บทที่1

1303 Words
เพราะนอกจากจะกตัญญูรู้คุณผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูแม่ที่ตาบอดแล้วนั้น ยังสู้ทนทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอีกด้วย และด้วยเหตุนี้นี่เองเลยทำให้หญิงชราผู้ซึ่งอยากจะอุ้มเหลนเต็มทีแล้วเลือกที่จะให้เป็นเธอ...หญิงสาวผู้มีน้ำใจไมตรี “ไม่หรอกค่ะ แพรทำไหว ว่าแต่คุณท่านมานานแล้วหรือยังคะ ทานน้ำสักหน่อยเอาไหมคะเดี๋ยวแพรเข้าไปหยิบให้” แพรไหมเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ สายตามองผู้มีพระคุณต้องหน้าอย่างนอบน้อม เพราะหลังจากวันนั้นหญิงชราก็เฝ้าแวะเวียนมาเยี่ยมตนกับแม่อยู่บ่อยครั้ง และแม้จะพยายามยื่นข้อเสนอที่จะช่วยเหลือแต่ตนก็รู้สึกเกรงใจ จึงได้ขอรับเอาไว้แต่เพียงน้ำใจของท่านไว้เท่านั้น “ไม่ต้องลำบากหรอกหนูแพร ที่ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับหนูมากกว่า ว่าแต่หนูเถอะพอจะมีเวลาให้คนแก่อย่างฉันสักห้านาทีรึเปล่าลูก”น้ำเสียงที่ดูกังวลอย่างหนักส่งผลให้พิชญาแน่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆ คลี่รอยยิ้มหวานส่งตอบกลับไปให้พร้อมคำตอบ... “สำหรับคุณท่านแล้วไม่ว่าจะเมื่อไหร่แพรกับแม่เราสองคนมีเวลาให้ได้เสมอค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูมานะจ๊ะแม่ ขอตัวออกไปคุยกับคุณท่านก่อน” วิไลพยักหน้ารับรู้ถึงคำพูดของลูกสาวในทันทีรู้สึกเห็นด้วยในทุกๆ คำพูดของพิชญาอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้นก่อนที่คนทั้งสองจะพากันลุกเดินออกไปที่ระเบียงหน้าบ้านหลังเล็กในเวลาต่อมาเพราะไม่อยากที่จะให้ใครอีกคนได้ยินบทสนทนานับต่อจากนี้เข้า “คุณท่านมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจรึเปล่าคะ” ไม่รีรอที่จะปล่อยให้เวลานั้นผ่านเลยไปเสียเฉยๆ คำถามที่ตรงไปตรงมาดังขึ้นจากของหญิงสาวในทันทีที่ได้มีโอกาสได้อยู่กันตามลำพังกับหญิงชราสองต่อสอง “หนูยังเป็นคนแรกและคนเดียวที่รู้ใจฉันไม่เปลี่ยนไปเลยนะหนูแพร ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็จะไม่อ้อมค้อมเลยก็แล้วกันนะ ที่ฉันมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่ออยากจะขอร้อให้หนูแพรช่วยบางสิ่ง บางสิ่งที่อาจจะทำให้หนูรู้สึกว่าฉันเหมือนคนใจร้าย...” “คุณท่านอย่าคิดแบบนั้นสิคะ คุณท่านมีบุญคุณกับเราสองแม่ลูกมาก หากมีอะไรที่แพรพอจะช่วยคุณท่านได้ก็ขอให้บอกมาได้เลยค่ะ แพรยินดีช่วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นแค่ไหน หากแพรทำได้แพรจะทำเพื่อคุณท่านค่ะ!” พิชญาตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม บุญคุณเหลือล้นที่หญิงชราตรงหน้าคอยให้หมอประจำตัวมาดูแลผู้เป็นแม่อย่างสม่ำเสมอถึงแม้ว่าตนจะบอกปัดไปหลายต่อหลายครั้งก็ตามทีและไหนจะข้าวปลาอาหารที่คอยส่งมาให้อยู่ไม่ขาด มันยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งและเฝ้ารอวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ วันที่ตนนั้นจะได้ตอบแทน “ฉันมีหลานชายอยู่คนหนึ่ง และมาถึงจนตอนนี้เขาก็หนีออกจากบ้านได้สามปีกว่าแล้ว ไอ้ฉันเองก็แก่ลงทุกวันไม่รู้จะตายเอาวันไหน ครั้นจะถ่อสังขารไปตามเองเห็นทีก็คงไม่ไหวแล้วล่ะ ฉันก็เลยอยากจะขอร้องให้หนูแพรช่วยไปตามหลานชายของฉันกลับมาให้ทีจะได้ไหมจ๊ะแพรไหม” “ตามกลับมาอย่างงั้นเหรอคะ แล้วแพรจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะคุณท่าน” พิชญาย้อนถามขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้จริงๆ รู้สึกตกใจไม่น้อยที่ได้รู้ซึ้งถึงคำขอร้องจากหญิงชราตรงหน้าเข้า อีกทั้งตัวเธอเองยังเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้นคงจะไม่มีความสามารถอะไรมากที่จะไปตามหลายชายที่ว่านั้นให้กลับบ้านได้ “ต้องได้สิจ๊ะ เพราะ ถ้าเป็นเด็กดีอย่างหนูแพรฉันเชื่อว่าเจ้าหลานชายตัวดีของฉันมันจะต้องยอมกลับบ้านแน่ๆ” “แต่คุณท่านคะ..” น้ำเสียงของหญิงสาวอ่อนลงเอ่ยขึ้นอีกครั้งแต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกไป อีกฝ่ายกลับพูดสวนขึ้นมาอีกครั้งเสียก่อน.. “ฉันรู้ว่าฉันคงจะขอหนูมากไป แต่ฉันไม่ได้ขอร้องหนูฟรีๆ หรอกนะหนูแพรหนูยังคงจำเรื่องที่คุณหมอบอกได้ไหม ว่าอาการตาบอดของวิไลแม่ของหนูมีโอกาสสูงมากที่จะกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง และในตอนนี้ฉันก็พบคนที่พร้อมที่จะบริจาคดวงตาให้กับแม่ของหนูแล้วด้วย แค่เพียงหนูตอบตกลง...ฉันจะจัดการเรื่องการผ่าตัดให้อย่างโดยเร็วที่สุด” ข้อเสนอที่ไม่คาดฝันดังขึ้นทันทีที่หญิงสาวทำท่าว่าจะบอกปัด มันไม่ง่ายเลยที่จู่ๆ เธอจะเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก อีกทั้งยังต้องตามหาหลานชายของเขาที่แม้แต่หน้าก็ยังไม่เคยพาลพบ แต่ทันทีที่ได้รับฟังข้อเสนอที่น่าสนใจเข้าความกลัวเหล่านั้นด็พรั้นมลายหายไปจนหมดสิ้น หลงเหลือไว้แต่ความลังเลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “หนูขอเวลาคิดสักนิดได้ไหมคะคุณท่าน เรื่องแบบนี้มัน...” “แน่นอนที่สุด ฉันเองก็ไม่ได้กะจะมาคาดคั้นเอาคำตอบจากหนูวันนี้พรุ่งนี้เสียเมื่อไหร่กัน ฉันยินดีให้เวลาหนูคิดทบทวนถึงเงื่อนไขที่ฉันกำลังจะมอบให้เสมอและภวนาให้คำตอบของหนูตรงกับใจของฉันด้วยเช่นกัน นี่ฉันก็มากวนหนูกับแม่มากแล้วเห็นทีคงจะต้องขอตัวกลับก่อนล่ะนะ” พิชญาพยักหน้ารับคำพร้อมกับอาสาเดินประคองคุณหญิงโสมรัตน์ไปส่งยังรถคันหรูที่จอดรออยู่นานแล้ว สายตาหวานจ้องมองจนแน่แก่ใจดีแล้วว่ารถคันดังกล่าวนั้นขับหายไปไกลลับตาจึค่อยๆหมุนตัวเดินกลับเข้าไปหาผู้เป็นแม่ในบ้านอีกครั้ง... “มีอะไรรึเปล่าลูก ว่าแต่คุณหญิงเขาคุยอะไรกับหนูเหรอลูก” ผู้เป็นแม่ร้องถามขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะพบว่าลูกสาวแสนรักค่อยๆ เดินตรงเข้าหาก่อนจะฟลุบตัวนอนหนุนตักผู้เป็นแม่แทนคำตอบ “ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะแม่ คุณหญิงเขาก็ถามเรื่องทั่วไปเหมือนทุกครั้งที่แวะมาหาเรานั่นแหละจ๊ะ ว่าแต่แม่เถอะ วันนี้ทำอะไรบ้างค่ะ” “คนตาบอดมองไม่เห็นอย่างแม่ จะไปทำอะไรได้มากล่ะลูก นอกจากนั่งๆนอนๆรอความตาย ไปวันๆ นี่อีกไม่กี่เดือนหนูก็จะครบยี่สิบหกแล้วสินะ ถ้าแม่มีโอกาสได้มองเห็นว่าลูกสาวของแม่หน้าตาสะสวยแค่ไหนบ้างสักครั้งก็คงจะดี...”คำพูดที่ดังขึ้นมานั้นสะกิดเอาหัวใจผู้ได้ฟังจนแน่นิ่งไปนานหลายนาที ไม่ใช่ว่าเธอนั้นไม่อยากที่จะรับข้อเสนอที่น่าสนใจนั้นของคุณหญิงผู้มีจิตใจเมตตาต่อเธอและแม่มาโดยตลอด แต่เป็นเพราะไม่มั่นใจในตัวเองมากกว่าจะทำภารกิจที่ว่านั้นได้สำเร็จจริงๆ “ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะแม่ หมอประจำตัวของคุณท่านบอกว่าแม่มีสิทธิที่จะกลับมามองเห็นอีกครั้ง และตอนนี้ก็มีคนใจดีบริจาคดวงตาให้แม่ด้วยล่ะจ๊ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD