“สบายง่ายมากเรื่องทำงานของเรา เรามีญาติเป็นเจ้าของโรงเรียน เรื่องที่เราอยากมีงานทำนะมันจิ๊บจ๊อย พอจบแล้วเราเข้าไปทำเลยก็ได้”
“ญาติเราต้อนรับเสมอเขาอยากให้เรามาสอนที่โรงเรียนเขาจะตายแต่นายสิกัลย์ ยังไม่มีงานทำเราก็นึกห่วงเพราะเราจะไปนอกเลยอยากแนะนำให้ว่าไงสนใจไหม?”
“สนใจสิ”กัลย์ณพตอบทันทีเรื่องงานใครจะไม่สนใจ
“ถ้างั้นเตรียมหลักฐานเอาไว้เลยช่วงเช้าๆวันพุธเราจะแวะไปเยี่ยมน้าสาวกับหลานๆที่โน่นพอดีจะให้ติดรถไปด้วย”
และเมื่อเก้าโมงเช้านั้น พีรธานขับรถมารับเขาถึงบ้านจากนั้นมุ่งไปที่โรงเรียนนานาชาติย่านหนองจอกมีนบุรีดังว่าเพื่อไปสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในตำแหน่งครูอัตราจ้างบ้านพักเขาอยู่แถวลาดพร้าวและเดินทางมาที่มีนบุรีหนองจอกถือว่าไม่ไกลนัก
กัลย์ณพไปกลับคงสะดวก เพราะมีรถประจำทางผ่าน สู่ตัวเมือง และมีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงโรงเรียนนานนาชาติแห่งนั้นที่ผุดอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของเรือกไร่นาและบ้านจัดสรรและเนื้อที่กว้างขวาง ความเขียวชอุ่มของแมกไม้สีเขียวเต็มไปสองข้างทางสงบเงียบดีจริง
พีรธานพาเขาขึ้นไปยังอาคารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นตึกที่ทำการผู้อำนวยการสถาบันหลังจากที่ผ่านการสัมภาษณ์และให้เริ่มงานในวันจันทร์หน้าที่จะถึง
แค่นี้ก็เป็นความดีใจยิ่งนักที่โอกาสเปิดให้แก่เขาเป็นเพราะ
พีรธานเป็นญาติกับเจ้าของโรงเรียนเลยได้อาศัยเส้นสายด้วยแต่แล้ว ก็มีเรื่องเกิดขึ้นจนได้ เพราะว่าศรีบังอรนั้นประสบอุบัติเหตุจากการลื่นล้มในห้องน้ำที่ทำงานและหล่อนต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายวัน
เมื่อหมอที่เข้าทำการรักษาเมื่อตรวจเช็คอาการแล้วบอกว่าข้อเท้าข้างซ้ายของหล่อนพลิกและเคล็ดนั่นทำให้ศรีบังอรรู้สึกเจ็บมาก เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหล ถ้าไปแตะส่วนปลายเท้าและบริเวณโคนขาของหล่อน
หมอบอกว่าประมาณอีกสี่ห้าวันถึงอาทิตย์จะหายเป็นปกติ เผลออาจจะมากกว่านั้นอีกเพราะคุณหมอให้รอดูอาการรวมทั้งเธอได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาในการลาหยุดงานไปถึงห้าวันลาป่วย ใช้ใบรับรองแพทย์ และมันถือว่านานจนน่าเบื่อสำหรับคนที่ไม่เคยหยุดงานทำให้ศรีบังอรนึกตำหนิตัวเองที่หล่อนไม่ควรซุ่มซ่ามอย่างนี้เลย
กัลย์น้องชายของหล่อนยังไม่กลับเขาบอกว่าไปสมัครงานและสัมภาษณ์เป็นครูสอนภาษาในวันนี้ ทำไมหนอช่างเป็นวันเดียวกันกับวันแรกที่น้องชายจะได้งานทำหนอ
แทนที่หล่อนจะดีใจตัวเองกลับมานอนป่วยเพราะอุบัติเหตุ หมอให้ยานวดมาทาก็แล้วรู้สึกว่ายังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่หล่อนรู้สึกเกรงใจภุมมินทร์เหลือเกินห่วงว่าเขาจะต้องกลับไปทำงาน
อุตส่าห์ขับรถพาหล่อนมาส่งถึงบ้านและจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทนหล่อน ในยามที่หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แต่สามารถเบิกจากประกันสังคมได้เพิ่งมารู้เมื่อตอนที่เขายื่นใบเสร็จรับยามาให้หายดีเมื่อไหร่หล่อนจะใช้เขาคืน
สักครู่หนึ่งภุมมินทร์เดินเข้าไปหาคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงในห้องรับแขกใกล้ๆ ซึ่งศรีบังอรร้องขอแต่คราวแรกหล่อนอับอายที่จะพาเขาเข้าไปถึงห้องนอนของตนเองอีกอย่างหล่อนเป็นหญิง
ไว้ให้น้องชายกลับมากัลย์จะเป็นคนพาหล่อนไปเองร่างสูงโปร่งสง่าดูภูมิฐานและผึ่งผายของภุมมินทร์เข้ามาหยุดใกล้ร่างของศรีบังอรที่ทรุดนอนบนเตียง
แม้เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าหล่อนรู้ทั้งฐานะของตนเอง และภาระที่รับผิดชอบอยู่จึงไม่อยากจะสนใจใคร และหล่อนก็ไม่อยากให้ความหวังกับเขามากมายเท่าใดนักแม้ภุมมินทร์มีท่าทางจะชอบหล่อนหล่อนสังเกตหลายครั้งที่เขาพยายามเอาอกเอาใจช่วยเหลือเทกแคร์หล่อน
ถึงอย่างไรศรีบังอรยังไม่ยอมใจอ่อนเพราะหล่อนรู้ดีว่าภาระของหล่อนหนักอึ้งหล่อนไม่ควรให้เขามาร่วมรับผิดชอบและร่วมลำบากกับครอบครัวหล่อนเลยอีกอย่างหล่อนไม่มีอะไรนอกจากสมบัติพัสถานที่หลงเหลืออยู่นอกจากบ้านเก่าหลังนี้เท่านั้น
“เป็นยังไงบ้างครับ อรรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?”
เขาชะโงกหน้ามาถามหล่อนด้วยอาการห่วง มองไปที่ข้อเท้าที่ บวมเป่งขึ้นมา และนี่คือสาเหตุทำให้ศรีบังอรรู้สึกเจ็บมากหล่อนส่ายหน้า พยายามกัดฟันพูดว่า
“เจ็บค่ะยังเจ็บที่ข้อเท้าอยู่เลยเจ็บมาก”
“งั้น ผมจะช่วยนวดให้นะจะได้รู้สึกดีขึ้น”
หล่อนอายเขาเรื่องแตะเนื้อแตะตัวหล่อนไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ชิดตัวเองมาก่อนยกเว้นนอกจากน้องชาย
“ไม่ต้องค่ะรบกวนคุณนั่งพักก่อนเถอะอรพอไหว”
“เอแต่คุณเจ็บอยู่นะยังทำหน้านิ่วอย่างนี้อีกผมรู้ว่าคุณเจ็บ ทนอีกหน่อยผมอาจมีส่วนช่วยคลายอาการเจ็บของคุณให้ดีขึ้น”
เขาแย้งและเถียงจนศรีบังอรไม่รู้ที่จะพูดอะไรในเมื่อเขาดื้ออย่างนี้เลยปล่อยให้หยิบยานวดคลายกล้ามเนื้อที่หมอให้มานวดคลึงเบาๆนุ่มนวลที่บริเวณข้อเท้าซึ่งเจ็บอาการปวดหนึบๆเกิดและรุนแรงขึ้น
“พอแล้วค่ะภุมมินทร์อรรู้สึกเจ็บ”
“ถ้ามันไม่เจ็บก็ไม่หายนะสิสักพักก็ค่อยยังชั่วล่ะต้องหมั่นนวดบ่อยเส้นจะได้คลายยืด”
ภุมมินทร์ปฏิบัติให้แก่หล่อนอย่างไม่นึกรังเกียจสักนิดชั่วครู่เขาจึงละตัวออกจากข้อเท้าของหล่อนเมื่อนวดจนเขาเห็นว่าพอสมควรแล้วแต่เขาก็ยังไม่กลับบ้านยังเดินวนเวียนอยู่แถวระเบียงที่มีเถาดอกไม้หลากสีพาดพันทั้งมะลิวัลย์กุหลาบมอญ
“คุณพักอยู่กับน้องชายของคุณไม่ใช่หรือป่านนี้ทำไมเขายังไม่กลับมาอีกผมไม่กล้าทิ้งคุณไว้คนเดียวหรอกอร”
เขาบอกหล่อน และพูดต่อไปว่า “ให้ผมอยู่ก่อนเถอะนะ จนถึงเวลาที่น้องชายคุณกลับมา ถึงค่อยกลับ เพราะคุณอยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ผมจะได้บอกเขาไปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณที่ทำงานเขาจะช่วยดูแลคุณมากกว่านี้นะอร”
ภุมมินทร์พูดต่อ ค่อนข้างยาว หล่อนแสนซาบซึ้งในน้ำใจเขายิ่งนัก
“ขอบคุณค่ะแต่ว่าอรพอจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้วคิดว่าถ้ามินทร์ มีธุระอะไรสำคัญก็กลับไปก่อนเถอะค่ะบ้านหลังนี้อรอยู่มาจนชินแล้วคนแถวนี้ก็รู้จักกันทั้งนั้นไม่เคยมีใครทำอันตรายมาก่อนค่ะ” หล่อนเอ่ยยืนยันกับเขาเสียงแข็งเขามีความรู้สึกว่าหล่อนไล่เขา
“อย่าไล่ผมเลยแม้ว่าผมจะเชื่อที่คุณพูดแต่อาการเจ็บข้อเท้าของคุณทำให้ผมไม่กล้าไว้ใจไม่สามารถทิ้งคุณได้ไว้ให้เห็นหน้าน้องชายของคุณเมื่อไหร่ผมค่อยกลับเอง”
“งั้นก็ตามใจคุณค่ะมินทร์”หล่อนตอบเมื่อเขายังดื้อ
“วันนี้น้องชายของอรไปสมัครงานค่ะได้งานเป็นครูสอนภาษาที่นานาชาติแถวมีนถ้าเป็นปกติเขาคงกลับมาแล้วหรือไม่ตอนนี้อาจกำลังเดินทางมาค่ะ”
ภุมมินทร์จึงได้รับรู้เรื่องราวในครอบครัวของหล่อนเขานึกบูชาหล่อนจริงๆที่หล่อนเป็นผู้เสียสละอดทนหล่อนเป็นที่พึ่งของน้องได้