ตอนที่ 8 ชิงหมิง

1421 Words
ฟ้าหมุนแผ่นดินกลับ ชีวิตของนางในชาตินี้ช่างพลิกผันนัก บุรุษองครักษ์ข้างกายของนาง เป็นผู้สืบทอดขุนพลในจวนของไท่เวยไปเสียแล้ว สิ่งที่ฉูหวางต้องการป่นทำลายอาจมิใช่แค่สกุลเซี่ย แต่ฉูหวางอาจจะตามหาสิ่งสำคัญอยู่ก็เป็นได้ เพราะทารกชายสามคนนี้ต่างมีความสำคัญมาก บุตรของท่านอาแปดย่อมใช้ควบคุมท่านอาแปดได้ในเมืองหลวง แต่ทว่าท่านอาแปดนั้นดื้อรั้น หากยืนข้างใดแล้วคงมิแปรเปลี่ยนใจไปง่ายๆ ส่วนทารกอีกสองคนนั้นผู้หนึ่งคือองครักษ์ของนาง หากว่าในชาตินี้ นางมองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่าร่งฉีคือท่านลุงหยางไท่เวยในร่างย้อนวัยชัดๆ เช่นนั้นฉูหวางที่เป็นปรปักษ์กับหยางไท่เวยมานาน เหตุใดเมื่ออยู่ใกล้ชิดนางแล้วจะสังเกตุสิ่งนี้มิพบ แต่ทว่าเมื่อฉูหวางเคยไต่ถามนางถึงความเป็นมาของคนหลายครั้งหลายครา นางก็มิอาจจะตอบคำถามใดๆได้ เช่นนั้นนางจึงคล้ายมิเป็นประโยชน์อันใดต่อฉูหวางอย่างแท้จริง อีกทั้งในยามก่อนที่ฉูหวางจะสังหารนาง จนต้องให้ร่งฉีนั้นโอบประคองนาง มิแน่ว่าฉูหวางนั้นอาจจะมิพอใจหึงหวงนาง จนนำมาสู่ความตายของนางในภายหลัง เพราะฉูหวางนั้นรังเกียจองครักษ์ผู้นี้ของนางมาก ทุกๆคราฉูหวางจะมิให้นางนำคนติดตามไป แต่ทว่าร่งฉีนั้นกลับติดตามนางไปทุกทิศ ร่งฉีมิเคยทอดทิ้งนาง แม้ว่านางจะมีใจรักฉูหวางเช่นใด แม้ว่านางจะทรยศผู้คนทั้งเมืองหวยเหอ แต่ร่งฉีกลับปลุกปลอบนางว่ามิเป็นไร “คุณหนูต่อให้โลกใบนี้จะเลวร้ายกับท่านเพียงใด ชีวิตนี้ท่านมีข้า ท่านมีข้าอยู่ข้างกายท่าน หากร่งฉีผู้นี้ยังมิตายอย่าหวังว่าผู้ใดในโลกใบนี้จะทำร้ายท่าน มิเป็นไรนะคุณหนู ท่านคิดเพียงว่าท่านเพียงผ่านห้วงฝันร้ายมาเท่านั้น ซักวันหนึ่งคุณหนูของข้าจะได้พบโลกที่ดี มีห้วงฝันดอกไม้โปรย ในซักวันหนึ่งหากข้านั้นมีกำลังพอ ข้าจะทำให้ท่านนั้นสุขสบายมีเรือนอบอุ่นมีห้วงฝันสีขาวมีดอกไม้บาน “ หลันเสวี่ยคิดถึงในยามนั้นที่นางนั้นเศร้าโศก ร่งฉีแบกนางเอาไว้บนแผ่นหลัง พานางที่หมดแรงร่ำไห้แบกข้ามลำธารไป ร่งฉีปลุกปลอบนางอยู่ตลอดยาม ในยามนั้นผู้ติดตามนางมาคือองครักษ์ของท่านพี่ฉวนชิง ท่านพี่ฉวนชิงนั้นมิยอมติดตามนางออกมา แต่ทว่าตวาดให้องครักษ์ของตนเองนั้นติดตามนางออกมา คนผู้นั้นก็คือชิงหมิง ชิงหมิงติดตามนางออกไปและช่วยเหลือร่งฉีปกป้องนาง