ตอนที่ 3
“ฉัน กลัวจะพลาดท่า”
เขาบอกเพื่อน หลังจากเงียบ
“ก็ตอนแรกตอนคบกันใหม่ นึกว่าไม่มีอะไรนะสิ แต่หน็อยพอระยะหลังเข้ามา แม่คุณเกิดอยากจะผูกมัดฉัน ก็เลยต้องดิ้นรน ฉันนึกห่วงตัวเอง กลัวจะเสียทีพวกหล่อน” อัครณีหัวเราะกิ๊กกั๊กกับคำพูดของเขา นี่ละ อยากเจ้าชู้ดีนัก
เมื่อเขายอมเปิดปากสารภาพออกมาแล้ว อัครณีก็ยิ้มออกมาให้เพื่อน ก่อนจะพูดกรอกให้เขาได้ยิน
“แหม. ฉันว่าเรื่องของเธอนะ พ่อคาสโนวา มันสุดๆแล้วหรือไง ถึงป้องกันไม่ได้ ทีนี้ล่ะ กลั๊ว กลัวเลยนะ ฮึ แต่ว่าฉันก็อยากจะให้ เธอกลัว เรื่องนี้จริงๆ เหมือนกัน มันอันตรายนะกับผู้หญิงที่คิดจะมาจับเธอเป็นสามี ฉันไม่อยากให้เธอ แค่กลัวเล่นๆนะ วินท์ เพราะเรื่องนี้ ชีวิตนายทั้งชีวิต” เขาค่อนข้างเห็นด้วย จึงได้ตัดสินใจอย่างนี้ไง แม้ว่า อัครณี เธอยังมีอารมณ์ มาแหย่เขาอีก
“ อีกอย่าง ก็นาย มันไม่คิดป้องกันเองนี่ยะ ก็รู้อยู่ว่า แม่ พวกสาวๆ พวกนี้ ที่นายไปคั่วอยู่ เจ้าหล่อน ก็คอยคิดจ้องจะจับตัวนายให้อยู่มัด”
“แต่มันไม่ง่ายหรอก เพราะฉันไม่ได้ยอม”
การมาบากหน้าพึ่งเพื่อนแบบนี้
วินท์พยักหน้าและรู้สึกกระดากและอายเหมือนกันที่เอ่ยพูดเรื่องนี้ ยิ่งอัครณีเป็นเพศตรงกันข้าม แต่ก็เป็นเพื่อนที่เข้าใจเขาดีที่สุด เพราะเขานึกถึงแต่อัครณีก่อนเพื่อนคนอื่น รู้ว่าอัครณีเป็นเพื่อนที่ปรึกษาเขาได้ดีกว่าใคร
แล้วหล่อนตอบว่า
“เอาล่ะ มัน ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้ ฉันน่ะ รับปากช่วยนายได้ เรื่องแค่นี้นะ มันจิ๊บจ๊อยจะตายไปสำหรับ คนอย่างฉัน วินท์ แต่ ”
หากแล้ว พยักหน้า พร้อมกับรับปาก และหันมาทางเขาอีกที
“มันมีแต่ อะไรอีกล่ะณี” วินท์ขัดขึ้น หัวคิ้วของวินท์ก็ขมวดพลางนึกสงสัย
“ก็เรื่องนี้นะ นายอย่าให้แฟนฉัน รู้เรื่องนี้เป็นอันขาดเชียวนะ” หล่อนหมายถึงศักรินทร์
“เพราะ ไม่งั้นฉันกับเขา คงทะเลาะกันแน่ อาจจะหนักกว่าเดิมอีก โถ วินท์ เพื่อนรัก อย่างฉันน่ะ มีแฟนหล่อๆ คนนี้ ก็กว่าจะได้ เขามานี่ ฉันต้องสู้รบตบมือกันหลายด่านล่ะแล้วเขาหล่อขนาดนี้ มันหายากจะตายไป ”
เพราะหล่อนรู้ดีว่า ไม่ค่อยมีใครกล้าจีบหล่อน อาจจะเป็นเพราะ ว่า บุคลิกของสาวห้าว หากแต่ เนื้อในหล่อนก็มีความหวานอยู่ในตัว เมื่ออัครณีเอ่ยถึงแฟนหนุ่ม ที่รับราชการเป็นทหารเรืออยู่ที่สัตหีบ และนานๆครั้ง เขาถึงจะแวะเข้ามาที่กรุงเทพนี่
ก็ทำให้วินท์นั้นอมยิ้ม และหัวเราะออกมาเบาๆ
“ได้ เรื่องนี้ฉันรับปากเพื่อนรัก ขอบใจณีด้วยนะที่ยอมช่วยเรา” วินท์เอ่ยตอบเพื่อน
“แล้วอีกอย่าง หนึ่ง จะว่าไปนะ มันก็ เป็นหน้าที่ของเธอด้วยต่างหากล่ะ ณี เรื่องฟงเรื่องแฟน เราต้องหมั่นโทร.ไปหา ถามไถ่พูดจาด้วย จะทำให้ไม่ห่างเหิน เพราะถ้าเราทำตัวดีแล้ววางตัวดีกับเขาดีมาก วินท์คิดว่า ก็ไม่เห็นจะเป็นไรหรอก รักกันก็ต้องไว้ใจกันสิ”
คราวนี้วินท์ เป็นคนตอบเพื่อนบ้าง ให้คำปรึกษากับอัครณี แล้วเขาก็ตัดบทในเรื่องเดิม เพราะ พูดจนฟังเข้าใจแล้ว
“อิอม เรื่องของเธอน่ะ เอาล่ะ เรารับปากแน่นอน อย่ากังวลไปเลย นะ แต่ว่า เพื่อนจ๋า นี่ เธอต้องช่วยเก็บเรื่องนี้ให้มันเป็นความลับไปตลอดนะ อย่าให้ใครรู้ด้วยเด็ดขาดเชียวนะ อัครณี”
“จ้ะ พ่อวินท์ และฉันจะรีบเก็บมัน ไว้เป็นความลับ ให้ลึกที่สุด ไม่มีใครรู้ แล้ว มันเป็นลับสุดยอดของเธอ”
และอัครณี ก็หัวเราะตามมาอีก กับคำของเพื่อน
“ใช่ล่ะ แม่อัครณีคนเก่งของเพื่อนวินท์ ”
วินท์นั้นพูดเอาใจเพื่อนจนน่าหมั่นไส้ แต่ก็เหมือนกับได้ยกเอาภูเขาหินก้อนโตพ้นออกจากอกได้ รู้สึกสบายใจและโล่งใจ โปร่งไปหมด
เชื่อมั่นในแผนการของอัครณีเพื่อนสาวคนนี้ดี ว่าไม่ทำให้เขาผิดหวังอย่างแน่นอน ครั้นจากนั้น เขาได้ล่ำลาจากอัครณีแล้ว เพราะนัดพบเจอในผับแห่งนั้น ยังลังเลอยู่ว่า จะกลับบ้านเลยดีไหม หรือจะไปที่อื่นต่อ อารมณ์ของเขาต่อมา คือ ไม่อยากจะกลับบ้าน
หากแต่บรรยากาศใกล้เที่ยงคืนอย่างนี้ ของ กรุงเทพเมืองฟ้าอมร นั้น สงบเงียบ และรถราบนท้องถนนโล่งว่าง แทบไม่มีสัญจรมาเลย ซึ่งนานๆครั้น และเขา นั้นพยายามขับรถอย่างที่ใจเย็นที่สุด อีกครั้งยามนี้ สมองพลอยว่างและโล่งด้วย
เมื่อมีสายลมเย็นจากข้างนอกนั้นพัดพลิ้ว เอาละอองเย็น สาดกระทบใบหน้า เมื่อเขาเปิดไขกระจกลงอย่างอัตโนมัติ ไม่ใช้แอร์ ซึ่งบริเวณนี้ เป็นถนนเส้นหลัก ใจกลางเมือง และ ที่ตัดกัน นี้ เป็น บริเวณสี่แยกจราจร สี่มุมถนนนั้น รายรอบทั้งหมดฝั่ง ล้วนแต่เป็นอาคารชิดติดกัน ที่ประดับประดาด้วยแสงไฟจนดูสว่างไสว พรึบไม่มีมืดมิดสักนิด แต่ก็ไร้คนเดิน
กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลเลยสักครา อย่างที่ใครว่ากัน และ เขา วินท์ นั้นได้เติบโตมาแต่อ้อนแต่ออก ในเมืองนี้ พ่อแม่เลี้ยงดูอย่างประคบประงม ครั้นพอขับรถเลยไปอีกนิด ก็เจอปั๊มน้ำมัน อย่างที่ใจ นึกอยากใช้บริการพอดี กลัวน้ำมันจะหมดถังเสียก่อน เขาลืมสำรวจ
แต่คิดว่าน้ำมันคงใกล้หมดล่ะ สมองถึงเตือนเขา พุ่งเป้ามาเลย ปั๊มที่ใกล้สายตาที่สุด หลังจากสอดส่ายสายตาหาอยู่ตั้งนาน จนเด็กปั๊มโค้งคำนับ แล้วทำตามที่เขาบอกโดยเปิดฝาถัง กดตามจำนวนตัวเลขที่วิ่งขึ้น เพราะวินท์สั่งเอาเต็มถัง กระทั่งเสร็จสรรพ หลังจากจ่ายค่าน้ำมันผ่านบัตรเครดิต และขับพุ่งออกไป
หากเวลานั้น สายตาของเขา พลันเหลือบ ไปมองเอาแสงไฟริมทาง ที่เป็น จุดเล็กๆตรงหน้า จากหลอดนีออน สลัวสีม่วงๆ และก็พอที่จะสาดสว่าง ให้ เขานั้นเห็นภาพชัดเจนขึ้น คือ เห็นริมทาง นั้นมีโต๊ะตั้งวางอยู่ และสังเกตมองเห็นแล้ว จะรู้สึกว่ามีเด็กสาวอยู่คนหนึ่ง เธอนั้นคงเอาทรุดนั่งแล้วเอาแต่ก้มหน้า กับงานตรงหน้า คือ ปักร้อยเข็มอยู่พวงมาลัยดอกมะลิ อย่างคล่องแคล่ว และ เธอกล้าอยู่คนเดียว เหมือน ว่าคุ้นเคยแทบทุกวัน เลยไม่กลัวอะไร แต่เขาคิดว่า มันอันตรายเหมือนกัน นึกเป็นห่วง ไม่รู้ว่าจะขายดีหรือเปล่า อยากจะอุดหนุน