ ๆ
เมื่อหมดธุระตรงนี้แล้วทุกคนจึงตรงไปขึ้นรถสองแถวสีแดงประจำหมู่บ้านเพื่อมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง ทุกคนต้องใช้เวลาราว ๆ 30 นาที และเสียค่าโดยสารคนละ 7 เหมา
พอขึ้นรถได้สาวน้อยก็รีบจับจองที่นั่งด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น จ้าวหลุนได้แต่แอบยิ้มกับท่าทางดีอกดีใจเหมือนเด็กกำลังจะได้ออกไปเที่ยวของสาวน้อย