ชิงหมิงนั้นเศร้าโศกมิแพ้นาง ในมือของชิงหมิงจะมีป้ายคำสั่งของสกุลเซี่ยแขวนเอาไว้อยู่ตลอด มันคือป้ายคำสั่งของท่านพี่ฉวนชิง บุรุษสามคนนี้ต่างมีวันเกิดในวันเดียวกัน อายุเท่ากันและสองคนนั้นต่างคลอดในวังหลวง หลันเสวี่ยชะงักขึ้นมา ถ้าหากว่าฉูหวางนั้นมิได้ตามหาร่งฉีเล่า จะมีผู้ใดอีกเล่าที่ฉูหวางต้องติดตามค้นหาเฉกเช่นนั้น เหตุใดท่านพี่ฉวนชิงจึงให้ชิงหมิงนั้นตกตายมิได้ เหตุใดท่านพ่อจึงฝากฝังชิงหมิงกับร่งฉีไปด้วยอีกผู้หนึ่งกัน ในยามนั้นนางติดอยู่ในห้วงฝัน นางมิได้ขบคิดในสิ่งใดให้ดี นางมิรู้ความจริงในเรื่องราวของทั้งหมด ท่านอาแปดคือหมอหลวงหากสตรีคลอดบุตรในวังหลวงและสตรีมีครรภ์ในวังหลวง ท่านอาแปดย่อมต้องรู้ความก่อนผู้ใดอย่างแน่นอน หลันเสวี่ยขบคิดขึ้นมา แล้วผุดกายลุกขึ้นไปหาชิงหมิง แล้วดึงหัวคนลากออกมาที่ภายนอกอย่างลืมตน “โอ๊ย คุณหนู ท่านโกรธข้าน้อยในเรื่องใดกันขอรับ อย่าดึงผมของข้าแรงเช่นนั้น คุณหนู โอ๊ย “ เสียงของชิงหมิงดังขึ้นมา นางขึ้นไปนั่งอยู่ที่บนโต๊ะ แล้วขยุ้มหัวคนเปิดเส้นผมที่ปรกดวงตาของเจ้าองครักษ์ข้างกายของท่านพี่ฉวนชิงขึ้นมา ก่อนที่นางและผู้คนจำนวนมากจะตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่หยางไท่เวยก็ตาโตและองค์ไท่จื่อก็เบิกพระเนตรขึ้นมาอย่างตกตะลึงขึ้นมา องค์ไท่จื่อโวยวายลั่นขึ้นมา “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ ท่านหลบซ่อนบุตรของท่านไว้ที่นี่ด้วยเช่นกันหรือพะยะค่ะ” องค์ฮ่องเต้ที่จิบสุธารสชาอยู่ในเรือนรับรอง เปิดหน้าต่างข้างๆเรือนออกมา แล้วโผล่พระพักตร์ออกมาอย่างเกียจคร้าน แต่ทว่ายามที่ทรงทอดพระเนตรเห็นใบหน้าที่แท้จริงของชิงหมิงแล้ว ทรงตกตะลึงและตวาดลั่นและเขวี้ยงถ้วยชาจนเฉียดผ่านใบหน้าของท่านอาแปดออกไป “เซี่ยอวิ๋นเฟิง เจ้าหมอหลวงจอมโป้ปด เจ้าซ่อนเร้นบุตรของเจิ้นเอาไว้ในสกุลเซี่ยได้เช่นใดกัน เจ้าซ่อนองค์ชายน้อยๆของเจิ้นเอาไว้ได้อย่างไรกัน “ ครานี้ผู้คนทั้งสกุลเซี่ยต่างพบกับหายนะอย่างแท้จริง หลันเสวี่ยเร่งลงมาคุกเข่าลงไป ชิงหมิงตื่นตระหนกขึ้นมา องค์ไท่จื่อมาลากคนเข้าไปที่ข้างบานหน้าต่างนั้น องค์ฮ่องเต้ทอดพระเนตรจ้องมองใบหน้าของทั้งสองสลับไปมาทั้งชิงหมิงและองค์ไท่จื่อนั้น ก่อนที่จะสรวลดังขึ้นมา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า กงกงไปทำหนังสือเบิกรางวัลให้สกุลเซี่ย แต่งตั้งองค์ชายสามหลี่ชิงหมิงขึ้นเป็นหวงจื่อและให้ปกครองเมืองท่าทั้งแปดเมืองทางทิศใต้นี้ทั้งหมดสิ้น” สกุลเซี่ยที่กายสั่นไหวมิได้รับราชโองการใดๆต่อไปอีก ท่านลุงแปดถอนหายใจขึ้นมา และเอ่ยขอพระราชทานอภัยโทษออกไปเสีย “ในยามนั้น กระหม่อมนั้นมิอาจมีหนทางเลือก หยูหวงโห่วนั้นมีคำสั่งให้ทำแท้งสตรีทุกนางในวังหลัง เช่นนั้นกระหม่อมจึงคิดสิ่งใดมิได้เลย เมื่อบุตรสาวของเจ้ากรมคลังนั้นได้ฝ่าฝืนกฎของวังหลังตั้งครรภ์ขึ้นมา นางนั้นผ่านช่วงเวลาห้าเดือนมาแล้ว และอาจจะเป็นอันตรายได้ทั้งมารดาและบุตร ยามนั้นนางเองก็ถูกใส่ร้ายจนต้องโทษทัณฑ์ในตำหนักเย็น แต่ทว่าการกำเนิดทารกในวังนั้น ก็มิอาจให้ส่งเสียงร้องออกไปได้ เช่นนั้นสิ่งเดียวที่กระหม่อมนั้นคิดขึ้นมาได้ จึงนำสตรีของตนเองเข้าไปในส่วนนอกของวังหลัง อ้างว่านางนั้นครรภ์เป็นพิษต้องดูแลด้วยตนเอง ก่อนที่จะใช้ข้ออ้างนี้จ่ายยาบำรุงครรภ์ให้พระสนมเจียง แล้วปล่อยให้นางหลบซ่อนอยู่ในตำหนักเย็นต่อไป สตรีที่มีโทษกักขังเมื่อมีไข้ลมหนาวก็ย่อมต้องใช้หมอหลวงไปทุกครา กระหม่อมโป้ปดผู้คนว่านางนั้นเป็นไข้ลมหนาวอาจอยู่มิพ้นในสามปี ที่แท้สุดท้ายครรภ์ของพระสนมเจียงนั้นเป็นพิษ ยามที่ทารกคลอดออกมานางจึงตกเลือดและสิ้นพระชนม์ไปในยามนั้น ส่วนสตรีของกระหม่อมนั้น ได้รับยาชนิดเดียวกันที่มีพิษร้ายต่อสตรีที่คลอดบุตร จึงมิอาจยื้อชีวิตเอาไว้ได้เฉกเช่นกัน กระหม่อมโป้ปดผู้คนว่า พระนางนั้นสิ้นพระชนม์เพราะลมหนาว และนำทารกออกมาพร้อมกันในครานั้น เพราะภายหลังมีทารกอยู่สองคน และยังมีตัวปัญหาที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีกผู้หนึ่งเสียอีกด้วย เช่นนั้นสกุลเซี่ยจึงมิค่อยปลอดภัยนัก “ “เจ้ามันช่างบังอาจนัก ที่แท้สนมเจียงนั้นก็ตั้งครรภ์และจากไปอย่างเดียวดาย มิมีผู้ใดเคยรายงานว่านางนั้นอยู่ในตำหนักเย็น ทุกคราเพียงมีรายงานว่านางนั้นเป็นโรคระบาดจึงมิอาจเข้าไปพบนางได้ ที่แท้ช่างน่าโศกสลดถึงเพียงนั้น หยูหวงโฮ่วช่างทำได้ดี นางทำลายชีวิตของสตรีทั้งหลายไปมากมาย มิน่าเล่าในวังหลังนั้นจึงมิมีทารกกำเนิดขึ้นมาเลย แม้ว่าเจิ้นนั้นจะแข็งขันยกป้ายสตรีในวังหลังมากมายเช่นใด ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้เอง ช่างน่าเศร้าสลดนัก “
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD