บทนำ

1176 Words
บทนำ             “ไม่ได้นะคะคุณแม่! จู่ๆ คุณแม่จะส่งผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไหนก็ไม่รู้ไปเป็นเมียตาชรัสแบบนี้ หัวเด็ดตีนขาดยังไงเพ็ญก็ไม่ยอมค่ะ!”  เสียงก้องกังวารของคุณหญิงเพียงเพ็ญ ศรีภรรยาของเจ้าสัวแดนชัย เจ้าของฟาร์มมุกขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศไทยที่ล่วงลับไปนานร่วมสิบปีดังก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่ภายในคฤหาสน์หลังงามธีรภรณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาตามสไตล์ตะวันตกอย่างไม่พอใจอย่างหนักเมื่อได้พบกับความจริงที่ว่าผู้เป็นแม่ของสามีนั้นกำลังควานหาว่าที่ลูกสะใภ้ที่จะส่งตัวไปให้เจ้าลูกชายตัวแสบ  ที่ตอนนี้นั้นได้หอบผ้าหอบผ่อนหนีไปทำงานอยู่ที่เกาะส่วนตัวของตระกูลร่วมสามปีและไม่เคยคิดที่จะส่งข่าวคราวกลับมาหาผู้เป็นแม่และย่า    ที่เฝ้ารออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยสักครั้ง.             ถึงแม้ว่านี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้เป็นแม่ของสามีคิดการใหญ่กระทำเรื่องแบบนี้ก็ตามที แต่เพราะท่าทีที่มั่นอกมั่นใจมากกว่าครั้งไหนๆ ของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาให้ได้เห็นอย่างชัดเจนที่สุดเลยเป็นเหตุทำให้หัวอกของผู้เป็นแม่นั้นอดที่จะยอมรับผู้หญิงไร้ซึ่งสกุลมาเป็นสะใภ้ได้ลงคอ             ต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะความไม่พอใจในตัวอดีตหญิงสาวคนรักของลูกชายที่เป็นเพียงนางพยาบาลจนๆ ที่กินเงินหลวงไปแต่ละเดือนอย่าง ‘อิงอร’ ส่งผลให้ผู้เป็นแม่นั้นพยายามทุกวิถีทางที่จะกีดกันคนทั้งสองให้แยกออกจากกันเพราะรู้สึกไม่ปลื้มในตัวของฝ่ายหญิงเสียเท่าไหร่ ไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือการกระทำที่ร้ายกาจเสียจนฝ่ายหญิงนั้นทนไม่ไหวจำต้องเดินออกไปจากชีวิตของลูกชายตนอย่างไม่คิดร่ำลา             แต่ไหนเลยใครจะรู้ว่าการกระทำในครั้งนั้นของเธอจะเลยเถิดและยังเป็นต้นสายปลายเหตุให้ลูกชายที่เป็นดั่งเสาหลักเพียงคนเดียวของบ้านหนีไปพักหัวใจที่ปวดร้าวไปทุกอณูที่เกาะ ‘แก้วตา’  อีกทั้งยังไม่เคยคิดที่จะหวนกลับมาทำงานในบริษัทตามคำขอร้องของผู้เป็นแม่    ที่พรากเอาทุกสิ่งไปจากหัวใจเลยสักครั้ง             “ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยสักคำว่าจะส่งผู้หญิงคนนั้นไปเป็นเมียพ่อชรัสที่เกาะ แค่จะส่งไปเปลี่ยนใจของลูกชายเธอให้ยอมกลับบ้านมันก็เท่านั้น แต่หากเขาสองคนจะตกลงปลงใจรักชอบกันขึ้นมาฉันก็ไม่ขัดหรอกนะจะบอกให้”              สิ้นเสียงที่ดูมีพลังและอำนาจเหนือกว่า ร่างท้วมของคุณหญิงโสมรัตน์ก็ลุกขึ้นจากโซฟาตัวโปรดเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับน้ำเสียงสะใภ้ของตัวเองเท่าไหร่นัก ดวงตาอ่อนโยนเหลือบจ้องมองไปยังรูปถ่ายของหลายชายเพียงคนเดียวของตนเองที่ถูกปิดเอาไว้ที่อีกด้านของห้องโภงอย่างคิดถึงสุดหัวใจ จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าหลานชายนั้นจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร แม้เธอจะคอยส่งคนไปสืบเสาะแต่พ่อหลานชายตัวแสบก็มักจะสามารถหลีกหนีหลบเลี่ยงและเอาตัวรอดไปได้เสียทุกครั้งไปราวกับไม่ต้องการที่จะติดต่อกับพวกตนที่เฝ้ารอคอยการกลับมาอยู่เบื้องหลัง              เห็นคงจะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น...             “แต่คุณแม่คะ! เพ็ญเตรียมหลานสะใภ้ที่เหมาะสมและคู่ควรที่สุดเอาไว้ให้ตาชรัสแล้วนะคะ จู่ๆ คุณแม่จะมาทำแบบนี้ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ เพ็ญไม่ยอม” อีกฝ่ายยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะเปลี่ยนใจแม่สามี เมื่อคิดไปถึงหญิงสาวที่ตนเองนั้นได้ทาบทามเอาไว้ให้กับพ่อลูกชายตัวดีเอาไว้แล้วไม่ว่าจะด้วยฐานะหรือการศึกษา ก็ดูเหมือนว่าจะเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก  ยิ่งคิดภายในใจก็คิดไม่เข้าใจอีกฝ่าย ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้คอยส่งแต่หญิงสาวดาวยั่วไปให้ลูกชายของตนเองอย่างไม่ลดละตลอดระยะเวลาสามปีที่ล่วงเลยผ่าน             “เธอคงจะหมายถึงแม่คุณหนูแสนเอาแต่ใจอย่างยัยทอรุ้งสินะ ถ้าใช่ก็ลืมไปได้เลย เพราะผู้หญิงที่จะมาเป็นหลานสะใภ้ของฉันจะต้องเป็นคนที่ตาชรัสรักเท่านั้น และเธอด้วยแม่เพ็ญ...หากยังทำร้ายลูกซ้ำๆ อยู่แบบนี้ อีกหน่อยก็คงไม่แคล้วต้องอยู่คนเดียวไปจนตายไม่มีลูกคอยดูแล ไม่มีหลานตัวเล็กๆ ให้เลี้ยงเป็นแน่...” เสียงที่ดังขึ้นฟังดูเหมือนคล้ายจะเตือนสติก่อนร่างท้วมจะเดินจากไปเพื่อจัดการกับเรื่องสำคัญบางอย่าง นั่นคือเดินทางไปพบกับผู้หญิงที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง รักษาบาดแผลที่กลางใจหลานชายของตนเองให้หายสนิท ผู้หญิงที่ชื่อพิชญาคนนั้น! ร่างสมส่วนของหญิงสาวที่กำลังอยู่ในชุดฟอร์มของพนักงานร้านสะดวกซื้ออย่าง‘พิชญา รุ้งจันทร์’ ค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลงอย่างกะทันหันเมื่อครั้นเดินทางกลับมาจากที่ทำงานที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเช่าหลังเล็กๆ ที่เธอนั้นอาศัยอยู่กับแม่ที่ตาบอดแค่เพียงสองคนเท่าไหร่เมื่อสายตาหวานเหลือบไปเห็นรถยนต์คันหรูสีดำสนิทที่จอดเทียบอยู่หน้าบ้านหลังเล็กของตนเองเข้าโดยบังเอิญ             และไม่ต้องเดาให้เสียเวลาร่างเล็กรีบวิ่งถลาเข้าไปในตัวบ้านอย่างรีบเร่งก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับผู้มาเยือนที่กำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้วทันทีที่พบหน้า..             “สวัสดีค่ะคุณท่าน...”              เสียงหวานแผ่วเบาที่แสนจะน่าฟังของหญิงสาวเอ่ยทักทายขึ้นอย่างนอบน้อมก่อนจะจ้องมองร่างของหญิงชราเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มแสนหวานที่มักจะมีให้ได้เห็นอยู่ทุกครั้งเมื่อพบหน้า             “ไหว้พระเถอะจ๊ะ เพิ่งเลิกงานเหรอหนูแพรไหม คงจะเหนื่อยมากเลยสินะ”น้ำเสียงที่เอ่ยถามกลับไปนั้นอัดแน่นไปด้วยความเอ็นดูอย่างถึงที่สุดก่อนจะจ้องมองหญิงสาวผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตตนเองมาแล้วอย่างอดสงสารเสียไม่ได้              เรื่องราวทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณสามเดือนก่อนที่คุณหญิงโสมรัตน์นั้นไปเดินห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งก่อนจะโชคร้ายถูกโจรวิ่งราวกระชากกระเป๋าเข้าโชคยังดีที่มีสาวน้อยหน้าหวานตรงหน้าที่เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นวิ่งตามไปพร้อมทั้งส่งเสียงตะโกนก้องร้องขอความช่วยเหลือต่างจากบุคคลโดยรอบที่เอาแต่ยืนนิ่งมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบเชียบและเมื่อยิ่งได้ทำความรู้สึก หม่อมหลวงโสมรัตน์ก็ยิ่งหลงรักเด็กสาวตรงหน้าจับหัวใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD