คำถามจากป้า

1195 Words
ตอนที่ 7 “นั่นดูซิทำหน้าเหมือนกับไปทะเลาะกับใครมาอย่างนั้นแหละ หนูนา มีเรื่องกับลูกค้าหรือไง ” ขณะเดียวกันที่เพิงขายมาลัยริมทาง เสียงของป้านั่นเอง ทำให้นามินีหันขวับกลับไปพยายามเปลี่ยนกลบเกลื่อนสีหน้า แต่คุณป้าก็ยังแอบสังเกตเห็นได้ นามินีได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง “อ้าวถอนหายใจอีกแล้วมีอะไรขัดใจบอกป้าบอกลุงซี ใครทำอะไรให้หนูนา ไม่พอใจ เก็บเอาไว้มันไม่ดีหรอกนะ ” คำกล่าวของป้าทำให้เธอได้ครุ่นคิดคุณป้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าเธอโกรธเคืองเรื่องอะไร เนื่องจากต้นสาเหตุไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เขาเอาหน้าตายียวนกวนๆออกไปจากตรงนี้แล้ว “นี่เธอจะบ้าหรือไง นามินี มานั่งครุ่นคิดถึงตาหมอนั่นได้ไง บ่นกับตัวเอง เพราะเผลอไผลอารมณ์ หรือว่าติดใจหน้าตาหล่อเหลา “แน๊ะ ยังไม่หายหน้าบึ้งอีก” คุณป้าว่าขึ้นอีก เธอรู้สึกตัวเองดี “หนูนา ของป้านะออกจะสวย อย่าทำหน้าบึ้งตึงอย่างนั้นสิหลาน ดูไม่น่ารักเลยนะ จ้ะ” ทำให้สีหน้าของเด็กสาวรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง “ค่ะป้า”นามินียิ้มให้ยินยอมรับคำของนางสวนผู้เป็นป้า “แล้วหนูง่วงหรือเปล่า ป้าจะมาผลัดเปลี่ยนหนู จะได้ไปนอนเสียที พรุ่งนี้หนูจะต้องไปโรงเรียนแต่เช้าไม่ใช่หรือ ” “พรุ่งนี้เป็นวันหยุดค่ะ”เสียงหวานใสๆของนามินีชี้แจงตอบป้า “ มิน่าล่ะ ถึงได้นั่งทนนานอย่างนี้ ปกติหนูคงจะเดินมาขอป้าเพื่อกลับเข้าบ้านแล้ว ” เป็นอย่างนั้นจริงๆถ้าเธอไปเรียนหนังสือตอนเช้า เหมือนทุกครั้ง แต่ช่วงนี้ใกล้จะสอบเทอมภาคสุดท้ายแล้ว และอาจารย์ที่โรงเรียนนั้นท่านให้นักเรียนทุกคนหยุดเพื่อที่จะเตรียมอ่านหนังสือสอบ เพื่อจบการศึกษา รุ่งเช้าต่อมาเมื่อเขาพบเจอร่างของมารดา และนางดีใจมาก หากทว่าดวงตานั้นยังงอนๆใส่ลูกชาย “คุณแม่ของวินท์เก่งเสมอครับ และเป็นคนดีที่หนึ่งของลูก ถึงวินท์จะเสเพลย์ยังไง วินท์ก็รักคุณแม่มากที่สุดในโลก“ “แหม อย่ามาปากหวานกับแม่อีกเลย ที่หายหน้าไปนานหลายเดือน นี่ แม่คิดว่า วินท์รักแม่ไม่เพียงพอนะ ถ้ารักแม่ คงไม่หนีแม่ไกลไปขนาดนั้น ” สุดท้ายคุณบุรีมาศก็หันมางอนบุตรชายในสิ่งที่เขาทำให้นางน้อยใจในเรื่องหลายอย่าง วินท์คิดอย่างคนรู้สึกผิด “งั้นต่อไป ผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ” “ดีแล้วจ๊ะลูก ทูนหัวของแม่ ” คุณหญิงอดที่จะยกมือเรียวอวบอูมซึ่งประดับด้วยแหวนเพชรน้ำงามส่องประกายต้องกับแสงไฟที่ใส่อวดเสมอ ลูบคลำไปมาที่ศีรษะได้รูปและเส้นผมที่นุ่มสีดำสนิทของบุตรชาย อย่างรักใคร่และเอ็นดูนักหนา “ดูเหมือนวินท์ของแม่ มีอะไรปิดบังแม่หลายอย่าง ”ผู้มากประสบการณ์และผ่านร้อนผ่านหนาวของชีวิตนั้นมามากอย่างคุณหญิงบุรีมาศ เงยหน้าขึ้นสบตาบุตรชาย ดูเหมือนภายในดวงตาของเขาไม่ได้หลบซ่อนมารดา “ลูกพอจะบอกแม่ได้ไหม ว่าเรื่องอะไรกัน” วินท์อมยิ้มในสีหน้า ขณะที่คุณหญิงมารดาจ้องสายตามองเขาอย่างจริงจัง “คุณแม่อย่าจ้องหน้าผม อย่างนั้นสิครับ” วินท์เห็นมารดา สีหน้าของท่านดูเคร่งในการจับผิดเขา และจ้องมองอย่างไม่วางตา “ทำไมล่ะ” คุณหญิงขมวดคิ้ว มองลูกชายแปลกๆ “ผมอึดอัด ” “โธ่ลูก กลัวแม่ทำไมกันจ๊ะ ก็แม่นะหวังดีต่อลูกอาการแบบนี้เขาเรียกว่าคนกำลังมีความรัก ” คุณหญิงบุรีมาศเป็นฝ่ายอมยิ้มบ้าง ก่อนจะเอ่ย “ว่าแต่ลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะลูก ฐานะสกุลรุนชาติ คงจะไม่ใช่แม่ผู้หญิงหยำฉ่า พวกนั้นนะ” พูดแล้วคุณหญิงก็ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้นจริง วินท์เลยอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก ได้แต่หันเบือนหน้าไปทางอื่น ท่าทีของบุตรชายนั้นทำให้คุณหญิงเธอส่ายหน้าไปมา และวินท์ เขาจะตอบมารดาได้อย่างไรกัน ว่าผู้หญิงที่เขาพบเจอ และแอบปิ๊งเข้าแล้ว เธอทำงานอยู่ริมถนนใกล้สี่แยกไฟแดง และเรื่องฐานะสกุลรุนชาติ ก็อย่าเอามาพูดเปรียบเทียบกันเลย เพราะมันต่างกันอยู่แล้ว แต่หากว่าเขาไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นช่องว่างที่ไกลห่าง ระหว่างเธอกับเขา เหมือน นี่เป็นรักแรกพบของเขาจริงๆ ที่ วินท์ รู้สึกสะดุดตาสะดุดใจผู้หญิงคนนี้ทุกครั้ง และรุ่งเช้าของวันต่อมา สีหน้าของนามินีนั้นยังยุ่งและบึ้งตึงไม่หาย เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นั่งส่องกระจกดูตัวเองในกระจก “บ้าที่สุด คนผีทะเล”เหมือนเงาของเขานั้นซ่อนอยู่ในกระจกข้างหน้า และคืนนี้เขาบอกว่า จะแวะมาแถวนี้อีกหน เหอะ ขอให้ มาเหอะ น่ า เดี๋ยว หนูนา จะจัดการเอาให้ เข็ดหลาบกลับไปเลย พวกโรคจิตชนิดรุนแรง แน่นอน ต้องเจอกันแน่ เอาเงินมักง่าย ที่คิดว่าคนอย่างเธอจะซื้อหาด้วยเงินได้หรือเกลียดยิ่งนักพวกชอบดูถูกผู้หญิง เอาเงินฟาดหัว แม้จะพูดเรื่องชดใช้ค่าเสียหายบังหน้าก็ตาม เธอคิดว่าไม่ใช่หรอก คงมีแผนลึกกว่านั้นซ่อนอยู่ เพราะเธอไม่มีอะไรเสียหายนี่นา พวงมาลัยดอกไม้ยังอยู่ครบ อยากเป็นเจ้าบุญทุ่มเอง จู่ๆจะมาให้เงินเธอฟรีๆก็เกินไปล่ะคนเรามีคนอย่างเขาหนึ่งในล้านเปอร์เซ็นต์ได้กระมังในโลกนี้ สงสัยคงรวยจนมีเงินถลุงใช้ไม่หมดเลยคิดจะทำทานให้คนทั่วไปแต่ทานด้วยการดูถูกนี่เธอไม่ปรารถนาเลย ไม่อยากจะได้ของเขาแม้สักแดงเดียวเธอไม่อดอยากปากแห้งขนาดนั้น “บ่นอะไรอยู่อีกลูก ผีทะเล ใครน่ะผีทะเลไปทะเลาะกับคนแถวนี้หรือเปล่า? ” ไม่นึกว่านางสร้อยทองผู้เป็นแม่จะได้ยินด้วย เด็กสาวรีบเอามืออุดปาก คงจะพูดเสียงดังไปหน่อย แล้วนางก็เคาะประตู เปิดเข้ามา ยังเห็นร่างของบุตรสาวนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง “นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จะแต่งหน้าไปไหนหรือลูกแล้วกันสิ น้ำท่ายังไม่อาบเลย ” นางสร้อยเข้ามาและเห็นกล่าวตำหนิดุเบาๆ แต่คนฟังกลับยิ้มบอกมารดาว่า “ใครบอกแม่ว่านาจะแต่งตัวออกไปข้างนอกคะแม่สร้อยขา วันนี้นาไม่ไปไหนทั้งสิ้น นาจะอยู่กับบ้าน ” ลูกสาวแสนน่ารักตอบเหตุผลให้มารดาฟัง “แล้วที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างนี้ล่ะจ๊ะ ” “หนูนาก็นั่งแก้เซ็งไงคะแม่ ไม่มีอะไรทำ” คำตอบของบุตรสาวทำให้นางสร้อยร้องดุขึ้นมาทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD