ผู้ชายกวนประสาท

1206 Words
ตอนที่ 13 จำได้ว่าหล่อนขายอยู่บริเวณนี้ อาศัยช่วงที่ถนนโล่ง รถวิ่งอยู่ห่างไกลมาก จนมาพบหล่อน และหล่อนก็ไม่ต้อนรับเขาเหมือนเคย ปะทะคารมกันหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมอีก ทำให้เขาอยากจะเอาชนะหล่อน “คิดจะมาไล่ฉันหรือฉันก็ไม่ไปหรอกนะฉันจะอยู่แถวนี้ล่ะ ใครจะทำไม” ยียวนกวนโมโหอีกแล้ว “ เอ๊ะ คุณนี่ พูดยากจริงๆ ” หล่อนย่นคิ้วและจมูก และนึกโมโหที่เขาบอกว่าไม่ไป พิลึกจริงๆลูกมหาเศรษฐีไม่มีงานการอะไรทำ ดันอยากจะมาเฝ้าแม่ค้าขายพวงมาลัยริมสี่แยกไฟแดง ป่วยการที่จะพูดต่อ หล่อนเลยเริ่มเงียบ เขายิ่งดีใจใหญ่ ที่หล่อนไม่ได้ไล่เขาไปอีกแล้วคงแพ้ความด้านหนาทานทนของเขา ที่จริง วินท์ ก็ไม่เคยใช้วิธีแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนนะ มีหล่อนคนแรกนั่นแหละที่สอนให้เขาทำอย่างนี้ เพราะอยากพยศกับเขานักนี่ นี่เรียกว่า วินท์ กำลังตื้อหล่อน คิดแล้ว ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีเด่นซักอย่าง สวยก็ยอมรับว่าสวย แต่ค่อนข้างปากเก่ง รั้น เอาแต่ใจ นี่เขามองเห็นเสน่ห์ตรงไหนของหล่อนก็ไม่ทราบ วินท์เองรู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่เขานึกชอบหล่อนเข้าแล้ว อย่างบอกกับใจตัวเองไม่ถูก แต่บางครั้งก็เป็นอย่างนั้นจริงไม่รู้ว่าเขานั้นชอบหล่อนตรงไหน ที่บอกว่ามีเสน่ห์หรือที่เรียวปากบางช่างน่าจูบประทับนั่นอย่างเดียว ไม่รู้ล่ะ เมื่อเดินเครื่องมาแล้วคนอย่างวินท์จะไม่หนีเครื่องและถอยเป็นอย่างแน่นอน เห็นว่าหล่อนนั่งทำหน้าตาบึ้งตึงใส่ แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่สนใจเขาเลย เห็นทีเขาต้องเข้าไปหาไปนั่งถึงตัวหล่อนแล้วกระมัง แปลกใจที่วินท์ ไม่นึกรังเกียจเลย บนถนนหนทาง บนสาดเสื่อแบบนี้ อันที่จริงไม่เหมาะกับคนระดับเขาหรอก หล่อนมองบนผืนเสื่อข้างกาย รวดเร็วเหมือนจู่โจม ตกใจอย่างมาก ที่เขาเข้ามานั่งอย่างถือวิสาสะ กล้าจริง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหล่อน “นี่ คุณ เสื่อฉันะ ใครบอกให้คุณเข้ามานั่งด้วย” “อ้าว นั่งไม่ได้หรือไง โห แค่เสื่อก็งก” เขาว่าเอ่ยอีก “ขอพักเหนื่อยไม่ได้หรือไง” “เอ๊ะไม่ได้หรอก ของๆฉัน ฉันงกทุกอย่าง” หล่อนตอบอย่างคนเห็นแก่ตัว แล้วถามเขาพร้อมขมวดคิ้ว ไหนๆเขาก็เข้ามานั่งแล้ว ถึงไล่ยังไงก็ไม่ยอมไปหรอก หล่อนดูท่าแล้วคงจะยาก “แล้ววันนี้รถของคุณล่ะ ทำไมไม่เข้าไปนั่ง เย็นดีไม่ใช่หรือ มีทั้งแอร์ แล้วก็เครื่องเสียงเพลงเพราะ” “ที่พูดอย่างนี้ แสดงว่า เธอชอบใช่ไหม?ล่ะ” “เปล๊าคนอย่างฉัน หรือจะชอบ” หล่อนเน้นเสียง “ฉันไม่ชอบหรอก ก็พูดไปอย่างนั้นเองล่ะ” “ฉันมาแต่ตัวไม่ได้เอารถมาด้วยหรอกนะวันนี้ และมากับรถแท็กซี่” เขาสารภาพบอก มิน่าล่ะ เขาถึงทนรอได้ และนั่งอยู่นาน จนครึ่งชั่วโมง ผ่านไปแล้ว ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับ ก็เพราะไม่ได้เอารถมาด้วยนี่เอง เมื่อหล่อนทราบหล่อนก็เงียบ เขายังนั่งอยู่บนเสื่อหล่อนนั่งแบบขัดสมาธิ ทำท่าหายใจหอบเหมือนคนกำลังเหนื่อย นี่หล่อนจะทำยังไงดี กลัวตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน ยิ่งจับกลุ่มนินทาเรื่องของหล่อนอยู่ แต่ดื้อรั้น อย่างเขา คงไม่ไปหรอก แล้วนี่จะทำยังไง หล่อนตัดสินใจพูดกับเขา “นี่คุณ ฉันมีเรื่องที่จะคุยกับคุณด้วยเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องนี้ เรื่องที่คุณ พยายามหาเรื่อง เอาเรื่อง ที่ฉันได้เงินมาจากคุณด้วยความสุจริตใจ” หล่อนเอ่ยกับเขา เว้นเสียงไปครู่ “จากการที่ฉันขายพวงมาลัยในราคาพิเศษให้คุณ เพราะความโง่ของคุณเอง แล้วคุณก็ไปฟ้องแม่ของ ฉัน ใช่ไหม?” ประโยคนี้ หล่อนถามเอากับเขาเหมือนจะคาดคั้น” แต่ชายหนุ่มยังนิ่งเงียบ จากนั้นเด็กสาวกลับเสียงเข้มยิ้มเยาะใส่ “ฮึ ไหนอวดว่ารวยนักไงล่ะ เรื่องนี้แค่เรื่องขี้ปะติ๋วสำหรับคุณไม่ใช่หรือ ขนหน้าแข้งคุณไม่ร่วงหรอก ใช่ไหม หรือว่า ที่แท้คุณก็เสียดายเงิน ” “ก็ไม่ได้เสียดายหรอก ใครว่าฉันเสียดายล่ะ เงินแค่นี้“ เขาตอบทันควัน “งั้น ก็ไม่ต้องมาพูดเลย นี่คุณ เอาเงินคุณคืนไปเถอะ”นามินีพูดพร้อมหยิบเงินพันกว่าของเขาทั้งหมดเอามาคืน เพราะหล่อนไม่ได้ใช้สักบาท เขาตกใจ เงินยังอยู่ที่หล่อน โดยที่หล่อนไม่ได้นำเอาไปใช้ มองเงินในมือของหล่อน แล้วเขาก็ส่ายหน้า “ไม่ ฉันไม่เอาคืนหรอก เพราะฉันให้ก็คือให้ และฉันให้เธอไปแล้ว ไม่ต้องส่งมาให้ฉันคืน เพราะฉันก็ไม่เอาเหมือนกัน ”เขาอธิบาย ทำให้หล่อนนึกหนักใจยิ่งนัก ที่เขาไม่อยากได้เงินคืน และหล่อนก็อยากจะคืนให้เขา “เถอะนะคะฉันว่าคุณเอาเงินของคุณไปเถอะ” หล่อนไม่อยากที่ จะไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้ “ไม่หรอกน่า ฉันว่าให้เธอ เอาเก็บไว้กินขนม” เขากลับพูดไปเสียอย่างนั้น ให้หล่อนมาได้ยังไงกัน กับเงินจำนวนมากมายอย่างนี้ หรือคะแนนพิศวาส “น่านะเก็บเอาไว้เถอะ” เจ้าของเงินเป็นฝ่ายอ้อนวอน หล่อนมองหน้าเขา ไม่รู้จะทำยังไงดี “ฉันไม่อยากจะเอาคืนหรอก ฉันอยากจะให้ เพราะฉันสงสารเธอ ”เป็นคำพูดที่มีเหตุผลพอสมควร เขาบอกว่า เขาสงสารหล่อน จนหล่อนแทบอึ้งไป และเขาเป็นฝ่ายที่ยัดเยียดเงินจำนวนนั้น กลับคืนให้หล่อนตามเดิมอีกครั้ง จนนามินีจำเป็นต้องยอมรับ แต่หล่อนก็เอ่ยคำแรกบอกเขา “ งั้นขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ ที่คุณให้ฉัน แล้วเงินที่ได้ ฉันจะเอาไปทำบุญให้คุณส่วนหนึ่ง ” เขายิ้มให้หล่อน ดีใจกับคำกล่าวจากใจ ที่หล่อนยินยอมใจอ่อน แต่ต้องมาตกใจกับคำต่อมาของหล่อน จนสะดุ้ง “ทำบุญทำบุญอะไรให้ฉัน นี่ฉันยังไม่ตายสักหน่อย ”เขาถามแกมครวญอย่างไม่เข้าใจ “บ้านะสิ คุณ ใครว่าฉันแช่งคุณ ”หล่อนค้อนใส่เขา “ฉัน ทำบุญ ให้กับความมีเมตตาใจดีของคุณต่างหาก ”เมื่อหล่อนอธิบาย เขาจึงโล่งใจ หากว่านี่คือความแปลกใจเหลือเกิน ที่นามินี จู่ๆนั้นก็ ยินยอมที่จะใจอ่อนไปกับเขา นี่เธอเป็นอะไรไปล่ะ นามินี เธอต้องใจเข้มแข็งไว้นะ จะมาใจอ่อน อ่อนแอ หลงเสน่ห์ เคลิ้มไปกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ไม่ได้แม้เขาจะหวังดี แต่ที่เขามาทำดีกับเธอนั้น ก็เพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละ นามินีเตือนใจตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD