ตอนที่ 4 ชื่อตอน สหายถูกบุรุษแย่งชิงแล้ว

1428 Words
ในชาตินี้ชะตาพลิกผัน เมืองท่าหวยเหอได้รับความนิยมมาก จากเมืองฝุ่นทรายกลายเป็นเมืองค้าขายที่คับคั่ง ในปีนั้นมีเพียงฉูหวางที่เดินทางไกลมาที่นี่ แต่ในปีนี้ ชาตินี้นั้น องค์ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเสด็จมาประพาสเฉกเช่นกัน ฉูหวางว่าสง่างามแล้ว องค์รัชทายาทหวงฝูกลับสง่างามเสียยิ่งกว่า อีกทั้งยังมีดวงตาที่พราวระยับ หลันเสวี่ยที่เคยตกหลุมพรางชายงาม ถึงกับอยากจะเป็นลมไปเพราะความสง่างามนั้นจริงๆ หากในปีนั้นนางได้พบองค์รัชทายาทพระองค์นี้แทนฉูหวาง นางก็คงพร้อมยอมถวายกายได้มากกว่านั้นเลยจริงๆ หลันเสวี่ยเอนกายซบอกของมารดา ด้วยว่านางนั้นเขินอายบุรุษงดงามไปเสียแล้ว การที่นางเป็นเช่นนี้สร้างความมิพอใจแก่ฉูหวางแล้วจริงๆ นางได้เห็นใบหน้าริษยาของฉูจิ่งเซิงในชาตินี้แล้ว นี่มันช่างสะใจน้อยๆแล้วจริงๆ แม้ในชาตินี้คนผู้นี้จะยังมิได้ทำสิ่งใดผิดต่อนาง แต่ทว่าชาติที่แล้วนั้นนางมิอาจจะให้อภัยคนผู้นี้ได้ ชาตินี้ก็นับว่าคนผู้นี้มาบาปกรรมแต่กำเนิดติดตนมาเสียเถิดนะ นางจะมิมีทางให้เมืองหวยเหอนี้พังทลายลงไปได้อีกแล้ว ยามแรกนั้นบิดาของนางจะให้นางนั้นร่ายรำ เพื่อถวายแก่องค์ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทและบุรุษชั้นสูงได้ชื่นชม แต่ทว่าหลันเสวี่ยส่ายหน้าอย่างว่องไว นางชี้ไปที่เจ้าหลิงหว่านสหายสนิทของนางก่อนทันที “ท่านแม่เจ้าขา ข้านั้นมิอยากจะร่ายรำให้บุรุษในเมืองหลวงนั้นชื่นชมข้าเลยเจ้าค่ะ ข้ามิอยากต้องตาบุรุษในเมืองหลวง เช่นนั้นท่านให้อาหลิงนั้นร่ายรำในงานเลี้ยงเถิดเจ้าค่ะ เผื่อว่านางและสตรีสกุลเจ้านั้นจะมีวาสนา นางจะได้ไปสู่เมืองหลวงได้อย่างสง่างามนะเจ้าคะ “ “ฮร่า เจ้านี่มันร้ายจริงๆเลยหลันเสวี่ย แท้จริงเจ้าเกียจคร้านมิอยากจะฝึกฝนร่ายรำเช่นนั้นเองซินะ เจ้าแค่เพียงใช้ข้ออ้างมากมายเพื่อจะได้มิต้องเหนื่อยแรงตนเช่นนั้นเอง” ท่านแม่ของนางตีนางเบาๆแล้วออกไปสนทนากับเจ้าฝุเหริน สนทนากันอย่างถูกคอ แล้วตกลงกันว่าให้สตรีงดงามของสกุลเจ้า นั้นร่ายรำต้อนรับบุรุษชั้นสูงจากเมืองหลวงไปเสีย ในจวนเจ้าเมืองของนางนั้นต้อนรับองค์รัชทายาทและคุ้มกันฝ่าบาทไปพร้อมกัน นางสนทนาอย่างถูกคอกับองค์รัชทายาท ทั้งยังร่วมเล่นหมากรุกร่วมกัน ถกเรื่องปรัชญาและกลอนเพลงเรือล่องลำน้ำ สุดท้ายนางจึงได้เป็นผู้ขับขานเพลงล่องนาวา อยู่บนเรือของสกุลเจ้าในลำน้ำใหญ่ ที่ข้างลำน้ำนั้น สตรีของสกุลเจ้านั้นร่ายรำอยู่ในงานเลี้ยงที่บนฝั่ง ยามที่พวกนางต้องร่ายรำก็สวมใส่ชุดที่เบาบางยั่วยวนจนบุรุษนั้นชื่นชมนางกันมาก จนถึงกับต่อยตียื้อแย่งกันเลยทีเดียว ฉูหวางทะเลาะกับบุตรขุนนางผู้หนึ่งในงานเลี้ยง ทำให้หลันเสวี่ยนั้นมองชมจากในเรือของสกุลเจ้าอย่างมีอรรถรสนัก “คุณหนูดีแล้วที่ท่านมิได้อยู่ที่ตรงนั้น มิแน่ว่าหากท่านสวมใส่ชุดร่ายรำที่งดงามเช่นนั้น บุรุษทั้งหลายคงมิพ้นที่จะฟาดฟันกันจนนองเลือดแล้วอย่างแน่นอน “ ร่งฉีมองไปแล้วเอ่ยเรียบๆมิสนุกสนานเหมือนผู้ใด ร่างบางหัวเราะคิกแล้วส่ายหน้าไปมาเบาๆทำเหมือนตกใจและรักใคร่นางจิ้งจอกร้ายของสกุลเจ้าเป็นอย่างมาก เพราะนางมิอาจจะนินทานางจิ้งจอกหลิงหว่านตัวนี้ได้ตรงๆ เพราะนางนั้นยังอยู่บนเรือรบของสกุลเจ้า ยามจะเอ่ยสิ่งใดออกมาในเรือของสหาย นางนั้นก็จะต้องทำตนเสแสร้งให้ดี มิให้นางจิ้งจอกนี้คิดหาหนทางขย้ำนางรวดเร็วมากจนเกินไปนัก “ร่งฉีเจ้านั้นก็ปากมากนัก หลิงหว่านนั้นคือเพื่อนรักของข้า อย่างไรข้านั้นก็มิอาจว่าร้ายนางลับหลังได้ นางคือเพื่อนที่ดีที่สุดของข้าแล้ว เจ้าอย่าทำตนมิเหมาะสมกับนางเล่า เจ้าเข้าใจหรือไม่ หืม ร่งฉี “ “ขออภัยขอรับคุณหนู ข้าน้อยนั้นเสียมารยาทเสียแล้ว “ ร่งฉีเอ่ยขออภัยออกมาอย่างเจียมตน ใบหน้าหวานจึงส่งยิ้มออกไปให้เด็กดีของนางอย่างเจิดจ้านัก ร่งฉีชะงักกึกแทบจะเดินถอยหลังอย่างเพ้อฝันไปแล้ว ใบหน้าหวานหัวเราะคิกๆแล้วเริ่มต้นขับขานทำนองเพลงเรือขึ้นมา พร้อมกับดนตรีที่ดังขึ้น ช่างน่าหลงไหลแล้วจริงๆ ร่งฉีแอบลอบมองคนอย่างเจียมตน คิดฝันว่าขอเพียงคุณหนูนั้นมีความสุข สิ่งใดๆก็ตามใจนางได้ทุกสิ่ง ตนเองคงเป็นของเล่นให้นางได้ทุกยาม แต่คงมิคิดจะอาจเอื้อมกับคุณหนูจริงๆอย่างแน่นอน สตรีสูงค่าย่อมเหมาะกับบุรุษที่สูงส่งเท่าเทียมกัน ชาตินี้ขอให้นางปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว คิดแล้วก็ปลุกตนเองตื่นขึ้นมาจากความฝัน แล้วคอยระมัดระวังคุณหนูของตนเป็นอย่างดี ในราตรีนี้ ในมินานก็พบว่าสองบุรุษทะเลาะวิวาทกันอีกครั้ง ร่างบางของเจ้าหลิงหว่านถูกดึงเข้าไปในอกตึงแน่นของฉูหวาง และฉูหวางก็ประกาศว่านางนั้นคือสตรีของพระองค์ขึ้นมา เช่นนั้นในราตรีนี้ จึงเสมือนการประกาศหมั้นหมายของสองสกุลไปเสียแล้ว “ฮร่า ดีเสียจริงที่คุณหนูมิได้ไปร่ายรำใกล้ฉูหวาง คุณหนูของข้างดงามเช่นนี้ ฉูหวางต้องนึกต้องพระทัยท่านอยู่บ้างแน่ๆ โอ๊ย อร่า ซี้ด “ ร่งฉีเอ่ยยังมิทันจะจบคำใด ร่างบางกระทืบเท้าของร่งฉีจนร้องครางขึ้นมา ร่งฉีเร่งสวมเสื้อคลุมให้นางและเดินจูงนางขึ้นไปจากเรือของสกุลเจ้าอย่างระมัดระวังตน ราตรีนี้นางมิไปใกล้งานเลี้ยง นางให้บุตรชายของสกุลเซี่ยนั้นออกไปในงานเลี้ยงทั้งหมดสิ้น ตัวของนางจึงสามารถหายใจได้อย่างคล่องตัว และมิต้องอึดอัดใจที่จะต้องพบกับฉูหวางต่อไปอีก ความเจ็บในร่างกายของนางนั้นยังมิจาง หัวใจของนางยังคงเสียใจ ที่นำพาร่งฉีออกไปตายด้วยกันในยามนั้น “ เมืองทั้งเมืองนี้ของนาง เคยลุกเป็นเถ้าถ่านไปจนสลายไปกับความฝัน นางจะมิยอมสูญเสียสิ่งสำคัญนี้ต่อไปอีก “ หลันเสวี่ยหยุดเดินลงที่ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิประจำเมืองของนาง แล้วก้าวเข้าไปพร้อมร่งฉีในวันคืนเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วให้ร่งฉีถวายของสักการะ นางคุกเข่าลงพร้อมร่งฉี และขอพรให้ชาวเมืองนั้นปลอดภัยตลอดไป “หากท่านเทพเซียนของเมืองหวยเหอนั้นมีจริง ขอให้ท่านนั้นปกป้องชาวเมืองนี้และสกุลเซี่ยให้สงบสุขและสืบทายาทต่อไปอย่างยืนยาว ขอให้ท่านปกป้องสกุลเซี่ยและข้ารับใช้ของสกุลเซี่ยทุกผู้คนด้วยนะเจ้าคะ โดยเฉพาะร่งฉีที่เป็นผู้คุ้มกันคนสำคัญของข้า ขอเพียงร่งฉีปลอดภัย ในชาตินี้ข้านั้นก็ย่อมจะปลอดภัยแล้ว ขอเทพเซียนโปรดเมตตาร่งฉีของข้าด้วยนะเจ้าคะ “ ร่งฉีที่ยากแรกกำลังจะขอพรให้คุณหนูของตนอยู่ในใจ ยามนี้ยกแขนขึ้นมาปิดหน้าตน แล้วหน้าแดงขึ้นมาอย่างน่ารักเลยทีเดียว ร่างกายของร่งฉีก็ตื่นตัวขึ้นมา จนมองเห็นสิ่งซุกซนนั้นตื่นขึ้นมาที่กลางกาย ร่างบางหัวเราะคนคิกๆและขยับไปเป่าลมลงไปใส่ใบหูแดงๆนั้น แล้วเอ่ยวาจาอ่อนหวานขึ้นมา “เจ้าหน้าแดงและมีกายที่ซุกซนแล้วนะร่งฉี ออกไปจัดการตนเองเสีย อย่าให้ท่านเทพเซียนนั้นกรุ่นโกรธเจ้า “ ร่งฉีหายใจแรงและพยักหน้าตนเองขึ้นมา ควบคุมลมหายใจคราหนึ่ง ทุกอย่างก็สงบลงไป หลันเสวี่ยที่เคยรู้รสบุรุษมาแล้วในชาติก่อน กายของนางร่านราคะขึ้นมาแล้วในยามนี้ นางต้องคิดหาทางกินร่งฉีให้ได้เสียแล้วซิ นางจะทำเช่นใดดีนะ นางจึงจะได้กินร่งฉีได้อย่างถูกธรรมเนียมของหวยเหอได้กันหน่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD